บท
ตั้งค่า

บทที่5 พี่สิงห์กับคุณต้อง 1

เด็กสาวยืนรออยู่หน้าห้องพักผู้ป่วยจนกระทั่งทุกคนรวมถึงน้องสาวและผู้ใหญ่จากฝั่งติวกุลมาถึงก่อนที่จะพากันเข้าไปในห้อง

ในห้องพักผู้ป่วยคุณชายปนัยภพกำลังนั่งรับประทานอาหารเย็นโดยมีคุณหญิงประดับดาวคอยป้อนให้เมื่อคนไข้เห็นคนมาใหม่ก็แสดงสีหน้าตกใจออกมาจนคุณหญิงประดับจันทร์ต้องขยับเข้าไปอธิบายให้พี่ชายฟัง

“หนูโอเคไหมต้องตา” คนป่วยเอ่ยถามบุตรสาวคนโต ถึงจะโล่งใจแต่พอนึกๆไปแล้วสิรดนัยอายุมากกว่าตฤณรดาไม่ใช่น้อยทีเดียว เด็กสาวจะโอเคกับทางออกนี้หรือไม่

“โอเคค่ะ หนูเป็นคนถือคติ แค่คิดให้น้อยแล้วชีวิตจะเป็นสุข” เด็กสาวเอ่ยบอกและคลี่ยิ้มให้ทุกคนสบายใจ “อย่างน้อยแต่งกับพี่สิงโตก็ดีกว่านายนัทกรวิปริต หรือไปเป็นเบี้ยล่างไอ้เสี่ยพุงพุ้ย พี่สิงโตน่ะหนุ่มฮอตระดับต้นๆของประเทศนะ”

"และอีกอย่าง หนูมีความเชื่อว่าอยู่กับพี่สิงโตต้องมีความสุขแน่ ๆ" เด็กสาวเอ่ยด้วยน้ำเสียงแฝงความแสบไว้ในประโยคท้ายก่อนที่จะยิ้มคนเดียว ต้องมีความสุขแน่ ๆเลยเธอจะได้แหย่มนุษย์น้ำแข็งทุกวัน

สิรดนัยรู้สึกถึงภัยที่คืบคลานมาถึงตัวก่อนที่จะถอนหายใจพรืดเบาๆ คิดจะป่วนเขาจนหนำใจเลยสิท่า แม่ชิสุตัวอันตราย

“อืม” คุณชายแห่งวังติวกุลครางรับด้วยเข้าใจไปอีกอย่างว่าลูกสาวคงจะรักชอบสิรดนัยอยู่ก่อนแล้วก่อนที่จะเบนสายตาไปหาลูกสาวอีกคน “แล้วเราล่ะน้องอาย”

“ลูกคิดว่าดีค่ะ บางทีลูกอาจจะมีความสุขกับการตัดสินใจนี้ก็ได้”เด็กสาวเอ่ยบอก บางทีมันอาจจะดีกับคนที่ใคร ๆ ก็ตราหน้าว่าเป็นลูกเมียน้อยอย่างเธอก็ได้

“ถ้าอย่างนั้น ผมฝากลูกสาวทั้งสองด้วยนะคุณแพร” ปนัยภพเอ่ยอย่างโล่งใจขึ้นมากแต่ก็ยังคงกลัดกลุ้มใจเรื่องบริษัทอยู่ดี แม้จะมีเงินมาช่วยแต่สถานการณ์ที่ร่อแร่เต็มทนอาจทำให้บริษัทล้มละลายได้ เขาไม่อยากจะทิ้งบริษัทที่ร่วมกันทำมากับหญิงผู้เป็นที่รัก แม้เขาจะทำผิดกับเธออย่างแสนสาหัสแต่เขาก็ยังรักภรรยาคนแรกไม่เสื่อมคลาย ที่นั่นคือความทรงจำที่เหลืออยู่เพียงไม่กี่แห่งของเขาและเธอ เขาอยากรักษามันไว้ให้เตชินทร์และตฤณรดาแต่ก็เหมือนจะหมดปัญญา

“เรื่องบริษัท ดิฉันคุยกับท่านชายแล้วว่าทางฝั่งฉันจะช่วยเอง ฉันจะให้สิงโตนำเงินไปใช้หนี้และคุยกับนัทกร รวมถึงหนี้การพนันที่ภรรยาคุณชายก่อไว้ด้วย อย่าได้กังวลเลยค่ะ” แพรวารินทร์เอ่ยขึ้นก่อนที่จะส่งยิ้มไปให้ เธอได้ปรึกษาเรื่องบริษัทกับท่านชายปนพแล้วว่าทางฝั่งเธอจะช่วยเอง เพราะว่าเธอตั้งใจจะช่วยแล้วก็ต้องช่วยถึงที่สุด “ส่วนเรื่องสถานการณ์ในบริษัทตอนนี้... ไม่ต้องห่วงนะคะ พี่สิงโตจะเข้าไปบริหารชั่วคราวจนกว่าสถานการณ์จะดีขึ้น”

“ความจริงผมอยากจะรักษาบริษัทไว้ให้ต้อมกับต้องตา” คนป่วยบอกก่อนที่หันไปส่งสายตาให้เตชินทร์ “รับไว้นะต้อม”

“เอ่อ คือ ผมไม่มีความรู้ด้านนี้เลย ผมชอบการเป็นสถาปนิกมากกว่า คุณยกให้ต้องตาหรือไม่ก็น้อง ๆเถอะครับ”เตชินทร์เอ่ยบอก หมดความทิฐิแล้วแต่มันก็มีความขวยเขินไม่คุ้นชิ้นที่ทำให้เขาเขินๆในการเรียกอีกฝ่ายว่าพ่อแต่ที่เขาพูดคือความจริง

“ถ้าอย่างนั้นพ่อยกให้ต้องตาแล้วกัน รักษาความทรงจำของพ่อกับแม่ไว้นะลูก พ่อคงจะอยู่รักษาบริษัทนี้ไว้ได้อีกไม่นาน” คนป่วยบอกด้วยรู้ว่าตัวเขานั้นมีโรครุมเร้าแค่ไหน เด็กสาวพยักหน้ารับด้วยความรู้สึกไม่สบายใจ “หนูจะรับไว้แต่... พ่ออย่ารีบทิ้งเราไปนะ”

“พ่อจะอยู่ให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ พ่อขอโทษนะต้อม ต้องตา ขอโทษที่ผ่านมาพ่อทำเลวกับลูกไม่เคยไปหา ไม่เคยไปดูแลเลย”ปนัยภพเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงสำนึก เขารู้ดีคำขอโทษทดแทนอะไรไม่ได้ คำขอโทษไม่ได้ทำให้ลูกๆลืมเลือนหรือลบล้างความคิดนั้นได้

“เรื่องเก่าๆลืมไปดีกว่า ต่อจากนี้ไปคุณก็ดูแลเราทดแทนสิ”เตชินทร์เอ่ยบอกก่อนที่จะหันไปส่งสายตากับน้องสาวจนตฤณรดาเอ่ยขึ้น “ใช่ อย่างที่บอก แค่คิดให้น้อยชีวิตก็จะเป็นสุข อะไรควรลืมก็ลืมๆไปเถอะ โอเคเนาะ จบเนาะ”

"จ้ะลูก จบจ้ะ" คุณชายวัยกลางคนเอ่ยบอกและคลี่ยิ้มออกมาอย่างที่ไม่เคยเป็นมานานก่อนที่จะหันไปหาผู้เป็นพ่อและแม่ “ชายขอโทษท่านพ่อกับหม่อมแม่ด้วยครับที่ชายดื้อดึงไม่ฟัง”

“เรื่องเก่าก็ลืมไปอย่างที่หลานว่านั่นล่ะ ต่อไปก็กลับไปอยู่ที่วังกับพ่อแม่ ถือว่าหมดเคราะห์เถอะนะ”ท่านชายปนพเอ่ยบอกบุตรชาย ตอนนี้ท่านเองก็หมดสิ้นแล้วซึ่งความโกรธคนเป็นลูก หม่อมวรรณาเข้าไปกอดบุตรชายก่อนที่จะเรียกลูก ๆ หลาน ๆ เข้าไปกอด

คุณแพรวารินทร์มองดูครอบครัวของลูกสะใภ้หมาดๆครู่ใหญ่จึงเบิกตากว้างอย่างนึกขึ้นได้ “ตายแล้ว! ลืมบอกหม่อมตรีว่าตั้งแต่วันนี้จะพาคุณต้องตากลับบ้านด้วยกัน”

“ฮะ กลับบ้านด้วยกัน แม่แพรหมายถึงจะพาคุณต้องตาไปอยู่แสนรักด้วย?” หมอหนุ่มที่เงียบมานานเอ่ยขึ้นในใจภาวนาว่าอย่าให้เป็นอย่างนั้น ‘อย่านะครับแม่แพร วันนี้เพชรไม่มีเวร อยากนอนหลับสบายๆ อย่าพาตัวป่วนไปเจอตัวแสบวันนี้นะ’

“ก็ใช่สิจ้ะลูกหมอ แม่แพรกะว่าจนกว่าจะถึงวันแต่งงานคุณต้องควรจะอยู่ในที่ปลอดภัย และแม่แพรคิดว่าแสนรักปลอดภัย หรือลูกสิงโตว่าไงค่ะ จะพาน้องไปอยู่อุ่นรักด้วยมั้ย” ประโยคแรกบอกลูกคนรองประโยคต่อมาหันไปถามลูกชายคนโต

“อยู่ที่แสนรักดีกว่าครับแม่แพร ถึงจะจดทะเบียนสมรสกันแล้วแต่ก็ยังไม่ได้แต่งงานตามประเพณี หม่อมยายตรีท่านมีหน้ามีตา มันจะดูไม่ดีถ้าจะให้ต้องตามาอยู่กับสิงโตเลย” สิรดนัยเอ่ยบอก แต่หมอหนุ่มและตฤณรดารู้ดีว่านั่นคือข้ออ้าง ด้วยยังไม่อยากโดนป่วนมากกว่า

“ต้องตาอยู่กับโซ่ น้องซี แล้วก็อายดีกว่าค่ะ” เด็กสาวเอ่ยบอกแล้วส่งสายตาชนิดหนึ่งไปให้สิรดนัย “วันนี้ต้องตายังไม่มีอะไรเด็ด ๆอวดพี่สิงโต ไว้หลังแต่งงานต้องตาจะโชว์ทีเดียวล่ะกัน”

เตชินทร์กลั้นขำในขณะที่หมอหนุ่มยกมือปิดปาก ทั้งคู่กำลังจินตนาการถึง 'อะไรเด็ดๆ' ที่ตฤณรดาจะโชว์สิรดนัยหลังแต่งงานแล้วอดไม่ได้ที่จะขบขัน อยากจะไปถ้ำมองใบหน้าที่ปกติจะนิ่งเรียบโกรธควันออกหูหรือระอาใจแต่ทำอะไรไม่ได้ของสิรดนัยจริง ๆ ชักรอไม่ไหวแล้ว

“ก็แล้วแต่ชิสุน้อยแล้วกันนะ” สิรดนัยเอ่ยบอกก่อนที่จะยกแขนขึ้นมองนาฬิกา “สิงโตนัดอาพีร์ไว้ แม่แพรกับพ่อเสือจะกลับพร้อมสิงโตไหมครับ”

“กลับพร้อมผมก็ได้ครับพี่สิงโต พี่สิงโตไปหาอาพีร์เถอะ ป่านนี้เมียอาพีร์คงจะเตรียมสารพัดเมนูไว้ต้อนรับหลานชายแล้ว”หมอหนุ่มเอ่ยบอกทำให้คนเป็นพี่ชายพยักหน้ารับก่อนที่จะยกมือไหว้คนที่อาวุโสกว่าและกอดมารดาก่อนออกไป

ตฤณรดาผู้ถูกเรียกชิสุน้อยทำหน้ายู่ก่อนที่จะเลิกสนใจกลับมาให้ความสนใจพูดคุยกับครอบครัวทางฝั่งพ่อที่ไม่ได้พูดคุยกันมานับสิบปีอยู่เป็นนานแทน

เย็นวันต่อมา

“หวัดดีค่ะพี่สันต์ พี่สิงโต” พลอยวารินทร์เอ่ยทักพี่ชายและวสันต์บอดี้การ์ดหนุ่มพ่วงตำแหน่งคนขับรถของพี่ชายที่มารอรับเธอและน้องสาวพร้อมกับพาหม่อมหลวงตฤณรดาไปเลือกแหวนแต่งงาน ข้างกายของเด็กสาวมีเพลินไพลิน ปราณธิดาและตฤณรดายืนอยู่ด้วย วสันต์ยิ้มตอบก่อนที่จะเปิดประตูออกจากรถและเปิดประตูหลังให้อย่างนอบน้อม “เชิญครับน้องโซ่ น้องซี น้องปลาย คุณต้องตา”

“โนคะ โน แค่คุณต้องตาค่ะ” ปราณธิดาและพลอยวารินทร์เอ่ยพร้อมกันก่อนที่จะผลักดันตฤณรดาให้เข้าไปนั่งในรถเคียงคู่กับสิรดนัย “วันนี้โซ่กับน้องซีไปเที่ยวบ้านปลายค่ะ พี่สิงโตพาคุณต้องตาไปเลือกแหวนเถอะไม่ต้องห่วงน้องหรอก”

“แล้วกลับกันยังไงครับ ใครจะไปรับ” คนเป็นพี่ถามอย่างเป็นห่วงตามประสาพี่ชายที่รักและหวงน้องสาว

“ปะป๊าจะไปส่งค่ะพี่สิงโต ปะป๊าบอกมีเรื่องจะคุยกับลุงเสือ” ปราณธิดาเอ่ยบอกแทนเพื่อนก่อนที่จะพยักหน้ากับเพื่อนและน้องสาวเพื่อน “ไปกันเถอะม๊าม้ารอนานแล้ว”

“เฮ่อ ไปกันเถอะพี่สันต์” คนเป็นพี่ได้แต่อ่อนใจกับความมาไวไปไวของน้อง ๆก่อนที่หยิบสมาร์ทโฟนของตนขึ้นมาเช็คข่าวสารบ้านเมืองราวกับไม่สนใจการมีตัวตนของคนโดนผลักเข้ามาในรถ

ตฤณรดาเหล่มองคนนั่งข้างๆครู่หนึ่งก่อนที่จะหันหน้าไปนอกรถ เด็กสาวไม่สนหรอก ในเมื่ออีกฝ่ายทำราวกับเธอเป็นอากาศ เธอก็จะเป็นอากาศ ช่วงนี้ทำหลายอย่างจนเวียนหัวไปหมด เธอไม่มีอารมณ์จะแกล้งอีกฝ่ายให้เลิกตีหน้านิ่งหรอก

หลายนาทีต่อมา

ปลายนิ้วเรียวสวยสะกิดลงที่ไหล่หนาสองสามครั้งส่งผลให้ผู้บริหารหนุ่มต้องเบนสายตาไปดูและก็พบกับใบหน้ายิ้มอายๆของเด็กสาวที่นั่งเงียบอยู่ข้างๆตั้งนานสองนาน

“ต้องตาหิว” เด็กสาวเอ่ยบอกพร้อมกับเสียงประท้วงจากพุงกะทิที่ส่งเสียงยืนยันว่าพูดออกมาด้วยความสัตย์จริง

“แวะกินข้าวก่อนได้เปล่าอะ” เสียงที่ส่งมาเริ่มจะปนออดอ้อนดวงตาวิงวอนออดอ้อนอย่างที่ปกติจะใช้แค่กับพี่ชาย ผู้เป็นยาย และญาติๆเท่านั้น

“แวะร้านอาหารก่อนแล้วกันครับพี่สันต์” พูดไปแล้วก็ไม่เข้าใจตัวเองไม่รู้ทำไมใจถึงอ่อนยวบเมื่อเจอน้ำเสียงอ้อนๆของเด็กสาว

“ขอบคุณค่ะ พี่สิงห์ใจดีจัง” เด็กสาวเอ่ยบอกด้วยท่าทางดีใจในขณะที่คนโดนเรียกพี่สิงห์แทนที่จะเป็นพี่สิงโตได้แต่ขมวดคิ้ว “พี่สิงห์?”

“ก็พี่สิงโตนั่นแหละ แต่คุณต้องจะเรียกพี่สิงห์ เพราะมันเรียกง่ายกว่าเยอะเลย ต่อไปคุณต้องจะเรียกพี่สิงโตว่าพี่สิงห์” เด็กสาวพูดเองเออเองเสร็จสรรพจนสิรดนัยได้แต่งุนงงกับตัวเอง ชิสุจอมแกล้งเป็นอะไรไป นั่นคงเป็นความคิดของชายหนุ่มเธอพอเดาได้

“พี่สิงห์ คุณต้องอยากกินชาบู” คนที่อยู่ ๆหันมาแทนตัวเองว่าคุณต้องเอ่ยบอก แต่ไม่รู้ทำไมสิรดนัยจึงคิดว่าท่าทีของเด็กสาวดูแปลกๆไปแต่ก็น่ารักไปอย่าง

“ไว้หลังเลือกแหวนเสร็จค่อยกินดีกว่า” ก็อยากจะตามใจแต่เมื่อนึกถึงความเหมาะสมแล้วชายหนุ่มคิดว่าไปเลือกแหวนแต่งงานก่อนน่าจะดีกว่า เพราะร้านที่จะไปเป็นร้านของลูกพี่ลูกน้องจะปล่อยให้ผ่านนั้นรอนาน ๆก็ไม่ได้ “ป่านนี้พี่น้ำคงนั่งรออยู่ ให้คนท้องแก่รอนาน ๆไม่ดีหรอกนะ”

“ก็ได้ งั้นพี่สันต์จอดเซเว่นค่ะ เดี๋ยวต้องหาอะไรรองท้องก่อนก็พอ ไว้เลือกแหวนเสร็จค่อยซัดชาบูให้หนำใจ” ตฤณรดาเอ่ยบอกด้วยใบหน้ายิ้มมีความสุขเมื่อนึกถึงสิ่งที่จะกินหลังเสร็จการเลือกแหวน

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel