บทที่8 ตามผู้บริหารมาเป็นเด็กเดินเอกสาร
หม่อมหลวงตฤณรดาถอนหายใจพรืดก่อนที่จะใช้เอกสารในมือต่างพัดวีไปมาให้เกิดลมเพื่อบรรเทาความร้อนของอากาศพร้อมทั้งหอบแฮก ๆ เธอไม่รู้เลยว่าควรจะหอบก่อนดีหรือจะพัดก่อนดี หรือทางที่ดีที่สุดคือเดินไปหาที่นั่งที่มีแอร์เย็น ๆ พัดถึงก่อนดี
“ส่งถึงมือคุณกานดารึเปล่า” น้ำเสียงขรึมต่ำดังมาจากคนที่นั่งเซ็นต์เอกสารอยู่บนโต๊ะทำงานดีไซน์เรียบง่ายแต่ราคาไม่ธรรมดาทำให้หญิงสาวอยากจะกรอกตามองบน สิรดนัยไม่ได้เงยหน้ามองคนที่เขาถามดวงตายังคงสนใจกับงานตรงหน้าราวกับไม่ใส่ใจคนที่หอบแฮก ๆ คล้ายเวลาเลโอนี่ออกกำลังกายเสร็จแต่ความจริงแล้วกำลังพยายามรักษามาดขรึมให้ได้มากที่สุด บอกตัวเองอย่าได้หลุดขำออกมาเป็นอันขาด
“ส่งให้ถึงมือคุณเลขากานดาเรียบร้อยแล้วค่ะท่านผู้บริหาร มีอะไรให้รับใช้อีกไหมคะ?” ราชนิกูลสาวเอ่ยบอกเสียงประชดอย่างอดไม่ได้ ไม่น่าเลยจริง ๆ ถ้าย้อนเวลากลับไปเมื่อ3ชั่วโมงก่อนได้เธอจะย้อนกลับไปและไม่ตอบรับคำชวนมาเที่ยวที่บริษัทกับเขาอย่างแน่นอน เพราะวันนี้ตรงกับวันเสาร์เธอไม่ต้องไปเรียนและก็ไม่มีกระจิตกระใจจะไปไหนพอรู้ว่าเขาจะเข้ามาที่บริษัทซึ่งแต่เดิมเป็นของคุณชายปนัยภพที่ตอนหลังยกให้เธอโดยมีสิรดนัยเป็นผู้เข้ามาบริหารให้ธุรกิจที่กำลังจะล้มละลายนี้กลับมารุ่งเรืองอีกครั้งและชวนเธอมาด้วย ด้วยความอยากเข้ามาสำรวจบริษัทที่มีชื่อตัวเองเป็นเจ้าของดูสักครั้งจึงยอมตอบตกลงรับคำชวนโดยที่จินตนาการไปว่าเขาคงแนะนำเธอในฐานะเจ้าของบริษัทและมีคนคอยต้อนรับจึงไม่คิดอะไรมาก
ที่ไหนได้การตามผู้บริหารมาครั้งนี้กลับเป็นการตามมาเป็นเด็กเดินเอกสาร ตั้งแต่มาถึงเขาให้เธอเดินเอาเอกสารออกไปให้เลขาสาวที่หน้าห้องแทบจะไม่ได้พักหายใจหายคอ อยากถามเหลือเกิน ที่นี่ยังเป็นชื่อเธออยู่ไหม!!!
“นี่ไง กองนี้น่ะ ยกออกไปให้คุณกานดาแล้วก็รอหน้าห้อง เดี๋ยวพี่จะพาไปกินข้าว” ชายหนุ่มเอ่งบอกก่อนที่จะก้มกน้าก้มตาเซ็นต์เอกสารต่อ
“ใช้จนคุ้มแล้วนิถึงพาไปกินข้าวได้” หญิงสาวบ่นก่อนที่จะยกเอกสารที่วางซ้อนกันเป็นกองออกไปจากห้องด้วยท่าทีกระฟัดกระเฟียด
สิรดนัยมองตามยิ้ม ๆ ก่อนที่จะส่ายหน้าขำขัน ชิสุน้อยของเขาไม่ได้เปลี่ยนไปเลยสักนิดแม้ว่าจะอยู่ในอารมณ์ที่เจ็บปวดเพราะเพื่อนไม่เชื่อใจเหมือนกับตอนนั้นที่เรื่องราวยังไม่คลี่คลายแต่ยังคงยิ้มได้ หัวเราะได้ และจิกกัดประชดประชันได้ถ้าไม่ชอบใจ
3ปีก่อน
สนามบิน
ร่างสูงสมบูรณ์แบบก้าวเข้ามาในสนามบินอย่างองอาจและสง่างาม หลายสายตาจับจ้องมาที่เขาโดยเฉพาะหนุ่มสาวในชุดยูนิฟอร์มของสายการบินซันชายแอร์ไลน์แต่ก็ได้แค่มองเมื่อร่างที่เขาและเธอหลายๆคนรู้ว่าเป็นใครนั้นไม่ได้มาคนเดียวทำให้ไม่กล้าที่จะเข้าไปทักทาย
“แน่ใจนะครับคุณฟ้าว่าจะไม่เป็นอะไร” สิรดนัยเอ่ยปากสอบถามอย่างกังวลมองคนถูกถามที สามีคนถูกถามที
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ คุณสิงโตอย่าห่วงเลย ถ้าเกิดอะไรขึ้นคุณต่อจะต้องดูแลฟ้าได้” ม่านฟ้าเอ่ยบอกก่อนที่จะหันไปถามเตวินทร์ “ใช่ไหมคะคุณต่อ”
“ใช่ที่สุดครับที่รัก อย่าห่วงเลยสิงโต” หม่อมหลวงเตวินทร์เอ่ยบอกแล้วยิ้มให้อีกฝ่ายคลายกังวล วันนี้เขาจะเดินทางไปหาเสี่ยวิชัยเพื่อใช้หนี้ม่านฟ้าเองก็อยากที่จะไปเยี่ยมพ่อแม่ด้วย ส่วนสิรดนัยที่แวะไปวังสิราราชพร้อมตฤณรดารู้เข้าก็อาสามาด้วยเผื่อเสี่ยวิชัยคิดเล่นตุกติกอะไรนอกจากสิรดนัยแล้วยังมีร้อยตำรวจเอกพายัพลูกชายของผู้กำกับพสินธุ์ซึ่งมีศักดิ์เป็นลูกพี่ลูกน้องของผู้บริหารหนุ่มเดินทางไปด้วยเพื่อความปลอดภัย
“ผมว่าเราไปขึ้นเครื่องกันเถอะครับ จะได้ไม่เสียเวลา” ผู้กองพายัพเอ่ยบอกหลังจากที่เงียบฟังอยู่นาน อีกสามคนพยักหน้าก่อนที่จะพากันเดินทางไปขึ้นเครื่อง
บนเครื่อง
“สวัสดีค่ะคุณสิงโต มีอะไรให้ช่วยรึเปล่าคะ” แอร์โฮสเตสสาวเอ่ยอย่างสุภาพเมื่อผู้บริหารหนุ่มและพวกก้าวขึ้นมาบนเครื่อง รอยยิ้มเกิดขึ้นบนใบหน้าสวยแก้มเห่อแดงอย่างเขินอาย แค่ได้มองหน้าผู้บริหารหนุ่มรูปหล่อก็ทำให้รู้สึกเขินอายแล้วและเธอเชื่อได้ว่าคงไม่ใช่แค่เธอเพื่อนร่วมสายงานอีกหลายสิบคนก็เช่นกัน คนอะไรหล่อเหลาทำสาวใจเต้นได้แบบนี้
“ช่วยหาที่นั่งให้ผมหน่อยสิครับ” พายัพเอ่ยพลางแทรกตัวเข้ามาเสนอหน้าด้านหน้าของแอร์โฮสเตส เขาไม่ชอบสายตาแอร์สาวพวกนี้เลย ดูทำเอียงอายที่เห็นลูกพี่ลูกน้องเขา คงหวังอยากเป็นภรรยาผู้บริหารกันสินะ อย่าฝันเลยท่านผู้บริหารมีภรรยาแล้ว
“เอ่อได้ค่ะ เชิญทางนี้” หญิงสาวเอ่ยบอกก่อนที่จะนำทางพายัพไป ม่านฟ้าและหม่อมหลวงเตวินทร์เดินตามไปติด ๆ ส่วนสิรดนัยเดินตามรั้งท้าย ทุกก้าวที่เดินรู้สึกว่าหนังตาขวากระตุกและเมื่อมาถึงที่นั่งก็ต้องเลิกคิ้วสูงอย่างตกใจ
“ต้องตา!” เป็นเตวินทร์ที่ส่งเสียงขึ้น ใช่ ที่สิรดนัยเลิกคิ้วสูงสาเหตุก็มาจากข้างๆที่นั่งของเขานั้นมีตฤณรดาในชุดทะมัดทะแมงนั่งยิ้มยักคิ้วใส่อยู่
“นี่พวกคุณน่ะเบาเสียงหน่อยได้ไหม รำคาญ” ไม่ทันที่ใครจะได้พูดอะไรเพิ่มเสียงห้วน ๆก็ดังขึ้นอย่างตำหนิ ทำให้สิรดนัยตีหน้านิ่งติดจะเยือกเย็นก่อนที่จะนั่งลงข้างๆคนที่เขารู้ว่าแอบตามมาทั้งที่บอกไว้แล้วว่าไม่ต้องมา
“ไปนั่งที่เถอะครับคุณต่อ คุณฟ้า พีท เดี๋ยวทางนี้ผมจัดการเอง” สิรดนัยบอกก่อนที่จะหันมาส่งสายตาชนิดที่ใครๆก็บอกว่านิ่งสงบสยบทุกความเคลื่อนไหวใส่ตฤณรดา “มาทำไม พวกพี่บอกว่าไม่ต้องมาไง”
“ไม่สนอะ คุณต้องอยากไป” ตฤณรดาว่าก่อนที่จะหันหน้าไปอีกทางด้วยไม่อยากสบตากับสายตาน่ากลัวนั้น ใช่ เธอขอมาด้วยแต่ทั้งเตวินทร์และสิรดนัยขัดค้านอย่างพร้อมเพรียงไหนจะหม่อมตรีประดับและหม่อมวรรณาที่บอกสั้นๆอย่างพร้อมเพรียงว่าไม่อนุญาต แต่ก็ทำไมต้องทำตามล่ะ เธอห่วงญาติผู้พี่และภรรยาของเขานิ
“มันอันตรายนะ” สิรดนัยบอกเรียบ ๆแต่แล้วสิ่งที่ตฤณรดาตอบกลับมากับทำให้เขาอึ้งจนพูดไม่ออก
“อันตรายแล้วไง พี่สิงห์ไม่มีปัญญาดูแลคุณต้องได้รึไงเล่า ถ้าแค่คุณต้องยังดูแลไม่ได้ขายหุ้นสายการบินให้คนอื่นดูแลจะดีกว่ามั้ง” เด็กสาวพูดจบก็เบือนหน้าออกนอกหน้าต่าง
“ตรงนั้นเลยค่ะ” “เอ่อ ผมไม่อยากนั่งติดหน้าต่างแล้วอะ” เสียงสนทนาของแอร์โฮสเตสและชายหนุ่มคนหนึ่งดังขึ้นข้างๆทำให้สิรดนัยและตฤณรดาต้องหันไปมอง
“แต่ตอนแรกจองติดหน้าต่างนิคะ” แอร์โฮสเตสสาวเอ่ยบอกอย่างลำบากใจ จะมามีปัญหาตรงไหนไม่มีมามีต่อหน้าผู้บริหารใหญ่แถมดูจะเคลียร์ไม่ได้ด้วย
“แต่ผมไม่อยากแล้ว ผมอยากนั่งตรงนี้” ชายหนุ่มว่าอย่างเอาแต่ใจพลางชี้ไปที่ที่นั่งของสิรดนัย
“แต่...” “ไม่เป็นไร เดี๋ยวผมย้ายไปนั่งข้างหน้าต่างก็ได้” สิรดนัยบอกขึ้นเมื่อเห็นสีหน้าลำบากใจของแอร์โฮสเตสสาวก่อนที่จะขยับลุกไปนั่งในที่นั่งติดหน้าต่าง ปัญหานั้นก็มลายหายไปชายหนุ่มที่ได้ที่นั่งที่พอใจยิ้มร่า “ขอบคุณนะคุณ ความจริงผมแค่ขี้เกียจเดินผ่านน้องผู้หญิงไปแค่นั้นแหละ”
คำบอกเล่าของชายหนุ่มเจ้าปัญหาไม่ได้ทำให้สิรดนัยโวยวายหรือส่งเสียงอะไรออกมาชายหนุ่มยังคงเงียบนิ่งจนคนมาใหม่รู้สึกไม่ชอบใจ
“พี่ชายน้องเหมือนจะใจดีนะ แต่ดูอีกที่หยิ่งอะ” หนุ่มเจ้าปัญหาเอ่ยบอกกับตฤณรดาที่ ณ ตอนนี้นั่งอยู่ตรงกลางระหว่างสองหนุ่ม สิรดนัยเงี่ยหูฟังทั้งที่ทำหน้าไม่สนใจ
“เอ่อ เขาไม่ได้หยิ่งหรอกค่ะพี่ แต่ตอนนี้เขาอารมณ์ไม่ดี” เด็กสาวเอ่ยบอกแต่ก็ไม่ได้ชี้แจงว่าชายหนุ่มนั้นไม่ใช่พี่ชาย
“อ๋อ ! เอ่อ น้องชื่อไรอะ พี่ธิวานะ”ชายหนุ่มเจ้าปัญหาเอ่ยบอกทำเอาคนถูกถามชื่อเลิกคิ้วสูงแล้วสำรวจอีกฝ่าย มันเป็นการมองอย่างพิจารณาจนคนนั่งติดหน้าต่างรู้สึกหงิดหงิดแบบที่ไม่เคยเป็น ไม่ใช่ เขาเคยเป็นแบบนี้ในตอนที่เจ้าเด็กอภิวัฒน์โผล่มาทักทายคนที่นั่งข้างๆเขา
“ธิวา นักร้องที่กำลังดังๆอยู่ป่ะ” เสียงนั้นเบาแผ่วแต่ธิวารวมถึงสิรดนัยก็ได้ยิน
“ชู๊ อย่าดังนะ พี่ปลอมตัวมา” ชายหนุ่มบอกแล้วยักคิ้วข้ามหัวเด็กสาวไปหาชายหนุ่มที่สละที่นั่งให้เขา กะจะทำให้ต่อมหวงน้องสาวของคนหน้านิ่งแถมหยิ่งระเบิดให้ได้ ช่วยไม่ได้มาทำหยิ่งใส่เขาทำไม
“ว้าว ดีใจจังได้เจอตัวจริง หนูชื่อต้องตาค่ะ ต้องตาก็ชอบและติดตามเพลงพี่ธิวานะ แต่ไม่เคยเห็นหน้า ดีใจมากอะได้เจอตัวเป็นๆ” บอกยาวปรื้อแต่ก็แผ่วเบา เด็กสาวยิ้มอย่างดีใจจนลืมไปเลยว่าเมื่อครู่โดนใครโกรธอยู่ มันน่าตีนักเชียว
“คุณต้อง นั่งเงียบ ๆ” เสียงปรามดังมาทำให้คนดีใจได้เจอนักร้องเจ้าของเพลงโปรดหุบยิ้มฉับก่อนที่จะเอ่ยกับธิวาราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น “เดี๋ยวต้องตาขอลายเซ็นต์ไปอวดเพื่อนหน่อยได้ไหมคะพี่ธิวา”
“ได้เลยน้อง พี่เซ็นต์ให้ที่หมวกใบนี้ก็ได้นะ”พูดจบนักร้องหนุ่มก็ถือวิสาสะฉวยหมวกในมือเด็กสาวไปเซ็นต์ลายเซ็นต์ทันที
“ว้าว ขอบคุณค่ะ วันนี้โชคดีจังเลยอะ ได้เจอนักร้องดังแถมได้ลายเซ็นต์ด้วย” เด็กสาวบอกอย่างดีใจโดยไม่รู้เลยว่าอากัปกิริยาของตนนั้นทำให้สิรดนัยไม่พอใจเอาเสียเลย สายตาหนุ่มหน้านิ่งมองเด็กสาวอย่างไม่พอใจในขณะที่เด็กสาวนั้นกลับพูดคุยกับธิวาโดยไม่ได้หันมาสนใจ
นานพอสมควรกับการมองที่สุดแล้วสิรดนัยจึงเลิกมอง ชายหนุ่มหันหน้าออกด้านนอกอย่างไม่สบอารมณ์ เขารู้สึกไม่พอใจและรู้สึกควบคุมความอารมณ์ตัวเองตอนนี้ไม่ได้เลย เป็นอะไรนะ ทำไมเขาต้องไม่ชอบเห็นตฤณรดาพูดคุยกับธิวาด้วย
ไม่ รู้สึกจะไม่ใช่แค่ธิวา เขาไม่ชอบให้เด็กสาวคุยกับใครนอกจากเขาเลย เห็นแล้วหงุดหงิด
และแล้วก็ถึงสถานที่ปลายทางอย่างปลอดภัยในเวลาไม่กี่ชั่วโมงต่อมา พนักงานบนเครื่องบินหลายคนพากับถอนหายใจโล่งอกไปตามๆกัน ทุกคนรู้สึกได้ว่าสถานการณ์บนเครื่องคล้ายกับทุกเที่ยวบินแต่กลับรู้สึกว่าบรรยาการมันดูอึมครึมอึดอัดแปลกๆ โดยเฉพาะเมื่อแอบหันไปมองคนเป็นผู้บริหารสายการบิน สีหน้าที่ปกติจะนิ่งสงบสยบทุกสถานการณ์ของบอสใหญ่ตอนนี้มีสีหน้าหงุดหงิดงุ่นง่าน ไม่พอใจ คล้ายกับชายหนุ่มกำลังหึงหวงแฟนตัวเองคุยอยู่กับผู้ชายคนอื่นก็ไม่ปาน บรรยากาศอึมครึมนั้นทำให้พนักงานหลายคนถึงกับหายใจไม่ทั่วท้องกันไปตามๆกัน
“ไม่ลงเหรอน้อง” ธิวาเอ่ยถามเด็กสาวที่ยังคงนั่งอยู่ที่เดิมไม่รีบร้อนทะยอยออกไปเหมือนผู้โดยสารคนอื่น
“รอไปทีหลังดีกว่า ต้องตาไม่ชอบเบียดเสียดกับใคร” เด็กสาวบอกแล้วหันมองสิรดนัยซึ่งตอนนี้หยิบสมาร์ทโฟนขึ้นมาเปิดราวกับไม่สนใจเธอกับนักร้องหนุ่มจะทำอะไร ไม่นานผู้โดยสารก็เริ่มน้อยลงและในที่สุดก็เหลือแต่พนักงานและกลุ่มของสิรดนัยรวมถึงธิวา
“พี่สิงโตฮะ เราจะพักที่โรงแรมก่อนหรือจะยังไงฮะ” พายัพก้าวมาถามแล้วขมวดคิ้วเมื่อเห็นนักร้องคนดัง แม้อีกฝ่ายจะปลอมตัวก็ตาม แต่เขาที่เคยคุ้มกันอีกฝ่ายอยู่ช่วงหนึ่งก็จำได้ดี “เฮ้ยคุณธิ หวัดดีไม่ได้เจอนานเลยนะ”
“ผู้หมวดพายัพ เอ้ย ตอนนี้คงเป็นผู้กองแล้วสิ สบายดีไหมคุณ” ธิวาหันไปทักทายคนที่เคยช่วยเขาไว้จากการถูกลอบทำร้ายอย่างสนิทสนม
“สบายคุณ เอ้อ เดี๋ยวๆ ผมขอถามพี่ผมแป๊บ ตกลงว่าไงครับพี่สิงโต” พายัพบอกก่อนจะถามสิรดนัยในประโยคหลัง
“คุณต่อว่ายังไงล่ะ” มันเป็นเสียงเรียบที่ฟังดี ๆจะรู้ว่าเจ้าของน้ำเสียงนั้นอยู่นั้นอารมณ์ไม่พอใจอะไรสักอย่างอยู่ พายัพลอบยิ้ม คงไม่ใช่ว่าญาติผู้พี่ของเขากำลังหวงและหึงสาวน้อยตฤณรดากับนักร้องหนุ่มอยู่หรอกนะ
“พี่จะพามุกไปหาพ่อกับแม่เขาน่ะ ถ้าไม่ไปด้วยกัน สิงโต ต้องตากับพายัพไปเปิดโรงแรมพักกันก่อนเลยนะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยนัดเจอกันแล้วไปหาไอ้เสี่ยนั่น” คนเป็นหม่อมหลวงแห่งราชสกุลสิราราชบอกแล้วส่งสายตาดุไปให้ตฤณรดา เขาจะชำระความเด็กดื้อที่แอบขัดคำสั่งตามมาให้สำนึกเลย “ต้องตา ลุกมาหาพี่”
“ต้องตาไม่ได้ทำอะไรผิดนะพี่ต่อ อย่ามาทำตาดุจิ ไม่เอาๆ” คนรู้ตัวว่าจะถูกชำระความบอกแล้วก็ส่งสายตาออดอ้อนวิงวอนส่งให้ญาติผู้พี่ขณะที่เดินไปหาแต่เมื่อเห็นว่าสายตาออดอ้อนครั้งนี้มันใช้ไม่ได้ผลเด็กสาวก็ต้องกระซิบเสียงขู่แทน “ถ้าจะทำโทษต้องตาล่ะก็...ต้องตาจะฟ้องพี่ฟ้าเรื่องไม่ดีไม่ดีของพี่ต่อให้หมดเลย”
“ต้องตา ฮึ้ย ไม่ไหว จัดการต่อให้ทีสิงโต” คนถูกขู่จะแฉเรื่องแย่ๆให้คนรักฟังเอ่ยอย่างหงุดหงิดทำอะไรไม่ได้ก่อนที่จะพาภรรยาสาวก้าวเดินออกไป
“งั้นเราลงไปกันดีกว่าคุณธิ มาๆนาน ๆเจอกันทีคุยกันหน่อย” พายัพเอ่ยก่อนที่จะกอดคอธิวาเดินตามออกไปแม้ว่าอีกฝ่ายจะไม่ใคร่เต็มใจนักโดยทั้งคู่ไม่รู้เลยว่าตฤณรดามองตามแล้วจินตนาการไปไกลแสนไกลขนาดไหน
“พี่สิงห์ๆ พี่พายัพน่ะเป็นเกย์เหรอ” เด็กสาวถามผู้บริหารหนุ่มที่ตอนนี้ลุกจากที่นั่งมายืนข้างๆเธอแล้ว “เขาเป็นคู่เกย์กันรึเปล่าน่ะ”
"เพ้อเจ้อ" สิรดนัยเอ่ยอยางขบขัน ไอ้อาการไม่พอใจก่อนหน้านี้มันหายไปกับคำถามนั้นของเด็กสาว
“แหนะๆๆ มาหาว่าหนูเพ้อเจ้อได้ไง ตาไม่ถึง” เด็กสาวว่าก่อนที่จะมองหมวกของเธอ “ช่างเถอะ ต่อให้พี่ธิวากับพี่พายัพจะเป็นคู่เกย์กันแต่หนูก็ยังชื่นชมพี่เขาอยู่ดี”
“เหอะ” เสียงจากสิรดนัยส่งกลับมาแค่นั้นก่อนที่จะเดินนำหน้าไป เขาล่ะหมั่นไส้นายธิวานั่นเหลือเกิน หงุดหงิดขึ้นมาอีกแล้ว เชอะ ชื่นชมพี่เขาอยู่ดีงั้นเหรอ จะมีใครสักกี่คนที่พูดแบบนั้นต่อหน้าคนเป็น แฟน คู่หมั้น หรือแม้แต่สามีแบบนี้เล่า
“อ้าว” เด็กสาวได้แต่ร้องมองตามอย่างงุนงง เป็นอะไรของเขากันล่ะนั้น เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย เป็นคนที่แปลกมาก ๆ ถึงมากที่สุดเลย
