บทที่3 พระเสาร์แทรก 1
เวลาล่วงเลยไปหลายชั่วโมงแล้วหลังจากที่คุณชายปนัยภพก็ถูกนำตัวเข้าห้องผ่าตัด นายแพทย์เสษฏฐวุฒิทำการผ่าตัดเสร็จสิ้นลงเมื่อสองชั่วโมงก่อนส่วนคนไข้อย่างปนัยภพก็ถูกนำตัวมาพักที่ห้องพักคนไข้ ตฤณรดาและเตชินทร์แม้จะเข้ามาในห้องพักคนไข้แต่ก็ยังคงนั่งมองอยู่ห่างๆ เธอและเขาบอกตัวเองได้ว่าที่ทำแบบนั้นเพราะอะไร ทั้งคู่ยอมรับว่ามันเป็นเพราะความทิฐิที่ปล่อยวางไม่ได้
“เขาปลอดภัยแล้ว กลับบ้านกันเถอะน้อง ส่วนเรื่องค่าผ่าตัดเดี๋ยวพี่จะจัดการเอง” เตชินทร์เอ่ยเสียงดังอย่างจงใจ แม้ฟังดูแล้วเหมือนเขาจะบอกน้องสาวแต่จริง ๆแล้วเขาบอกกล่าวแก่คนขึ้นชื่อว่าอาด้วย ว่าเขาจะจัดการเรื่องค่ารักษาพยาบาลเองไม่ต้องไปหยิบยืมให้เป็นหนี้เพิ่มขึ้นให้น้องเขาต้องเดือดร้อน
เด็กสาวไม่ตอบรับอะไรแต่ก็ลุกขึ้นเดินตามพี่ชายออกไปไม่ได้หันหลังกลับเข้าไปมองคนในห้องอีก
“ได้ยินแล้วนะหญิงดาว ตาต้อมจะจัดการเอง อย่าไปยืมคุณนัทให้พี่ชายเป็นหนี้เพิ่มเลย” ประดับจันทร์เอ่ยบอกน้องสาวก่อนที่จะจ้องร่างไร้สติของพี่ชาย “เพราะพี่ชายดูคนไม่เป็นเองนะคะ ถ้าพี่ชายไม่เลือกยัยนิรินเวลานี้พี่คงมีความสุข ไม่ต้องเป็นหนี้เป็นสินแบบนี้”
“พี่หญิงคะต้องตานี่น่ารักดีนะ ต้อมก็เหมือนกัน ถ้าคุณนัทถูกใจสองคนนี้ขึ้นมา ไม่ใช่ว่าพี่ชายไปหาเรื่องให้บ้านโน่นเหรอ”ประดับดาวส่งเสียงถาม คิ้วเริ่มขมวดเป็นปม หลานสาวหลานชายเธอหน้าตาดีกันทั้งคู่ เธอเพิ่งจะรู้มาว่าคุณนัท หรือ นัทกร เป็นพวกวิปริตชอบสะสมเสพสมกับทั้งชายและหญิงอยู่ด้วย เธอไม่อยากจะคิดเลยว่าถ้านัทกรเจอสองคนนี้และถูกใจจะเกิดอะไรขึ้น “หญิงเพิ่งรู้ว่าคุณนัทเป็นพวกวิปริต ผู้หญิงก็เอา ผู้ชายก็เอา”
“ต๊ายล่ะ นี่พี่ชายรู้ไหมเนี่ย” คนเป็นพี่เอ่ยด้วยความตกใจ เธอไม่คิดมาก่อนเลยว่านัทกรจะเป็นแบบนั้น
“ถ้ารู้จะยอมตกลงให้ลูกสาวแต่งงานด้วยเหรอ พี่ชายคงไม่รู้ เฮ่อ ดีนะที่พี่ชายยังไม่ไปยืมเพิ่มมาใช้หนี้ ไม่งั้นล่ะก็นอกจากเสียบริษัทแล้วไม่แคล้วทั้งลูกสาวสองคน ทั้งลูกชายคงได้ตกเป็นเมียบำเรอ ผัวบำเรอของคุณนัทแน่” ประดับดาวบอกอย่างโล่งใจ
“ยังจะโล่งใจอะไรได้ พี่ชายยืมเขามาตั้งร้อยล้านแล้ว ถ้าท่านพ่อไม่ช่วยต่อให้ไม่ยืมเพิ่มก็ไม่มีใช้คืน เฮ่อ และที่สำคัญไปกว่านั้นคุณนัทอยู่ในสังคม มีรึจะไม่เคยเจอต้องตา หม่อมป้าตรีน่ะหนีบออกงานด้วยตลอด พี่กลัวจังเลยหญิงดาว บอกหม่อมป้าตรีหรือคุณชายดีมั้ย” ประดับจันทร์เอ่ยน้ำเสียงจากนิ่งๆกลายเป็นร้อนรน ถ้านัทกรเป็นผู้ชายทั่วไปเธอจะไม่กังวลแบบนี้หรอกแต่นี่นัทกร เฮ่อ คิดแล้วเธออยากจะพลิกแผ่นดินหาพี่สะใภ้มาถลกหนักที่ทำให้เรื่องวุ่นวาย
“ใช่ เราต้องบอกหม่อมแล้วก็บอกท่านพ่อกับหม่อมแม่ด้วย ตอนนี้พี่ชายก็ไม่ได้สติคุณนัทอาจจะอาศัยจังหวะนี้ยึดบริษัทกับหลานๆ” ประดับดาวบอกก่อนที่พี่สาวจะพยักหน้าและหยิบโทรศัพท์ออกมาต่อสายถึงวังสิราราชที่เธอมักจะแอบโทรไปถามข่าวคราวของหลาน ๆ อยู่บ่อยครั้งก่อนจะต่อสายไปที่วังติวกุล หวังลึก ๆ ว่าท่านพ่อและหม่อมแม่จะไม่ใจดำปิดหูปิดตาเพราะโกรธเคืองบุตรชายเหมือนที่ผ่านมา
ด้านหม่อมตรีประดับที่ได้รับรู้ข่าวสารจากน้องสาวอดีตลูกเขยถึงกับต้องเรียกหายาดมจากนภา ผู้เป็นต้นห้องคนสนิททันที
“ทำไมนะ ทำไม ช่วงนี้พระศุกร์เข้าพระเสาร์แทรกแม่ต้องตารึไง ทำไมมีแต่เรื่อง” หม่อมวัยชราเอ่ยในขณะที่บุตรชายอย่างคุณชายติณกริชและหลาน ๆ อย่างหม่อมหลวงตระการตาและหม่อมหลวงเตวินทร์เองก็นั่งหน้าเครียดไปตามๆกับหลังจากที่หม่อมตรีประดับเล่าเรื่องราวให้ฟัง
"ต่อขอโทษนะครับหม่อมย่า ต่อนำความเดือดร้อนมาให้ครอบครัว" เตวินทร์เอ่ยบอกน้ำเสียงขมขื่น ห้ามตัวเองให้เลิกคิดไม่ได้เลยว่าเป็นเพราะตัวเขานี่เองที่พาเรื่องมาให้ตฤณรดา เพราะตอนนี้เสี่ยวิชัยเองก็กำลังบีบให้นำตัวตฤณรดาไปให้ไม่อย่างนั้นจะเปิดเผยเรื่องที่เขายืมเงินมันมากับนักข่าวจนราชสกุลต้องเสื่อมเสีย
“ไม่ใช่ความผิดเราคนเดียวหรอกต่อ พี่เองก็ผิด ถ้าพี่ไม่สั่งระงับบัตรเรา เราก็คงไม่ต้องลดศักดิ์ศรีไปยืมเงินเสี่ยนั่น” หม่อมหลวงตระการตาเอ่ยในเชิงปลอบโยนน้องชาย ตัวเขาเองก็ผิดที่ตัดสินใจปิดช่องทางใช้เงินของเตวินทร์เพราะคิดว่าถ้าไม่มีเงินน้องชายต้องกลับมาบ้าน
“พ่อเองก็ผิดไม่ฟังเหตุผลเราบ้าง อย่าคิดว่าตัวเองผิดคนเดียวเลยต่อ” คุณชายติณกริชเอ่ยบอกบุตรชาย เขาที่เป็นพ่อนี่ล่ะที่ผิด ไม่ฟังเหตุผลอะไรของลูกคอยแต่จะต่อว่าสั่งสอนเมื่อมีข่าวคาวความเสเพลของลูกชาย
“พอๆ จะมัวแต่บอกว่าตัวเองผิดกันอยู่ทำไม มาหาทางแก้ดีกว่า มีแค่เราเท่านั้นจะช่วยต้องตากับตาต้อมได้ ปนัยก็นอนพะงาบไม่รับรู้ไปแล้ว” หม่อมตรีประดับเอ่ยห้ามทัพก่อนที่จะสูดกลิ่นยาดมเข้าปอด ปัญหาที่มากับเตวินทร์ก็ถือว่าหนักเอาการ เพราะสิราราชเองก็มีเกียรติของราชสกุลสิราราชที่ต้องรักษา จะยอมปล่อยหลานสาวที่ยังเด็กไปให้ไอ้เสี่ยแก่นั่นก็ทำไม่ได้ แต่ทางปัญหาที่อดีตลูกเขยก่อลุกลามมาถึงลูกๆนี่ก็ไม่ใช่แก้ไขง่ายๆ สิราราชมีเงินพอที่จะใช้หนี้ให้รวมถึงติวกุลด้วยแต่นางก็รู้จักนัทกรมาบ้าง แม้จะไม่รู้ลึกถึงความวิปริตของอีกฝ่าย แต่ก็รู้ว่าชายวัย35คนนั้นเป็นคนที่อยากได้อะไรต้องได้ ถูกใจอะไรก็ต้องได้สิ่งนั้น ลองนัทกรพอใจในตัวตฤณรดาหรือเตชินทร์แล้วล่ะก็จะต้องเอาไปให้ได้นั่นล่ะ
“ยังไงเราก็ต้องแก้ปัญหาสองทางนี้ให้ได้ สิราราชจะไม่ยอมส่งต้องตาไปใช้หนี้ ไม่ว่ากับใครก็ตาม” คุณยายที่รักหลานสาวเพียงคนเดียวเอ่ยอย่างหนักใจ ในบรรดาหลานๆนั้นมีแต่หลานชาย ตฤณรดาจึงเป็นหลานสาวเพียงคนเดียวไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นนางจะไม่ยอมให้ใครมาทำลายชีวิตของตฤณรดา “ชายติณ โทรไปเรียนท่านชายปนพกับหม่อมวรรณทีว่าพรุ่งนี้แม่จะไปปรึกษาด้วย”
เพราะมัวแต่คุยปรึกษากันทำให้ทั้งสี่ไม่เห็นว่าเด็กสาวนั้นกลับมาแล้วและก็ได้ฟังสิ่งที่ทั้งสี่คุยกันอยู่ไม่น้อย แทนที่จะเดินเข้าไปถามตฤณรดาที่เดินเข้ามาก่อนพี่ชายเลือกที่จะเลี่ยงไปหาม่านฟ้าซึ่งนั่งหน้าเครียดอยู่บนห้องนอนของเตวินทร์
“เกิดอะไรขึ้นรึเปล่าคะพี่ฟ้าทำไมข้างล่างหน้าเครียดกันเชียว”เด็กสาวถามขึ้นทำให้คนท้องอ่อนๆถอนหายใจก่อนที่จะบอกเล่าให้ฟัง
“เสี่ยวิชัยคงแค้นคุณต้องตามาก วันนี้นายวิรัชคนสนิทของเสี่ยวิชัยพาพวกมาที่นี่บอกว่าเสี่ยต้องการให้คุณต่อใช้หนี้ แต่ไม่เอาเงิน มันต้องการให้ส่งคุณต้องตาไปให้มัน ถ้าไม่ส่งมันจะแจ้งตำรวจและบอกนักข่าวว่าลูกหลานสิราราชยืมเงินแล้วไม่ใช้หนี้” เล่าจบก็ยื่นมือมาจับมือเด็กสาวไว้ ใบหน้านั้นซีดสลด “พี่ขอโทษนะคะ เพราะพี่แท้ๆที่ทำให้ตุณต่อ คุณต้องตากับทุกคนต้องลำบาก”
“อย่าโทษตัวเองเลยนะคะพี่ฟ้า” เด็กสาวปลอบก่อนที่จะกอดคนท้องไว้และกล่อมให้อีกฝ่ายนอนพักผ่อนก่อนจะกลับห้อง ในสมองเหมือนจะระเบิด นี่เธอกำลังตกที่นั่งลำบากกับปัญหาสองด้านอย่างนั่นเหรอ?
ตฤณรดารวบรวมสติที่กำลังจะบ้าให้สงบลงก่อนที่จะตัดสินใจโทรศัพท์หาพลอยวารินทร์ ตอนนี้เธอไม่อาจเก็บเรื่องราวนี้ไว้ได้คนเดียว ใจเธอมันไม่สงบตั้งแต่ที่ปนัยภพหมดสติไปต่อหน้าแล้ว และยิ่งไม่มีสมาธิจะใจเย็นตั้งแต่ที่รู้ว่าคนเป็นพ่อป่วยเป็นอะไรบ้าง
“โซ่ เรากำลังจะบ้าแล้ว ฮึก” ทันทีที่เพื่อนรับสายเด็กสาวไม่อาจห้ามตัวเองได้ เด็กสาวปล่อยทั้งน้ำตาและเสียงสะอื้นออกมา ถึงจะดูสดใสหรือเข้มแข็งแต่เธอก็เป็นเพียงเด็ก มันเป็นธรรมดาที่จะมีมุมอ่อนแอและแสดงออกให้กับคนที่ไว้ใจได้เห็น
“ใจเย็นๆคุณต้อง ตัวเล่าให้เราฟังก่อนเกิดอะไรขึ้น” พลอยวารินทร์เอ่ยถามก่อนที่จะรับฟังเรื่องราวจากเพื่อนรักทางโทรศัพท์อย่างเห็นใจ แต่เธอก็ไม่รู้จะปลอบใจคนเป็นเพื่อนยังไง
หลังจากเล่าเรื่องราวให้เพื่อนสาวคนสนิทฟังแล้วคนกำลังอ่อนแอก็ค่อยๆสบายใจขึ้น แค่ได้ระบายบางครั้งมันก็ทำให้เราสบายใจโดยไม่ต้องมีคำปลอบโยนอะไรทั้งนั้น
“ขอบใจนะโซ่ ที่ตัวฟังเราระบายจนจบ ไม่ต้องปลอบเราหรอก เราจะเข้มแข็ง หาทางออกให้ได้” ตฤณรดาเอ่ยบอกในขณะที่พลอยวารินทร์ถอนหายใจโล่ง ตฤณรดาก็เป็นซะแบบนี้ล่ะแค่ได้อ่อนแอสักพักเดี๋ยวเดียวก็จะสลัดความอ่อนแอกลับมาเข้มแข็งได้โดยใช้เวลาไม่นาน นั่นเพราะเพื่อนเธอเป็นคนที่ปล่อยวางและไม่หยิบทุกเรื่องมาคิดให้รกสมองนั่นเอง
“งั้นวันนี้นอนเอาแรงก่อน พรุ่งนี้ค่อยคิด” พลอยวารินทร์เอ่ยบอกก่อนที่จะได้ยินเสียงครางตอบตามด้วยเสียงกดตัดที่หมายความว่าอีกฝ่ายตัดสายไปแล้ว คนที่ไม่รู้จะปลอบเพื่อนยังไงลุกขึ้นจากเตียงเดินออกไปที่ห้องพ่อกับแม่ทันทีด้วยความอยากช่วยเพื่อน เธอเชื่อว่าพ่อเสือกับแม่แพรของเธอจะต้องช่วยเพื่อนของเธอได้ไม่มากก็น้อย
