บท
ตั้งค่า

บทที่3 พระเสาร์แทรก 2

ด้านตฤณรดานั้นพยายามข่มตาหลับ แต่พยายามเท่าไหร่ก็ไม่หลับ เธอไม่ได้วิตกเรื่องเสี่ยวิชัยหรือคุณนัทอะไรนั่น แต่ในอกมันมีความห่วงใยให้แก่คนเป็นพ่อ ปนัยภพเพิ่งจะ40กว่าๆแต่กลับเป็นทั้งโรคหัวใจ และเริ่มมีอาการโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเธอยังไม่อยากให้ปนัยภพเป็นอะไรไป ในใจมีทั้งทิฐิและความห่วงใยกังวลใจจนไม่อาจหลับตาลงได้

ในวินาทีนี้เด็กสาวนึกถึงคำพูดของใครคนหนึ่งขึ้นมาก่อนที่จะหยิบกล่องที่ตั้งอยู่บนหัวเตียงขึ้นมาเปิดดู ด้านในเป็นสร้อยคอที่ตัวจี้เป็นรูปเครื่องบิน ใครคนหนึ่งมอบให้เธอไว้และให้เธอมองมันเมื่อท้อใจ ‘พี่ชายใจดีคะ ต้องตาจะทำยังไงดี’

ตึง!

ดวงตาสวยละจากสร้อยคอแห่งกำลังใจหันไปมองจอสมาร์ทโฟนที่ขึ้นแจ้งเตือน มือบางหยิบสมาร์ทโฟนขึ้นมาก่อนที่จะเปิดดูปรากฏเป็นข้อความแจ้งเตือนจากแอพพลิเคชั่นเฟสบุ๊ค เด็กสาวจะไม่สนใจแล้วแต่ก็ต้องกดเข้าไปดูเมื่อมีข้อความแจ้งเตือนว่าใครคนหนึ่งที่เธอชอบก่อกวนให้ประสาทเสียได้โพสต์รูปใหม่หลังจากไม่ได้โพสต์อะไรมานานเกือบปี

ไม่มีอุปสรรคก็ไม่มีบทเรียน ไม่มีปัญหาก็ไม่มีทางแก้

ข้อความที่มาพร้อมกับรูปเจ้าของโพสต์ที่ถ่ายคู่กับหนุ่มสาวในชุดสจ๊วตและแอร์โฮสเตสทำให้คนกำลังเจอปัญหายิ้มออก

“ขี้งกรอยยิ้มจริง ๆพี่สิงโตเนี่ย นายมนุษย์น้ำแข็งเอ๊ย” เด็กสาวได้แต่พึมพำแล้วยิ้มออกมาอ่อนๆ ไม่รู้ทำไมโพสต์นี้ของสิรดนัยจึงทำให้เธอสบายใจขึ้น เด็กสาวกดเข้าไปดูโพสต์ก่อนๆของสิรดนัยอย่างห้ามไม่อยู่ก่อนที่จะยิ้มออกมาได้ทั้งน้ำตา

ร้องไห้อะไรบ้างไม่มีใครว่าเราอ่อนแอหรอกนะ ทุกคนมีมุมอ่อนแอแม้แต่ผมเองก็มี แต่เราอ่อนแอตลอดเวลาไม่ได้

ถ้ารักก็ควรวางทิฐิลง อย่าตั้งท่าปั้นปึ่ง เพราะมันอาจจะ...สายเกินไป

วันที่คุณสูญเสียไปนั่นล่ะ คุณถึงจะมาพร่ำเพ้อกับคัวเองว่าตอนนั้นไม่น่าทิฐิสูงเลย

ผมเคยได้ยินพ่อและแม่เล่าเรื่องราวในอดีตให้ฟังบ่อย ๆ สมัยเด็กๆ เรื่องของท่านสอนผมให้ระลึกไว้เสมอว่าถ้าเราตั้งท่าจะมีทิฐิใส่กันไม่ยอมวางมันลงเราจะไม่มีทางมีความสุขเลย

“อึก ฮือ” คนที่อ่านโพสต์พี่ชายเพื่อนปาดน้ำตาที่ไหลก่อนที่จะตัดสินใจ พรุ่งนี้เธอจะไปเยี่ยมปนัยภพ ทิฐิที่มีเธอจะวางมันลง ต่อให้อดีตเกิดอะไรขึ้นก็ตามแต่ยังไงเขาก็เป็นพ่อของเธอและพี่ชาย เธอไม่มีโอกาสได้ดูแลคุณหญิงแม่ตอนที่ป่วยเพราะยังเด็กแต่เวลานี้เธอสามารถดูแลคุณพ่อได้ส่วนปัญหาที่มีเธอจะหาทางแก้ปัญหาทั้งสองทางนี้ให้ได้ ไม่ว่าจะทางเสี่ยวิชัย หรือคุณนัทอะไรนั่น เธอจะต้องแก้ปัญหาให้ได้

เมื่อคิดได้อย่างนั้นเด็กสาวจึงวางสมาร์ทโฟนลงและหลับตา วันนี้ขอนอนเอาแรงก่อนพรุ่งนี้ต้องมีทางออก

เย็นวันต่อมา

“หนูเรียกพี่ว่าพี่ต้องตาได้ไหม” เสียงเอ่ยถามอย่างใสซื่อของเนตรดาราทำให้คนที่มานั่งในห้องพักผู้ป่วยของผู้เป็นพ่อได้ประมาณครึ่งชั่วโมงขมวดคิ้วเป็นปมแล้วมองร่างเล็กในชุดนักเรียนของโรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่งอย่างพิจารณาว่าจริงใจมาถามหรือแค่เสแสร้ง

“ก็เรียกซิ เราน่ะอายุมากกว่าตัวตั้งสองปี เกิดก่อนตั้งนาน ไม่เรียกพี่แล้วตัวจะเรียกเราว่าอะไร น้องเหรอ” ตฤณรดาตอบยาวยืดคล้ายจะกวนและประชดแต่นี่ล่ะตัวเธอ ตัวตนของตฤณรดาผู้ไม่เคยพูดคุยกับน้องต่างแม่จนไม่รู้ว่าจะพูดว่ายังไง ถ้าพูดดีด้วยมากเกินไปกลัวน้องสาวจะไม่เกรงใจ จึงได้ทำดุแบบนี้

“พี่ต้องตาเรียนที่ไหนเหรอ” คนเป็นน้องถามอย่างชวนคุยแต่ไม่ทันที่ตฤณรดาจะได้ตอบร่างสูงของชายคนหนึ่งก็เปิดประตูก้าวเข้ามาในห้อง

“คุณนัท” เนตรดาราอุทานชื่อคนมาใหม่อย่างตกใจก่อนที่จะขยับเข้าไปเกาะแขนพี่สาว ชื่อนั้นทำให้เด็กสาวรู้ว่าคนมาใหม่ก็คือคุณนัท เจ้าหนี้ของผู้เป็นพ่อ และคุณนัทคนนี้คือคุณนัทกรคู่แข่งทางการธุรกิจของคุณอารณพีร์ อาเขยของพลอยวารินทร์ที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับอัญมนีและเครื่องประดับ

“ผมได้ข่าวคุณชายเข้าโรงพยาบาลก็เลยมาเยี่ยม ไม่คิดว่าจะได้เจอคุณต้องตาด้วย ยินดีที่ได้เจอครับ” นัทกรเอ่ยบอกด้วยเสียงสุภาพไม่มีทีท่าคุกคามหรือหื่นกามแบบที่ตฤณรดาเคยเห็นจากเสี่ยวิชัย

“ถ้าจะมาเยี่ยมคุณพ่อก็คงต้องกลับแล้วล่ะค่ะ คุณพ่อยังไม่ฟื้น” ตฤณรดาเอ่ยบอกก่อนที่จะหันมาส่งสายตาบอกให้น้องสาวสบายใจ

“แหม่น่าเสียดาย แต่ผมไม่ได้มาแค่นั้นน่ะสิ นี่คุณหญิงทั้งสองอยู่ไหนครับเนี่ย” นัทกรในวัย35เอ่ยบอกและถามถึงอาสาวเกือบใหญ่ของสองสาวน้อยเป็นเวลาเดียวกับที่ประดับจันทร์และประดับดาวเข้ามาในห้องพร้อมกับหลานๆอีกสองคนและเตชินทร์ที่ถูกน้องสาวสั่งสอนจนตัดสินใจปล่อยวางอดีต

“อ้าวมาพอดี ดีเลยครับอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาผมจะได้พูดทีเดียวเลย” นัทกรเอ่ยบอกก่อนที่จะมองดูเตชินทร์ด้วยแววตาชนิดหนึ่งที่ทำให้ชายหนุ่มรู้สึกขนลุกเกลียว

“คุณนัทมีอะไรหรือคะ” คุณหญิงประดับจันทร์กลั้นใจถามทั้งที่เห็นสายตานัทกรและรู้สึกคลื่นไส้

“คุณชายยืมเงินผมไปหนึ่งร้อยล้าน” นัทกรละสายตาจากชายหนุ่มแล้วหันมาเกริ่นบอกน้องสาวของลูกหนี้ “เมื่อสามอาทิตย์ก่อนคุณนิรินก็มายืมไปอีกสามสิบล้าน รวมกับครั้งก่อนๆแล้วก็ห้าสิบล้าน หนึ่งร้อยห้าสิบล้านคือจำนวนหนี้ที่คุณชายต้องชำระคืนผม”

“อะไรนะ!!” สองราชนิกูลจากราชสกุลติวกุลอุทานพร้อมกันเมื่อรู้ว่าพี่สะใภ้ที่เธอทั้งสองไม่ได้ต้องการนั้นไปหยิบยืมเงินจากนัทกรมากมายขนาดนั้น

“ก็อย่างที่พูดไป แต่จากสภาพตอนนี้ของคุณชายคงไม่สามารถหาเงินจำนวนนั้นมาคืนผมได้ด้วยซิ” นักธุรกิจหนุ่มเกือบใหญ่เอ่ยบอกก่อนที่จะหันไปมองตฤณรดาและเนตรดารา “แต่ผมมีข้อเสนอนะ”

"ข้อเสนออะไร?" ประดับดาวถามก่อนที่จะเดินไปบังร่างของหลานสาวทั้งสองจากสายตาที่เริ่มคุกคามของนัทกร

"”มีทางเลือกให้สองทาง หนึ่งคือโอนบริษัทให้ผมซะ” นัทกรบอกก่อนที่จะหันไปทางตุลากร “หรือสอง ให้คุณต้องตาแต่งงานกับผม และคุณต้อมกับคุณอายต้องไปอยู่กับผม”

วิปริต คำนี้พุ่งเข้ามาในสมองของตฤณรดาหรืออาจจะรวมคนอื่นด้วย เธอเกือบจะหลุดด่าออกไปแล้วดีที่หยั่งปากไว้ทัน บ้าที่สุดมาเสนอให้เธอแต่งงานด้วยเผื่อปกปิดความผิดปกติของตัวเอง และไอ้การให้พี่ชายและน้องสาวเธอไปอยู่ด้วยนี่มันหมายความว่าอย่างไรแทบไม่ต้องเดา นายนี่คิดวิปริตจะเสพสมทั้งกับผู้หญิงอย่างเธอและน้องสาวทั้งกับผู้ชายอย่างพี่ชายเธอด้วย

‘ให้ตายเถอะ อาทรายพูดไม่ผิด นายนัทกรนี่วิปริตผิดปกติจริง ๆ’ เด็กสาวได้แต่คิดในใจอย่างเดือดดาล อาของเพื่อนสาวเคยเล่าให้เธอและพลอยวารินทร์ฟังบ่อย ๆถึงความไม่ปกติของนัทกรแต่ตอนนั้นเธอไม่ใส่ใจ ไม่คิดเลยว่าจะเป็นจริง

