บทที่ 4 อำมหิตเกินกว่าจินตนาการ (2)
ไป๋เฉินเซียงกระชับห่อผ้าแน่นเมื่อถูกหลีซงไต่สวน นางคว้าเอาข้อแก้ต่างที่คิดได้ออกมาจนหมด “พี่ชายทั้งสอง เช่นนั้นบอกตามตรงว่าข้าน้อยไม่มีเงิน ฐานะบ้านข้าน้อยยากจนข้นแค้นยิ่งนัก เพราะข้าน้อยต้องเร่งเดินทางระยะไกลมากหากให้เช่ารถม้าเองเงินก็ไม่พอ ดังนั้นข้าน้อยเห็นรถม้าของพวกท่านทั้งวิ่งเร็วและน่าค้นหา ซ้ำยังออกจากเมืองเป็นคันแรก ก็เลยคิดว่าอยากลองขอความช่วยเหลือดูสักหน่อย บางที่พวกท่านอาจมีน้ำใจให้ข้าน้อยติดรถไปสักครึ่งทางเผื่อได้ทุ่นแรง แต่หากพวกท่านไม่สะดวก...เช่นนั้นข้าน้อยจะไม่รบกวนพวกท่านแล้ว ข้าน้อยจะเร่งลงไปบัดเดี๋ยวนี้”
ไป๋เฉินเซียงโกหกหน้าไม่เปลี่ยนสี พลางขยับร่างเพื่อออกจากความอึดอัด แต่แล้วเมื่อแหงนหน้าก็ถึงกับตาถลนเพราะกระบี่ดันพาดใกล้ลำคอเข้ามามากกว่าเก่า
“เจ้าคิดอยากมาก็มา คิดอยากไปก็ไปง่ายดายเพียงนี้เชียวรึ” หลีซงขบฟันแน่น
แสงสะท้อนจากกระบี่สาดประกายวาววับปะทะเข้าดวงตาจนเกือบมืดบอด
“หลีซง อย่าเสียมารยาท” บุรุษผู้น่าเกรงขามยังสาดน้ำเสียงใจเย็นประหนึ่งหุบเขาน้ำแข็งออกมา
“แต่หากคนผู้นี้มีปัญหาขึ้นมาจะทำอย่างไรขอรับ”
“จากที่เขาพูด เขาคงเป็นเพียงหนุ่มน้อยบ้านยากจนจริง ๆ ดูเหมือนว่าเสียงยังไม่แตกหนุ่มเสียด้วย จริงหรือไม่น้องชาย น้ำเสียงของเจ้าแปลกพิกลไปหน่อยกระมัง”
ไป๋เฉินเซียงกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ ถึงตาจะบอดทว่าหูอีกฝ่ายกลับจับพิรุธผู้อื่นได้ดุจตาเห็น “คุณชาย ท่านช่างหลักแหลมยิ่งนัก แท้จริงข้าน้อยป่วยเป็นโรคกล่องเสียงไม่สมบูรณ์แต่เด็ก เลยทำให้เสียงของข้าน้อยแปร่ง ๆ เช่นนี้ แม้ข้าน้อยอายุสิบห้าปีมันก็ไม่ยอมพัฒนาการตามตัวข้าน้อยเลย ข้าน้อยก็เลย…เอ่อ…อยากไปรักษาตัว ข้าน้อยรู้มาว่าที่วัดเฉินหลิงมีหมอหัตถ์เทวดาอยู่ เห็นว่าเขารับรักษาผู้ป่วยโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย ก็เลยอยากกลองไปที่นั่นขอรับ”
“เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าที่นั่นมีหมอ” ชายหนุ่มข้องใจ อยากฟังอีกฝ่ายแถไถต่อ
คาดไม่ถึงว่าคนที่อายุน้อยปานนี้จะรู้จักวัดเฉินหลิง นานมาแล้วผู้คนล้วนโจษจันว่าที่นั่นเป็นวัดผีสิงในตำนาน เพราะวันดีคืนดีหากมีชาวบ้านหลงไปเก็บของป่าใกล้ ๆ บริเวณนั้น วัดก็โผล่ให้เห็นไม่มีปี่มีขลุ่ย ส่วนใหญ่ก็วิ่งกันป่าราบเพราะคิดว่าถูกผีหลอก เนื่องจากพอเห็นแล้ววัดก็อันตรธานหายวับไปในพริบตา ชาวบ้านในพื้นที่รวมถึงคนต่างถิ่นล้วนเล่าลือเป็นเสียงเดียวกันว่าหมอหัตถ์เทวดาที่สืบทอดกันมาร้อยชั่วอายุก็เป็นเพียงนิทานหลอกเด็กเรื่องหนึ่ง
“ไม่ขอปิดบัง อันที่จริงข้าน้อยอยากไปเรียนวิชาการแพทย์ที่วัดเฉินหลิง ข้าน้อยว่าหากดวงตาคุณชายมองไม่เห็น ลองไปที่นั่นดูหรือไม่ขอรับ อ้อ…”
ไป๋เฉินเซียงควานหาบางอย่าง
“เจ้าจะทำอะไร” หลีซงไม่วางใจ เขากระชับกระบี่ในมือแน่น
“พี่ชาย ท่านระแวงเกินไปแล้ว เดิมทีข้าน้อยก็เคยศึกษาการแพทย์มาบ้าง นี่เป็นเครื่องหอมที่ข้าน้อยทำเอง ลายบนผ้าก็เป็นฝีมือของ…” ไป๋เฉินเซียงเกือบหลุดปากว่าเป็นฝีมือของตน ในเมื่อนางยังพรางตัวเป็นบุรุษ งานของสตรีเช่นนี้จะเรียกว่าทำเองได้อย่างไร
ไป๋เฉินเซียงกระแอมเบา “...ลายบนผ้างดงามประณีต ข้าน้อยรับรองมีเพียงชิ้นเดียวในโลก แม่ของข้าน้อยเป็นคนปักเองกับมือ ข้าน้อยขอมอบมันให้คุณชายท่านนี้เป็นการตอบแทนที่ไว้ชีวิต แม้ไม่อาจรักษาดวงตาของท่านได้ แต่ในยามค่ำคืน ถุงหอมใบนี้จะช่วยให้ท่านผ่อนคลาย และหลับสบายไร้กังวล”
หลีซงโพล่ง “ใครจะรู้ว่าในนี้มียาพิษหรือไม่ อย่ารับนะขอรับ”
ชายหนุ่มขยับยิ้มพราย “ข้าจะรับไว้”
ไป๋เฉินเซียงโล่งอก ดีใจไม่นานก็ถูกดับฝัน เมื่อคนที่นางคิดว่ามากน้ำใจเปล่งเสียงเข้มหนาวยะเยือกออกมาขู่ขวัญ “แต่หากของที่เจ้าให้ข้านั้นเป็นยาพิษ ข้าจะปลิดชีพเจ้าโดยไม่ทันได้ส่งเสียง”
ไป๋เฉินเซียงมองเขาตาค้าง
อำมหิต คนผู้นี้อำมหิตเกินกว่าที่ข้าจินตนาการนัก
ไป๋เฉินเซียงหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก “เช่นนั้นข้าน้อยจะพิสูจน์ให้พวกท่านดู” มือเรียวคว้าถุงหอมที่มอบให้เขาขึ้นมาสูดดมเสียงดังฟอด
หลีซงเกิดแขยงขึ้นมา “เจ้าบอกจะมอบให้นายท่านของข้า แต่เจ้าดันดมมันไปแล้ว นี่เจ้าจงใจใช่หรือไม่”
ไป๋เฉินเซียงอยากผ่ากบาลชายหนุ่มนามว่าหลีซงดูเสียจริง ไม่รู้ว่าในศีรษะของเขาเต็มไปด้วยความหวาดระแวงหรืออย่างไร จับผิดนางประหนึ่งนักโทษเดนตาย
“เช่นนั้นข้าน้อยจะเปลี่ยนให้”
“ไม่ต้อง” มือหยาบระคายแย่งถุงหอมไปจากนางดุจตาเห็น
ไป๋เฉินเซียงตะลึงลานมือแข็งค้างกลางอากาศ ความรู้สึกที่ปลายนิ้วอีกฝ่ายแตะถูกร่างมันรู้สึกแปลบปลาบไปทั่วสรรพางค์ดุจดั่งสายฟ้าฟาดลงกลางกระหม่อม
ไป๋เฉินเซียงส่ายหน้าเรียกสติ “ขออภัยที่ข้าน้อยเสียมารยาท เช่นนั้นหากข้าน้อยสำเร็จการศึกษาเป็นแพทย์ผู้เก่งกาจเมื่อใด ข้าน้อยสัญญาจะต้องรักษาดวงตาของท่านให้หายขาดเป็นแน่ ขอเพียงแค่พวกเรามีวาสนาต่อกันก็พอ ขอบคุณคุณชายที่เมตตาขอรับ”
เพราะสถานการณ์บีบบังคับ ไป๋เฉินเซียงเล็งเห็นจังหวะเหมาะก็กระโดดลงทางหน้าต่าง ร่างบอบบางกลิ้งหลุน ๆ ลงไปยังพื้นสกปรกจนเนื้อตัวถลอกปอกเปิก
หลีซงสบถหัวเสีย เขาตั้งท่ากระโจนตามลงไป
“ไม่ต้องตาม”
“แต่หนุ่มน้อยนั่นอาจเป็นมือสังหารนะขอรับ”
“อย่าใจร้อน เอาของสิ่งนี้ไปตรวจสอบ เดี๋ยวก็ได้รู้ว่าเขามีปัญหาหรือไม่”
ชายหนุ่มโยนถุงหอมที่รับมาจากไป๋เฉินเซียงส่งให้หลีซง แม้เขามองไม่เห็น แต่จากน้ำเสียงและกลิ่นเครื่องหอมกระทั่งมือที่เขาสัมผัสโดนอีกฝ่ายก็แทบไม่ต้องบอกว่าหนุ่มน้อยนักต้มตุ๋นคนเมื่อครู่มิใช่บุรุษ...
