บทที่2 พระศุกร์เข้า 1
เมื่อญาติผู้พี่ยอมจำนนแล้วตฤณรดาก็ไม่ได้กังวลอะไรอีกจึงไม่ได้มองเลยว่ามีใครคนหนึ่งจดจ้องมองเธออยู่อย่างหลงใหล
“ลื้อไปสืบมาสิ เด็กสาวน่ารักคนนั้นเป็นอะไรกับไอ้ต่อ” เสียงสั่งการทำให้คนที่นั่งอยู่ข้างๆนึกฉงน
“เสี่ยเปลี่ยนใจจากม่านฟ้าแล้วเหรอครับ”วิรัชเอ่ยถามเจ้านายของตนอย่างเสี่ยวิชัยที่ติดตามมาจับตาดูลูกหนี้ไม่เอาไหนเพื่อรอฉุดหญิงสาวที่เสี่ยวัย40ต้องการ
“ไม่เปลี่ยน แต่จะเพิ่มสาวน้อยคนนั้นด้วยอีกคน” เสี่ยวิชัยเอ่ยบอกสายตายังคงจดจ้องอย่างปรารถนา
“แต่เด็กนั่นดูเหมือนอายุจะเพิ่ง16-17อยู่เลยนะครับ” วิรัชค้านเพราะมองจากสายตาแล้วเธอยังเป็นสาวน้อยอยู่เลย
“สาวน้อยแล้วไง 16-17กำลังพอดี อั๊วชักเบื่อพวกอายุ20กว่า สาวรุ่นๆเนื้อนิ่มๆน่ากินกว่าเยอะเลย” คนเป็นนายบอกอย่างหื่นกระหาย
เสี่ยวิชัยไม่รีรอลุกขึ้นเดิมดุ่ม ๆเข้าไปหาลูกหนี้หนุ่มทันที “สวัสดีเตวินทร์”
เสียงทักอย่างยโสนั้นดังเข้ามาในโสตประสาทของหม่อมหลวงเตวินทร์จนต้องหันควับไปมอง “เสี่ยวิชัย”
“โอ้ ดีใจจริงที่ลื้อยังจำเจ้าหนี้อย่างอั๊วได้ แต่อั๊วจำลูกหนี้กระจอกอย่างลื้อได้ไม่เคยลืมเลยนะ มีเงินมาเข้าผับเข้าบาร์ แล้วไหนล่ะหนี้อั๊ว” เสี่ยวิชัยเอ่ยอย่างเย้ยหยัน
“หนี้ หนี้อะไรพี่ต่อ นี่พี่ต่อติดหนี้อาเสี่ยพุงพุ้ยนี่เหรอ”ตฤณรดาผู้บางครั้งก็พูดตรงเกินไปเอ่ยถามในขณะที่คนถูกเรียกว่าอาเสี่ยพุงพุ้ยยังคงยิ้มร่า รู้สึกถูกใจยัยเด็กปากดีนี่เหลือคณาอยากจะจับสั่งสอนให้หายซ่า
“ใช่แล้วหนู อาเตวินทร์นี่ติดหนี้อั๊วอยู่สามสิบล้าน แล้วหนีหนี้มากรุงเทพนี่ล่ะ” เสี่ยวิชัยเอ่ยบอกในขณะที่คนเป็นหนี้กำหมัดแน่น การที่ลูกผู้น้องพ่วงตำแหน่งน้องสาวบุญธรรมมารู้เรื่องน่าขายหน้าแบบนี้สำหรับเขาแล้วมันเลวร้ายยิ่งกว่าการโดนเพื่อนหลอกฮุบรีสอร์ทเสียอีก ทั้งขายหน้าและอับอายจนไม่กล้ามองหน้าสาวน้อยตฤณรดา