“โอ๊ะ ผมคงต้องไปแล้ว ผมให้เวลาตัดสินใจอีกสักเดือนละกัน หวังว่าผมจะได้คำตอบที่พอใจนะ” ชายผู้วิปริตเอ่ยบอกก่อนที่จะเดินออกจากห้องไป

เตชินทร์กำหมัดแน่น ไอ้บ้านั่นวิปริตจริง ๆ มันมองเขาอย่างหื่นกระหายทิ้งท้ายก่อนที่จะออกไป มันทำให้เขาขยะแขยงใจอยากจะอ้วก ไหนจะสายตาหื่นที่มองไปที่น้อง ๆเขานั่นอีกมันน่าต่อยให้ตายคาโรงพยาบาลนัก เขาจะทำยังไงกับปัญหาที่เกิดขึ้นตอนนี้

“ให้เขายึดบริษัทไปได้ไหมคุณอาหญิง น้องอายกลัว”เนตรดาราเอ่ยถามอย่างหวาดกลัว นี่คงเป็นครั้งแรกที่นัทกรทำท่าทีน่ากลัวแบบนี้ให้เธอได้เห็น เธอไม่อยากไปอยู่กับเขา

“บริษัทนั่นพ่อเราไม่ได้สร้างมาคนเดียวนะอาย พ่อเขารักบริษัทนั้นมากด้วย” ประดับจันทร์เอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงคิดไม่ตก

เตชินทร์ถอนหายใจพรืดอย่างหนักใจ บริษัทที่ว่านี้ถ้าเขาจำไม่ผิดคุณหญิงเตชิณีและคุณชายปนัยภพผู้เป็นแม่และพ่อช่วยกันสร้างขึ้นด้วยลำแข้งฟันฝ่าอุปสรรคมาจนใหญ่โต มันเป็นตัวแทนความรักอย่างหนึ่งที่มีอดีตรักสวยงามของท่านทั้งสองก่อนที่นิรินจะเข้ามา

“ต้องมีสักทางที่ต้องตาไม่ต้องแต่งงานและสามารถรักษาบริษัทได้ มันต้องมีสักทางสิ” เตชินทร์เอ่ยหลังจากเงียบมานานก่อนที่จะกัดฟันกรอด เขาไม่อาจยอมให้น้องสาวต้องแต่งงานกับคนวิปริตได้และเขาก็ไม่สามารถปล่อยให้บริษัทที่ผู้เป็นแม่รักไปตกในมือคนวิปริตได้

กริ๊งๆ เสียงเครื่องมือสื่อสารเครื่องสวยดังขึ้นทำให้คนกำลังเครียดต้องพักความคิดมากดรับ

“ครับพี่ต้น อะไรนะ!!!” เสียงที่ลอดผ่านสายมาทำให้เตชินทร์ตกใจสุดขีด

“เกิดอะไรขึ้นคะพี่ต้อม” เด็กสาวเอ่ยถามพี่สายที่มีสีหน้าไม่สู้ดี

“พี่ต้นบอกว่าเสี่ยวิชัยให้เวลาเราอีกสามอาทิตย์ถ้าไม่ส่งตัวต้องตาไปให้จะเอาเรื่องไปบอกนักข่าว หม่อมยายเครียดมากจนหมดสติไปตอนนี้ถูกพาตัวมาโรงพยาบาลแล้ว” เตชินทร์บอกคนเป็นน้องก่อนที่เด็กสาวจะวิ่งออกจาพห้องไปที่ห้องฉุกเฉินอย่างมั่นใจว่าผู้เป็นยายจะถูกส่งตัวมาที่นี่แน่ เตชินทร์ตามคนเป็นน้องไปทันทีในสมองแทบจะระเบิดกับแต่ละปัญหาที่เกิดขึ้น ต้องทำยังไง ต้องแก้ยังไง มันมีสักวิธีมั้ยที่จะช่วยน้องสาวเขาและอาจรวมถึงตัวเขาได้ตอนนี้

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel