บทที่9 ไม่เปลี่ยนไปเลย
สิรดนัยก้าวเข้ามาในบ้านหลังใหญ่ที่มีเครื่องเรือนหรูหราไม่แพ้บ้านเศรษฐีต่างจังหวัดหลังอื่น ๆ ด้วยใบหน้านิ่งตามแบบฉบับ ด้านข้างของเขาคือตฤณรดา ด้านหลังคือผู้กองพายัพ ด้านหน้าคือสองสามีภรรยาเตวินทร์และม่านฟ้า ตอนนี้เขาและคนอื่น ๆ อยู่ในบ้านของม่านฟ้าโดยมีสองสามีภรรยาเจ้าของบ้านเดินนำหน้า จากทีแรกตกลงจะพักโรงแรมเขากลับเปลี่ยนใจเมื่อโรงแรมที่จองนั้นธิวาก็จองไว้เช่นกันเตวินทร์ที่ดูจะไม่ชอบที่ธิวาเข้ามาคุยกับตฤณรดาเกินพอดีจึงเสนอให้มาพักที่บ้านแทน
บ้านหลังนี้สร้างขึ้นจากเงินส่วนหนึ่งที่ยืมเสี่ยวิชัยมา ข้าวของและการตบแต่งทั้งหมดเป็นพ่อแม่ของหญิงสาวที่เรียกร้องหามาและยังพาน้องสาวน้องชายของหญิงสาวเข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้แทนบ้านหลังเก่าที่อยู่กันมาแต่รุ่นปู่ย่าด้วย ดูจากข้าวของเครื่องใช้แล้วสิรดนัยได้แต่ทอดถอนหายใจ คะเนได้ว่าพ่อแม่และน้อง ๆ ของม่านฟ้าคงจะเป็นคนฟุ่มเฟือยไม่ใช่น้อย
“พี่ฟ้า พี่ต่อ” เสียงแหลม ๆ ไม่น่าฟังดังขึ้นทำเอาสิรดนัยแสบแก้วหูในขณะที่แม่ชิสุข้าง ๆ สะดุ้งโหย่งคล้ายกับว่าตกใจเสียงนั้นเอามาก ๆ ทุกสายตาหันไปตามเสียงก่อนที่จะได้พบเข้ากับร่างของหญิงสาววัยประมาณ20ต้นในชุดสายเดี๋ยวกางเกงยีนขาสั้นแทบจะไม่ปกปิดขาอ่อนและแผ่นหลัง
“ถ้าจะโชว์ขนาดนี้แก้ผ้าเถอะยัยเสียงแหลม” ตฤณรดาพึมพำให้พอได้ยินแค่สิรดนัยเมื่อมองการแต่งตัวนั้น
“แม่ พี่ฟ้ามาแล้วพาใครมาด้วยก็ไม่รู้เยอะแยะเลย” แม่สาวนุ่งน้อยห่มน้อยตะโกนเสียงดังลั่นบ้านก่อนที่จะมองมาทางคนมาใหม่ด้วยสายตาดูถูก สิรดนัยหันกลับมาดูการแต่งตัวของตัวเองและคนรอบข้างที่ตอนนี้เปลี่ยนมาใส่ชุดธรรมดาที่มีขายตามท้องตลาดแทนชุดราคาแพงตามความต้องการของเตวินทร์ก่อนที่จะพ้นลมหายใจอย่างผิดหวัง คนที่มองกันแค่ภายนอกช่างมีมากจริง ๆ
ไม่นานต่อจากนั้นร่างของชายหญิงวัยประมาณ50ต้น ๆ ก็เดินมาพร้อมกับเด็กหนุ่มวัยราว ๆ 19ปี หญิงชราส่งเสียงถามด้วยเสียงดูถูกยิ่งกว่าสายตาของแม่สาวเสียงแหลม “นังฟ้านี่แกกลับมาแล้วเหรอ ผัวแกก็มาด้วย แล้วพวกนั้นใครเนี่ย ตอนไปหนีไปกันสองคนทำไมกลับมาเป็นฝูงแบบนี้ ฉันไม่มีปัญญาหาเลี้ยงพวกจรจัดนะเว้ย”
“ไม่เอาน่าแม่เฟื่อง มา ๆ มากันเหนื่อย ๆ เข้าไปกินน้ำกินท่ากันก่อน แล้วค่อยว่ากัน” เสียงชายชราขัดขั้นก่อนที่จะนำทางทุกคนไปยังห้องนั่งเล่นและให้เด็กรับใช้เอาน้ำมาเสิร์ฟ ในห้องนั่งเล่นมีชายวัยกลางคนคนหนึ่งนั่งอยู่ก่อนแล้วแต่ก็ไม่ได้มีทีท่าจะลดตัวมาทักทาย เตวินทร์กระซิบบอกว่าชายชรานั้นคือกำนันมิ่งเมืองหรือที่ชาวบ้านเรียกกำนันมิ่งเป็นพ่อของม่านฟ้า ส่วนหญิงชรานั้นคือแม่เฟื่องฟ้าแม่ของหญิงสาว แม่สาวนุ่งน้อยห่มน้อยแถมเสียงแหลมคนนั้นเป็นน้องสาวของม่านฟ้าชื่อว่าเหมือนฝัน ส่วนเด็กหนุ่มนั้นคือเมฆหมอกน้องชายของม่านฟ้า ส่วนชายวัยกลางคนในห้องนั่งเล่นคือพ่อเลี้ยงศักดิ์ชัย สามีของเหมือนฝัน
“ไปถึงไหนกันล่ะฟ้า พ่อต่อ” กำนันมิ่งที่ดูแล้วใจเย็นและสุขุมที่สุดในบ้านเอ่ยถามบุตรสาวและบุตรเขยที่พากันหนีร้อนไปไม่ส่งข่าวคราวมาสักพัก
“กรุงเทพจ้ะพ่อ” ม่านฟ้าตอบสั้น ๆ มือทั้งสองข้างกำกันแน่นรู้สึกละอายใจที่พากันหนีไปไม่ได้พาพ่อแม่และน้อง ๆ ไปด้วย “ฟ้าขอโทษนะที่ไปโดยที่ไม่บอกแล้วก็ไม่พาพ่อกับแม่ไปด้วย เสี่ยวิชัยมันทำอะไรพ่อกับทุกคนรึเปล่าจ๊ะ”
“มันก็มาระรานบ้างแต่ได้พ่อเลี้ยงศักดิ์ชัยเขยขวัญของฉันช่วยไว้นี่ล่ะมันถึงไม่มาทำอะไรรุนแรง” เฟื่องฟ้าเอ่ยบอกอย่างยกยอเขยคนกลางออกนอกหน้าพร้อมทั้งเหน็บลูกเขยคนโตไปด้วย “ไม่เหมือนใครบางคนหรอก พอหมดปัญญาก็หนีเอาตัวรอดทิ้งกันไป”
“แม่เฟื่อง” กำนันมิ่งเอ็ดคนเป็นเมียก่อนที่จะมองหน้าลูกเขยคนโต “แล้วที่กลับมานี่มีทางออกแล้วรึ”
“ครับพ่อ ผมเอาเงินมาใช้หนี้เสี่ยวิชัยครับ แล้วก็พาหลานมาหาตากับยาย” ราชนิกูลหนุ่มเอ่ยบอกพร้อมทั้งวางมือลงบนมือเรียวของภรรยาที่กำลังลูบหน้าท้องอยู่
“นี่แกท้องรึนังฟ้า” เฟื่องฟ้าถามลั่นเก็บอาการไม่อยู่ทั้งดีใจทั้งตกใจและหวาดวิตกไปพร้อมกัน “ตายแล้ว ถ้าเสี่ยวิชัยรู้แกต้องไม่ปลอดภัยแน่นังฟ้า”
“แม่ไม่ต้องกังวลหรอกครับ เดี๋ยวเสี่ยวิชัยก็จะไม่ได้กร่างแล้วล่ะ” เตวินทร์บอกด้วยน้ำเสียงเหี้ยมเกรียม ก่อนนี้เขาเป็นแค่เตวินทร์คนธรรมดาจึงถูกรังแกได้ แต่ไม่ใช่ตอนนี้ที่เขากลับมาเป็นหม่อมหลวงเตวินทร์ผู้ไม่เคยยอมให้ใครมาหยามเกียรติ เสี่ยวิชัยจะต้องชดใช้ที่บังอาจมาข่มขู่เขาและสิราราช
“มีปัญญาทำอะไรเขาแล้วเหรอนายต่อ” “นั่นสิพี่ต่อ” สองเสียงถามมาด้วยน้ำเสียงดูถูกเจ้าของเสียงนั้นคือพ่อเลี้ยงศักดิ์ชัยและเหมือนฝันนั่นเอง
“มีไม่มีแล้วมันหนักหัวลุงกับป้าสองคนเหรอ นั่งเงียบ ๆ ไปดีกว่านะ” เป็นตฤณรดาที่ส่งเสียงขึ้นทำเอาเตวินทร์และผู้กองพายัพหลุดขำออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ สิรดนัยหันควับมองชิสุน้อยปากเสียก่อนที่จะลอบยิ้มมุมปาก แม่ชิสุน้อยเปิดศึกแล้ว แต่จะว่าไปคนชอบดูถูกแบบนั้นเจอแบบนี้บ้างก็ดี
“ยัยต้องอย่าเสียมารยาท” เตวินทร์ตักเตือนด้วยเสียงไม่จริงจังก่อนที่จะขอโทษน้องภรรยาและน้องเขยมากวัยกว่าด้วยใบหน้ายิ้มสะใจ “ผมขอโทษแทนน้องสาวผมด้วยนะครับพ่อเลี้ยง ยัยคนนี้ปากร้ายไปนิดแต่ก็ยังเด็กอย่าถือสาแกเลยนะ”
“นี่น้องสาวพี่ต่อเหรอ เหอะ” เหมือนฝันถามเสียงเยาะก่อนที่จะเอ่ยวาจาร้ายกาจจนเด็กสาวอยากจะกระโจนไปข่วนหน้า “ก็สมเป็นน้องพี่ต่ออยู่หร๊อก เอาเป็นว่าฉันยกโทษให้เพราะเห็นแก่เป็นน้องพี่เขยหรอกนะแต่เตือนไว้ก่อนนะอย่ามาทำตัวไร้การศึกษาที่นี่ เข้าใจไม่ยัยเด็กเหลือขอ”
“อย่างกับตัวเองวิเศษจัง มันน่าจับทุ่มจริง ๆ เลย” เด็กสาวเอ่ยพร้อมทั้งลุกขึ้นหมายจะกระโจนเข้าไปจัดการด้วยความโมโหแต่สิรดนัยกลับจับไว้และรวบไว้ได้ทันท่วงที
“อย่าก่อเรื่อง” คนมาดนิ่งบอกสั้น ๆ แต่ก็ยังไม่ยอมปล่อยเด็กสาวครู่ต่อมาจึงรวบร่างบางลงนั่งบนตักราวกับกลัวว่าถ้าปล่อยแล้วยัยชิสุน้อยจะกระโดดไปกัดคนเข้า เตวินทร์ตวัดสายตามองด้วยความหวงน้องก่อนที่จะพ้นลมหายใจหนัก ๆ เมื่อพ่อคนมาดนิ่งไม่ได้หันมามองสายตาเขาเลย แม้จะไม่ชอบใจแต่ก็ดีแล้วที่เด็กสาวถูกจับไว้ไม่อย่างนั้นคงได้เกิดการกัดกันจมเขี้ยวขึ้นแน่นอนเพราะตฤณรดาในตอนนี้ดูจะพร้อมปะทะเอามาก ๆ ก็ครึ่งหนึ่งเธอเป็นสิราราชอีกครึ่งเป็นติวกุลนี่น่า เรื่องไม่ชอบให้ใครมาหยามหรือดูแคลนนี่พอ ๆ กันเลยสองราชสกุลนี้น่ะ มาหาว่าราชนิกูลสองสายสกุลทำตัวไร้การศึกษาเป็นเด็กเหลือขอแม่หนูน้อยมีเหรอจะไม่โมโหจี๊ด ขนาดเขาฟังยังโมโหเลย
“เหลือขอจริง ๆ” เหมือนฝันยังคงตำหนิมาก่อนที่จะหันไปพูดกับคนเป็นพี่สาว “ดูเอาสิพี่ฟ้า ยัยเด็กนี่แหลือขอจริง ๆ ถ้าพี่ไม่เลือกผัวผิดฝันคงไม่ต้องมาเจอเด็กมารยาททรามแบบนี้หรอก”
“มารยาททราม?” เตวินทร์ทวนคำพูดน้องภรรยาด้วยอารมณ์ไม่พอใจ แม้ตฤณรดาจะดูเหมือนไม่มีความเป็นกุลสตรีไปบ้าง ทโมนไปหน่อย แสบซนไปสักนิดแต่เขามั่นใจว่าแม่ตัวก่อเรื่องประจำวังสิราราชนั้นไม่เข้าใกล้คำว่ามารยาททรามแม้แต่น้อย “คนที่มองคนอื่นอย่างเหยียดหยาม ดูถูกดูแคลนคนอื่นอย่างไม่เกรงใจอย่างเธอมีสิทธิ์อะไรมาว่าคนอื่นเขามารยาททรามหะ”
“คะ” “ฟ้าพี่ขอ ที่ผ่านมาน้องสาวฟ้าจะดูถูกพี่พี่ไม่ว่า แต่ครั้งนี้พี่ทนไม่ได้จริง ๆ เด็กเหลือขอเอย มารยาททรามเอย สองคำนี้พี่รับไม่ได้” ราชนิกูลหนุ่มร้องห้ามภรรยาที่กำลังจะบอกให้เขาเย็นลง “ถ้ายัยต้องมารยาททรามน้องสาวฟ้าก็ถ่อยแล้ว”
“ไอ้ต่อนี่แกว่าเมียฉันถ่อยเหรอวะ” พ่อเลี้ยงศักดิ์ชัยตวาดถามเมื่อเห็นว่าพี่เขยของภรรยาอายุน้อยกว่าต่อว่าภรรยาที่เขาทั้งรักทั้งหลง มันคิดว่าตัวเองเป็นใครถึงกล้ามาต่อว่าภรรยาพ่อเลี้ยงศักดิ์ชัยแบบนี้
“แล้วไงเมียแกวิเศษมาจากไหนวะ ยิ่งใหญ่คับฟ้ารึไง” เตวินทร์ที่กำลังโกรธก็ไม่ยอมอ่อนให้ ทำไมเขาจะต้องกลัวพ่อเลี้ยงศักดิ์ชัยในเมื่อเขาไม่ใช่นายเตวินทร์คนเก่าที่เป็นแค่ลูกตาสีตาสาที่มาเป็นเขยบ้านนี้อีกแล้ว แต่เขาคือหม่อมหลวงเตวินทร์ลูกชายหม่อมราชวงค์ติณกริชผู้ทรงอำนาจคนหนึ่งในวงการธุรกิจ
“แกกล้าลองดีกับฉันเหรอไอ้ต่อ”
“แล้วถ้าตอบว่าใช่ล่ะ แกจะทำไม ฉันไม่ใช่หมูในอวยที่ใครจะทำอะไรก็ได้หรอกนะ”
ต่างฝ่ายต่างแรงใส่กันในขณะที่ม่านฟ้าได้แต่ทำอะไรไม่ถูก เหมือนฝันนิ่งอึ้งไม่คิดว่าเตวินทร์จะกล้ามีปากมีเสียง กำนันมิ่งนิ่งดูโดยไม่ห้ามเพราะกำลังครุ่นคิดถึงการเปลี่ยนแปลงของบุตรเขย ฝั่งสิรดนัยนั้นหาได้สนใจเขาและตฤณรดาคิดว่าอีกไม่นานก็คงมีใครหยุดสองคนนี้เอง ไม่เฟื่องฟ้ากับกำนันมิ่งก็คงเป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์อย่างผู้กองพายัพ
“พ่อเลี้ยงใจเย็น ๆ ก่อน นี่นายต่อนายก็อย่าเสียมารยาทกับพ่อเลี้ยง เดี๋ยวก็เป็นเรื่องพอดี” เป็นเฟื่องฟ้าที่เอ่ยห้ามหากแต่เตวินทร์ก็ไม่ได้หยุดตามเมื่อฟังดูแล้วแม่ยายช่างลำเอียงไปทางเขยคนเล็กเหลือเกิน
“หึ เป็นเรื่องก็เป็นสิ คิดว่ากลัวเหรอ อยากมีเรื่องก็เข้ามาเลย สันดานไอ้ต่อคนนี้มันไม่ยอมใครมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว”
ปัง!
“คุณต่อครับ กรุณานั่งลงสงบสติอารมณ์ก่อนที่ผมจะเรียกลูกน้องมาลากพวกคุณเข้าไปนั่งเล่นในห้องขัง หรือถ้าใครโมโหมากและอยากนอนยาวในคุกก็หยิบปืนนั้นขึ้นมายิงเลย ! แต่ยิงแล้วผมจับนะ” ผู้กองพายัพบอกด้วยน้ำเสียงเฉียบขาด เขาเป็นตำรวจมีหรือจะนั่งเฉยทนดูจนแตกหักไปข้างได้ ต่อให้เขาไม่ห้ามสิรดนัยก็ต้องห้ามอยู่ดีเมื่อถึงที่สุดแล้ว
เตวินทร์พ้นลมหายใจเฮือกใหญ่อย่างขัดใจก่อนที่จะนั่งลงสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ เพื่อสกัดกั้นอารมณ์ขุ่นเคืองเมื่อเย็นลงบ้างจริงได้เอ่ยขอโทษคนเป็นพ่อตาแม่ยาย“ผมขอโทษพ่อกำนันกับแม่เฟื่องนะครับถ้าแสดงกิริยาอะไรไม่ถูกใจ แต่ผมรับไม่ได้จริง ๆ”
“เหอะ ทำยโสรับไม่ได้ ทั้งที่ก็ไม่ได้มีปัญญาอะไรมากมาย บ้านช่องใหญ่โตนี่ก็ไปหยิบยืมเขามา”พ่อเลี้ยงศักดิ์ชัยยังไม่หยุดที่จะเย้ยหยันแต่คราวนี้เตวินทร์ไม่ได้ตอบกลับอย่างฉุนเฉียวอีก
กลับกันราชนิกูลหนุ่มนั้นเงียบไม่พูดจาคล้ายกำลังข่มเพลิงโทสะไม่ให้ทำตัวคล้ายตัวเองคนเดิมในอดีตที่ทำตัวเสเพลชอบสร้างเรื่องเดือดร้อนซ้ำเมื่อมีเรื่องกับใครก็ชี้หน้าท้าทายประกาศกร้าวว่าเป็นลูกใคร ชายหนุ่มตระหนักว่าเขาจะไม่กลับไปเป็นคนนั้นอีกแล้ว จะไม่ทำตัวเป็นจอมเสเพลคนนั้นอีก
“จอมเสเพลเปลี่ยนไปแล้ว” สิรดนัยพูดขึ้นเบา ๆ “แล้วจอมก่อเรื่องล่ะ เปลี่ยนมั้งไหม จะได้ปล่อยไปนั่งสบาย ๆ”
“ไม่ล่ะอยู่อย่างนี้ก็สบายดี”ตฤณรดาเอ่ยบอกก่อนที่จะเปลี่ยนจากอารมณ์โมโหมายิ้มระรื่นใส่ชายหนุ่ม ที่บอกว่าอยู่อย่างนี้ก็สบายดีก็เพราะนั่งไปนั่งมาเหน็บต้องกินขาสิรดนัยบ้างล่ะ เรื่องอะไรจะยอมปล่อยให้หายไว
“พี่สิงโตครับ พ่อโทรมาจะคุยกับพี่ครับ” ผู้กองหนุ่มแทรกขึ้นเมื่อบรรยากาศดูไม่แย่มาก สิรดนัยรับโทรศัพท์จากญาติผู้น้องไปคุยสายกับผู้กำกับพสินธุ์ “ครับอา”
“ภรรยาคุณชายปนัยอยู่ที่นั่นงั้นเหรอครับ” ผู้บริหารหนุ่มถามปลายสายเมื่อฟังอีกฝ่ายพูดจนจบ เสียงของเขาทำให้สองราชนิกูลหันมองด้วยความสนเท่ “แล้วคุณชายติณกับคุณชายปนัยว่าอย่างไรครับ”
“ถ้าอย่างนั้นก็ตามนั้นเลยครับ เดี๋ยวเย็นนี้ผมกับคุณต่อจะเคลียร์ทางนี้ให้เรียบร้อยก่อนเลย” สิรดนัยบอกก่อนที่จะตัดสายเมื่อสนทนากันเข้าใจแล้ว
“มีอะไรสิงโต” เตวินทร์หันมาถามด้วยความสงสัย เช่นเดียวกับเด็กสาวที่มองอย่างสงสัยเพราะอีกฝ่ายหลุดออกมาถึงภรรยาของคุณชายปนัยภพผู้เป็นพ่อ ผู้หญิงสารเลวที่ทำลายครอบครัวของเธอที่แม้แต่ความรักให้ลูกตัวเองยังไม่มี ยัยผู้หญิงหิวเงินคนนั้น
“คนของอาพสินธุ์เจอคุณนิรินอยู่ที่นี่ อยู่กับลูกน้องเสี่ยวิชัย ชู้รักของเธอเป็นลูกน้องเสี่ยวิชัย” สิรดนัยชี้แจงด้วยสีหน้าเคร่งเครียดในขณะที่เตวินทร์ต้องสบถออกมาอย่างหัวเสีย“บ้าเอ๊ย มันไปเกี่ยวกันได้ไงวะเนี่ย”
“เย็นนี้เราต้องไปเคลียร์หนี้กันแล้วล่ะครับคุณต่อ พรุ่งนี้อาพสินธุ์จะให้เจ้าพีทจัดการเคลียร์”
“งั้นเดี๋ยวเราออกไปกันเลย”
เมื่อตกลงกันเรียบร้อยเตวินทร์จึงลุกขึ้นในขณะที่สิรดนัยก็ปล่อยเด็กสาวให้ลุกออกจากตัก แต่เด็กสาวกลับถามขึ้นอย่างสงสัยและยังไม่ยอมลุกจากตัก ก็คนมันกำลังสบายทำไงได้ “เงินพร้อมเหรอพี่ต่อ พี่ต้นยกเลิกการระงับบัญชีแล้วเหรอ?”
“ไม่หรอก แต่คุณพ่อเปิดบัญชีใหม่รับขวัญหลานไว้น่ะ พี่จะเอาส่วนนั้นมาใช้ก่อน เพราะพี่ต้นยังไม่ว่างทำเรื่องให้” เตวินทร์ตอบด้วยใบหน้ายิ้ม ๆ หลังจากเขาพาม่านฟ้ากลับบ้านด้วยและรู้ว่าหญิงสาวกำลังท้องเขากับผู้เป็นพ่อก็ได้พูดคุยกันมากขึ้นเขาเริ่มเข้าใจความรู้สึกของคนเป็นพ่อมากขึ้น และได้เปิดอกปรับความเข้าใจกัน คนเป็นพ่อนั้นดูเหมือนจะเห่อกว่าใครแต่พี่ชายเขาก็ไม่น้อยหน้าลูกเขาจึงได้ของขวัญเป็นเงินเกินหกหลักตั้งแต่อยู่ในท้องแบบนี้ไงล่ะ
“พ่อติณเปิดบัญชีให้ตัวเล็กเท่าไหรอะ หลักสิบหรือหลักร้อย” หลักสิบหรือหลักร้อยของตฤณรดาไม่ใช้หลักสิบบาทหรือร้อยบาทแต่เป็นหลักสิบล้านหรือร้อยล้าน
“ผลประกอบการทั้งปีของบริษัทพี่ต้นปีที่แล้ว”
“แหม่ คาบช้อนเงินช้อนทองมาเกินแท้หลานอาต้อง ขนาดยังไม่คลอดคุณปู่ยังเปิดบัญชีรับขวัญเกือบพันล้าน มันต้องอย่างงี้ดิหลานคนแรกของหม่อมรางวงค์ติณกริช สิราราชทั้งทีต้องจัดใหญ่ไฟกระพริบ พี่สิงห์ พี่สิงห์ เปิดบัญชีรับขวัญหลานบ้างดิ พ่อติณกับพี่ต้นเอาผลประกอบการทั้งปีของบริษัท พี่สิงห์ก็เอาบ้างสิผลประกอบการทั้งปีของห้างซันชายชอปปิ่งมอล์ล โรงแรมซันชายแกรนรอยัล แล้วก็สายการบินซันชายเอสทีแอลไลน์รวมกันเลย จัดให้ในนามคุณต้องนะ” ตฤณรดาบอกก่อนที่จะหันมาทำตาอ้อนใส่สิรดนัยที่นั่งงุนงงหรืออาจจะเพราะเหน็บรับประทานอันนั้นเด็กสาวก็ไม่แน่ใจ
“จะบ้าเหรอยัยต้อง อย่าเว่อร์” เตวินทร์ร้องเตือนไม่รู้ว่าพ่อเขาหรือแม่หลานสาวพ่อกันที่จัดใหญ่ไฟกระพริบกว่า “แล้วเรื่องอะไรสิงโตเขาจะให้เราฮึ”
“ก็แหม่ เป็นผู้ปกครองคนใหม่ของต้องไง ต้องอยากได้อะไรก็ต้องจัดการให้ซิ ใช่เปล่า”เธอบอกและหันมาถามส่วนสิรดนัยนั้นได้แต่ครางตอบในลำคอ “อือ”
“อีกแล้ว งกคำพูดพอ ๆ กับรอยยิ้มอีกแล้ว ไม่น่ารักเลย”
“เลิกไร้สาระได้แล้วยัยหมาน้อย เราไปกันดีกว่าครับคุณต่อ” สิรดนัยบอกก่อนจะร่างบางจะลุกออกจากตักอย่างรู้ความ
“ฟ้า เดี๋ยวพี่กลับมานะ ยัยต้องอยู่นี่ดูแลพี่ฟ้าเข้าใจไหม”
“ไม่นะ อยากไปด้วย”
“ไปให้ไอ้เสี่ยนั่นมันฉุดไปเหรอ อยู่นี่ล่ะ เดี๋ยวตอนค่ำพี่พาไปเที่ยวเป็นการชดเชย” เมื่อเอาเรื่องเที่ยวมาล่อมีเหรอที่ตฤณรดาจะไม่โอเค เด็กสาวนั่งลงข้าง ๆ ม่านฟ้าอย่างว่าง่ายแต่ก็ใช่ว่าเธอจะอยู่อย่างเด็กดี เด็กสาวหันมองน้องสาวของพี่สะใภ้ก่อนที่จะลอบยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์