“สามสิบล้านเหรอ อืม ไม่ต้องกลัวว่าพี่ต่อจะหนีหนี้หรอกนะเสี่ย พี่ต่อแค่ติดธุระ อาทิตย์หน้าพี่ต่อก็เอาไปจ่ายเองแหละ เสี่ยกลับไปรอเถอะ” ตฤณรดาเอ่ยบอกไม่ได้แสดงสีหน้าตกตื่นกลับกันเด็กสาวนั้นนั่งเงียบหลังจากเอ่ยจบ หม่อมหลวงเตวินทร์หน้าซีดลงเมื่อเห็นญาติผู้น้องเงียบนิ่งลง ความเงียบสำหรับหม่อมหลวงตฤณรดาคือสัญญาณเตือนภัยว่าเด็กสาวกำลังจริงจังและพร้อมจะลุยถ้าเสี่ยวิชัยยังคงอยู่ตรงนี้
“งั้นเหรอ? อืม ก็ได้อั๊วจะกลับไปรอที่เชียงราย” เสี่ยวิชัยบอก “อ้ออาเตวินทร์ ถ้าลื้อไม่มีปัญญาจ่าย ให้สองสาวนี่มาหาอั๊วก็ได้นะ แล้วอั๊วจะยกหนี้ให้ หึหึหึ”
“ฝันไปเถอะเสี่ย ฉันไม่มีทางทำแบบนั้นแน่” เตวินทร์เอ่ยบอกก่อนที่หันมาจับมือม่านฟ้า “กลับกันเถอะฟ้า พี่จะพาไปที่บ้าน”
เตวินทร์พาม่านฟ้าเดินผ่านหน้าเสี่ยวิชัยออกมาก่อนด้วยรู้ดีว่าระหว่างม่านฟ้ากับตฤณรดาแล้ว ตฤณรดาย่อมเอาตัวรอดได้ดีโดยที่เขาไม่ต้องปกป้อง ดนัยที่รู้ตัวตนแท้จริงของเพื่อนและเคยโดนตฤณรดาจับทุ่มมาแล้วรู้ดีว่าหม่อมหลวงตฤณรดาคนนี้ไม่น่าห่วงเตวินทร์จึงพาม่านฟ้าออกไป ชายหนุ่มรอให้ตฤณรดาลุกขึ้นเดินออกไปจึงตามไปทีหลัง
แต่เมื่อตฤณรดาเดินผ่านเสี่ยวิชัยไปได้แค่ก้าวเดียวแขนของเธอก็ถูกอีกฝ่ายจับไว้
“เดี๋ยวซิหนู จะไม่บอกชื่อให้อั๊วรู้หน่อยเหรอ อั๊วอยากรู้จักลื้อนา” เสียวิชัยเอ่ยบอกดวงตานั้นแฝงความปรารถนาทางเพศจนตฤณรดารู้สึกสะอิดสะเอียด เด็กสาวจับมือหนาก่อนที่จะจับทุ่มตามท่าศิลปะการต่อสู่ที่เคยร่ำเรียนมา โดยไม่ได้ตั้งตัวเสี่ยวิชัยก็ถูกจับทุ่มลงกับพื้นผู้คนแตกตื่นจนเตวินทร์และม่านฟ้าต้องหันมามอง
“อุ๊ยขอโทษค่ะ พอดีว่ามือกระตุก อ้อเมื่อกี้บอกว่าอยากรู้จักใช่ไหมก็ได้ บางคนเรียกฉันว่าต้องตาขาลุย อยากรู้จักมากกว่านี้ก็คงบอกได้แค่ว่า ต้องตาน่ะนักกีฬายูโดระดับประเทศค่ะเสี่ยขาาา” เด็กสาวบอกก่อนที่จะเลื่อนเท้าไปเหยียบบริเวณเป้ากางเกงของเสี่ยวิชัยและขยี้จนฝ่ายนั้นร้องเสียงหลง “อ๊ากกก”
“ไปนะเสี่ยขาาา” เด็กสาวบอกก่อนที่จะเดินไปหาเตวินทร์และม่านฟ้าอย่างสะใจ
เที่ยงวันต่อมา
โรงเรียนเอกชน...
“เรามีอะไรจะมาเม้าท์แหละคุณต้อง โซ่”เสียงบอกเล่าอย่างสดใสของปราณธิดา กิตยกุล หรือ ปลาย เพื่อนสนิทอีกคนของตฤณรดาและพลอยวารินทร์ถามขึ้นก่อนที่จะพลอยวารินทร์จะเอียงหน้ามองผู้เป็นทั้งเพื่อนและญาติอย่างสงสัย
“อะไรปลาย ปะป๊าตัวมีเมียน้อยเหรอ” พลอยวารินทร์ถามอย่างไม่จริงจังด้วยรู้ดีว่าคุณลุงทัศนะพ่อของปราณธิดาน่ะไม่มีทางนอกใจคุณน้าปรียาภัชรภรรยาเป็นแน่
“จะบ้าเหรอ ถ้าปะป๊ากล้ามีเมียน้อย อาพีร์ก็คงกล้าเลี้ยงอีหนูแล้ว”ปราณธิดาว่าแล้วก็หัวเราะ อาพีร์ที่ตนพูดถึงนั้นคือคุณอารณพีร์ลูกพี่ลูกน้องของผู้เป็นพ่อ และยังเป็นสามีของคุณอาพิมพ์พิชชา หรือ อาทราย น้องสาวแท้ๆของคุณลุงพงศ์พยัคฆพ่อของอีกฝ่าย
“แล้วมีอะไรจะเม้าท์ล่ะปลาย” พลอยวารินทร์ถามอย่างสนิทสนมนอกจากปราณธิดาจะเป็นเครือญาติฝั่งพ่อแล้วยังเป็นเครือญาติฝั่งแม่ของเธอด้วย เนื่องจากคุณน้าปรียาภัชรเป็นหลานสาวของพี่ชายคุณตาของแม่เธอ บางทีเด็กสาวก็คิดว่าไม่อยากไปลำดับญาติให้วุ่นวายวางปราณธิดาไว้แนะนำว่าเพื่อนสนิทดีกว่าเพราะถ้าให้พูดถึงความสัมพันธ์ก็คงต้องคุยกันยาว
“เมื่อเช้าเราไปเข้าห้องน้ำ แล้วเจอพี่สิงโต พี่สิงโตมาพบผ.อ. แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นที่เราจะเม้าท์เรื่องที่เราจะเม้าท์คือ...” ปราณธิดาเล่าเสียงตื่นเต้นก่อนที่จะเงียบลงให้สองสาวเพื่อนสนิทสนใจ
“คืออะไร อย่าบอกนะว่าพี่สิงโตฉีกยิ้มกว้างแบบที่เราไม่เคยเห็น ในรอบ10ปี” ตฤณรดาถามเพราะสำหรับเธอแล้วรอยยิ้มกว้างๆของสิรดนัยคือสิ่งมหัศจรรย์ของโลกที่หาชมยากสำหรับเธอ
“ใช่ที่ไหนเล่า เราเห็นพี่ๆม.6อ่อยพี่สิงโตต่างหาก แต่พี่เขาไม่เล่นด้วยจ้า” ปราณธิดาเล่าอย่างสะใจก่อนที่จะส่งสายตาไปที่เด็กสาวรุ่นพี่คนหนึ่งที่กำลังเดินเข้ามาในโรงอาหาร “ขนาดลูกสาวผ.อ.อย่างพี่ครีมพี่สิงโตยังไม่มองเลย”
“ปลาย ตัวต้องเข้าใจนะ นั่นเป็นธรรมดาของมนุษย์น้ำแข็ง มนุษย์น้ำแข็งน่ะไม่มีความรู้สึกหรอก ตัวสนิทกับพี่ครีมเตือนๆพี่ครีมด้วยเดี๋ยวจะเรียกหาน้ำใบบัวบก” ตฤณรดาบอกก่อนที่สามสามเพื่อนซี๊จะพากันหัวเราะครื้นเครง
“คุณต้องบ้า พี่สิงโตของเราไม่ใช่มนุษย์น้ำแข็งนะยะ” น้องสาวมนุษย์น้ำแข็งเอ่ยบอกก่อนที่จะพูดต่อ
“พี่สิงโตเป็นสิงโตจำศีลต่างหาก ฮะฮะฮ่า” ว่าจบก็พากันหัวเราะอย่างสนุก แม้ว่าจะรักพี่ชายมากแต่พลอยวารินทร์ก็เห็นด้วยกับตฤณรดา บางทีเธอก็ไม่ชอบใจอาการนิ่งขรึมของพี่ชายคนโตเอาซะเลย อยากให้พี่สิงโตของเธอยิ้มกว้างๆ หัวเราะดังๆ ไม่ต้องนั่งกดดันกับการทำงานทั้งที่อายุยังไม่มากแบบนี้
“เอ้อ จริงสิ พอพี่สิงโตกลับ พี่ปริมกับเพื่อนก็โดนเรียกเข้าห้องปกครองด้วยแหละ นี่มันเรื่องอะไรอะโซ่” หลังจากหัวเราะพูดเล่นมานานปราณธิดาก็สอบถามในสิ่งที่สงสัยทันที พลอยวารินทร์หัวเราะแห้งๆก่อนที่จะเอ่ยบอกถึงสาเหตุที่สิรดนัยมาพบผู้อำนวยการในวันนี้
เรื่องราวก็มีอยู่ว่าเมื่อค่ำที่ผ่านมาเธอถูกพี่ปริมหรือเปมิกาและเพื่อนเรียกไปเจอที่สถานบันเทิ่งแห่งหนึ่งด้วยเรื่องของเพลินไพลินที่ฝ่ายนั้นหาเรื่องน้องสาวของเธอมาหลายครั้งหลายหนจนคนเป็นพี่อย่างเธอต้องออกมาช่วยหาทางจบเรื่องอย่างประนีประนอม เธอแอบออกมาจัดการด้วยตัวเองแต่ก็เกือบถูกข่มขืนจากพวกที่เปมิกาพามาแต่เธอก็ยังมีโชคที่ก่อนจะเกิดเรื่องร้ายแรงขึ้นสิรดนัยที่มาสังสรรค์กับเพื่อนมาเจอเข้าพอดีและจัดการคนเหล่านั้นจนหมอบและส่งต่อพวกผู้ชายที่หมายจะรังแกเธอให้สรวิชญ์จัดการต่อตามกฎหมายหลังจากกลับบ้านไปเมื่อคืนสิรดนัยก็จัดการเล่าเรื่องที่เธอไปพบเปมิกาให้พ่อและแม่ฟัง ทั้งสองท่านไม่ดุเธอสักคำแต่บอกว่าทีหลังให้บอกพวกท่านตรง ๆ หลังจากนั้นสิรดนัยกับพ่อจึงตกลงกันว่าวันนี้พี่ชายคนโตของเธอจะมาพบผู้อำนวยการโรงเรียนและบอกเล่าให้รู้ถึงพฤติกรรมของเปมิกาและพวกให้ผู้อำนวยการและคณะครูช่วยดูด้วย โดยละเว้นไม่เล่าเรื่องที่หลอกพาเธอไปสถานที่อโคจร
“อย่างมากก็แค่โดนตักเตือนล่ะ ต่อไปพี่ปริมคงไม่มาระรานตัวกับน้องซีแล้วล่ะ ระดับพี่ใหญ่มาเองแบบนี้ ครูปีย์คงเด็ดขาดกับลูกสาวมากขึ้น” ราชนิกูลสาวเอ่ยบอก
“เออจริงสิเมื่อวานเราเห็นนะที่ตัวจัดการตาแก่คนนั้นน่ะ” พลอยวารินทร์เอ่ยชี้แจ้งให้ตฤณรดาได้รู้ว่าเมื่อค่ำคืนที่ผ่านมาเธอทั้งสองอยู่ในสถานที่เดียวกัน “ ตอนตัวขยี้เป้าตาแก่นั้นน่ะพี่สิงโตกับพวกนี่น่าซีดเลยอะ”
เล่าไปก็แอบซ่อนความขบขันไว้เพราะกำลังนึกถึงสีหน้าพี่ชายและเพื่อนอีกสองคนตอนที่ต้องตาขาลุยกำลังขยี้เป้าอาเสี่ยพุงพุ้ยคนนั้น เกิดมาเพิ่งเคยเห็นพี่ชายหน้าซีด สายตาหวาดเกรง ลอบกลืนน้ำลายเอือกก็คราวนี้แหละ “ว่าแต่เมื่อคืนคุณต่อกลับบ้านใช่ไหม เป็นไงบ้างคุณต่อกับลุงคุณชายคุยกันรึยัง”
“ก็คุยกันนิดหน่อยแต่ยังไม่เคลียร์ เมื่อคืนพี่ฟ้าเป็นลมซะก่อนตามหมอกันวุ่นวายเลย” สาวน้อยจากราชกุลสิราราชเอ่ยบอก “ตอนแรกทุกคนคิดว่าพี่ฟ้าแค่เป็นลมช็อคที่รู้ว่าพี่ต่อไม่ใช่คนธรรมดาในสังคมปานกลางแต่เป็นราชนิกูลที่ร่ำรวยมาก แต่พอพี่ต้นเรียกลุงหมอมาดูเท่านั้นแหละดีใจกันใหญ่เลย”
“ทำไมถึงดีใจกันใหญ่อะ” สองสาวผู้มีสถานะเป็นทั้งเพื่อนและเครือญาติเอ่ยถามขึ้นพร้อมกันจนตฤณรดายิ้มออกมาอย่างดีใจ
“คุณหมอบอกว่าพี่ฟ้าน่ะตั้งครรภ์ได้16สัปดาห์แล้วน่ะซิ หม่อมยายหลุดดีใจใหญ่เลย ปากก็ว่าฉันจะเป็นคุณทวดแล้ว ฉันจะมีเหลนแล้ว” ว่าจนก็หัวเราะขำกับอาการดีใจของคนเป็นยาย “ยิ่งพ่อติณกับพี่ต่อนี่ยิ่งแล้วใหญ่ ดีใจจนกอดกันลืมเรื่องหมางใจเลย”
“พี่ฟ้านี่ภรรยาคุณต่อเหรอ แสดงว่าคุณต่อหยุดเสเพลแล้วซิ” พลอยวารินทร์ถามก่อนที่ตฤณรดาจะพยักหน้า “ใช่ เราสังเกตดูแล้วพี่ต่อเปลี่ยนไปแล้วล่ะ พี่ฟ้าคนนี้เก่งมากเลยนะกำราบจอมเสเพลได้อยู่หมัด”
“งั้นเย็นนี้เราไปวังสิราราชกันปลาย เราอยากเห็นหน้าคนที่เปลี่ยนหม่อมหลวงเตวินทร์ได้และกำราบได้อยู่หมด” “อือ วันนี้ไปวังสิราราชกัน” พลอยวารินทร์และปราณธิดาตกลงกันก่อนที่จะเปลี่ยนเรื่องพูดคุยกันฆ่าเวลาจนหมดพักเที่ยง
หลังเลิกเรียนจากที่ตกลงกันไว้ว่าว่าสามสาวจะไปปักหลักเล่นที่วังสิราราชกลับกลายเป็นว่าตฤณรดาถูกเรียกไปซ้อมเทควันโดเพราะจะมีการแข่งขันในระดับโรงเรียนในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้าแผนการไปหาม่านฟ้าของสามสาวจึงถูกยกเลิก
“ช่วงนี้เหนื่อยหน่อยนะทุกคน อาจจะต้องมาเก็บตัวที่โรงเรียนก่อนแข่งหนึ่งอาทิตย์” ครูอนงค์ ครูที่ปรึกษาชมรมเทควันโดเอ่ยบอกนักกีฬาของโรงเรียนเกือบสิบห้าชีวิตที่นั่งพักกันอยู่ “เอาล่ะ นี่ก็เย็นมากแล้วไปเปลี่ยนชุดกลับบ้านกันได้แล้ว กลับบ้านดี ๆ จ๊ะเด็กๆ”
“คุณต้องตา กลับบ้านยังไง?ผมไปส่งมั้ย?” คำถามที่ถูกส่งมาทำให้เด็กสาวที่กำลังจะลุกขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้าต้องหันไปยิ้มและส่ายหน้า
“ไม่เป็นไรเอิร์ท เดี๋ยวพี่ต้อมมารับน่ะ” พูดจบก็ผละออกไปเปลี่ยนเสื้อผ้า เอิร์ท หรือ อภิวัฒน์ เป็นเพื่อนร่วมชั้นและเป็นนักกีฬาเทควันโดชายเบอร์1ของโรงเรียน แต่ตฤณรดารู้ดีว่าอีกฝ่ายไม่ได้คิดกับตนแค่เพื่อนเพราะฉะนั้นจึงไม่อยากทำตัวสนิทสนมกับอีกฝ่ายมากนักเพราะมันจะยิ่งทำให้เขาคิดไปไกล
อภิวัฒน์ถอนหายใจพรืดที่โดนปฏิเสธแต่ก็พอเข้าใจและรู้ดีว่าตฤณรดาคิดกับเขาแค่เพื่อนคนนึง พยายามเว้นระยะห่างและไม่ให้ความหวังเขาจนเขาคิดไปเอง แต่ถึงตฤณรดาจะทำถึงขนาดนี้เขาก็ยังตัดใจไม่ได้และเชื่อว่าต้องมีสักวันล่ะที่ตฤณรดาจะมองเขาแบบผู้ชายคนหนึ่งบ้าง น้ำหยดลงหินทุกวันหินมันยังกร่อน ใจคนก็เหมือนกันทำดีด้วยทุกวันสักวันก็คงใจอ่อน
