บทที่19 เป็นแบบนี้นาน ๆ ได้ไหม
“รู้ตัวไหม ว่าหลุดมาดอยู่” หญิงสาวเอ่ยถามหลังจากที่ขยุกขยิกทำอะไรกับสมาร์ทโฟนของเขาจนพอใจแล้ว หญิงสาวยื่นสมาร์ทโฟนให้ชายหนุ่มดูคลิปวิดิโอคู่ของเขาและเธอที่ทำให้เขาขมวดคิ้ว
เขายิ้ม ยิ้มออกมาหลุดไปจากมาดนิ่ง ๆ ตามแบบฉบับมากโข “คงจะเพราะเห็นรอยเท้าหมาบนหน้าเมียมั้ง ลืมตัวเลย”
“เป็นแบบนี้ไปนาน ๆ ได้ไหม โอ๊ะ ไม่ขอร้องดีกว่า บางคนเขารับปากแล้วผิดคำพูดมาแล้วครั้งนึง” ตฤณรดาพูดเองเออเองก่อนจะขยับลุกขึ้นแต่ก็ถูกรวบกลับลงมานั่งที่เดิม
“พี่จะไม่รับปาก...แต่ครั้งนี้พี่จะใช้การกระทำบอกคุณต้อง” สิรดนับเอ่ยบอกก่อนที่จะคลี่ยิ้มให้ในแบบที่ทำให้ใคร ๆ ก็ต้องหลงรักทำเอาตฤณรดาถึงกับใจเต้นใบหน้าแดงก่ำเห่อร้อนใบหมด นี่สินะรอยยิ้มที่พลอยวารินทร์บอกว่าใคร ๆ เห็นก็ต้องยอม คนโดนยิ้มใส่ทำอะไรไม่ได้แต่ขยับกายเข้าไปซุกอยู่กับอกคนทำให้เธอใจเต้นแรง
หัวใจของเขาเต้นแรงเช่นกันเธอสัมผัสได้ มันเป็นความรู้สึกคล้ายว่ามีผีเสื้อนับพันบินผ่านร่างและยิ่งรู้สึกถึงหัวใจอีกดวงที่เต้นแรงเช่นกันมันยิ่งส่งผลให้รู้สึกดีอย่างอธิบายไม่ถูก
“ฮ่อง ฮ่อง ฮ่อง” แต่แล้วก็ต้องเก็บความรู้สึกนั้นไว้เมื่อเสียงของเจ้าเลโอนี่และผองเพื่อนดังขัดขึ้น
“อีพวกขี้หวง เรากอดพ่อตัวนิดตัวหน่อยมาเห่ากัน ขี้อิจฉา” หญิงสาวบ่นให้เจ้าสี่ขาทั้งหลายก่อนที่จะทำสีหน้าหมั่นไส้ “รู้อย่างนี้จัดบริการทำสีขนให้ทุกตัวก็ดีสิ ชิ”
“เดี๋ยวก็โดนเอาคืนแบบวันนี้อีกหรอก พี่ว่าคุณต้องไปล้างหน้าออกได้แล้วนะ เดี๋ยวสิวขึ้นยิ่งไปกันใหญ่นะ ยิ่งไม่สวยอยู่” เพี๊ยะ
“มาว่าคุณต้องไม่สวยอย่ามาหลงรักคุณต้องก็แล้วกัน” คนโดนหาว่าไม่สวยบอกอย่างแสนงอนหลังจากลงมือฟาดต้นแขนแข็งแรงของคนหล่อเพอร์เฟคแล้วเดินออกไปล้างหน้าล้างตา สิรดนัยมองตามด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม ‘ถ้าอยากให้บรรยากาศแบบวันนี้คงอยู่ไปนาน ๆ มันคงจะขึ้นกับเราทั้งคู่สินะ’
2สัปดาห์ต่อมา
“สวยไหม” ร่างบอบบางในชุดเดรสยาวสีฟ้าอ่อนเอ่ยถามพลางจดจ้องมองตนเองในกระจกบานใหญ่ ในวันนี้เธอต้องออกงานคู่กับสิรดนัยเป็นครั้งแรกแถมยังเป็นงานแต่งงานของเพื่อนสนิทของชายหนุ่มอย่างอาทิตยะอีกด้วยเธออยากแต่งตัวให้ดูดีและไม่เกินหน้าเกินตาเจ้าสาวจนเกินไปจนเลือกกชุดสีฟ้าอ่อนชุดนี้แต่พอใส่แล้วก็เกิดอาการไม่มั่นใจเท่าไหร่ว่าสวยหรือไม่จนต้องขอความเห็นจากสิรดนัย
“ไม่” เขาตอบกลับทันทีที่คำถามจบลงก่อนที่จะยิ้มขำ “ล้อเล่นครับ สวยกำลังพอดีเลย”
“ชิ” คนโดนแกล้งให้ใจแป้วส่งเสียงอย่างหมั่นไส้ก่อนที่จะตรวจเช็คความพร้อมอีกนิดแล้วหันไปพยักหน้ากับสิรดนัย “ไปกันเถอะ”
“โอเค ไปกันเลย” สิรดนัยเอ่ยบอกก่อนที่ยื่นมือขวาออกมาตรงหน้าหญิงสาว ตฤณรดาวางมือซ้ายลงบนมือคู่นั้นก่อนที่จะจูงมือกันออกไปจากห้อง เธอไม่ชอบการควงแขนแต่เธอชอบการจับมือมากกว่าสิรดนัยเองก็เช่นกันดังนั้นจึงเป็นการจับมือแทนการควงแขน
ภายในงาน
“ตายแล้ว! ลืมไปเลยว่ายัยแบมเป็นน้องพี่แบงก์ มางานนี้ก็ต้องเจอนางซิ” กำลังจะเดินเข้าไปถ่ายรูปกับคู่บ่าวสาวแล้วเชียวแต่ตฤณรดากลับร้องอุทานอย่างนึกขึ้นได้ อรณุกาเพื่อนสนิทของสุพรรณิการ์คนนี้เป็นน้องสาวของอาทิตยะนี่น่า งานแต่งงานของอาทิตยะมีหรืออรณุกาจะไม่มา
“กลับได้ไหมอะ” เธอถามเสียงอ้อนก่อนจะหันลังกลับแต่เสียงเจ้าบ่าวดันดังขึ้นเสียก่อน
“เฮ้ยสิงโต มาแล้วเหรอ ว้าววันนี้พาคุณต้องมาด้วย อะไรยังไงทำไมเพื่อนไม่รู้วะ” อาทิตยะเอ่ยทักด้วยน้ำเสียงกึ่งแปลกใจกึ่งล้อเลียน เพราะช่วงนี้เขาทำตัวดีไม่ออกเที่ยวเพื่อว่าที่เจ้าสาวจึงไม่ค่อยได้นัดรวมตัวสังสรรค์กับเพื่อนนักจึงไม่รู้เลยว่าคนที่แยกกันอยู่อย่างคนคู่นี้ทำไมวันนี้บรรยากาศมันดูหวานชื่นจัง
“มีเมียสวยก็ต้องพามาอวดดิวะ นายนี่ไม่รู้อะไรเล้ยช่วงนี้พี่สิงห์เขาชอบอวดเมียเว้ย” กวินดนัยที่เดินตามมาเอ่ยบอกเจ้าบ่าวแล้วส่งสายตาล้อเลียนเพื่อนหนุ่ม “ฉายาคนอวดเมีย2018น่าจะยกให้มันอะ”
“เห้ยนี่ฉันพลาดอะไรไปวะ” อาทิตยะร้องโวยวายไม่จริงจังนักก่อนที่จะรับสมาร์ทโฟนจากกวินดนัยมาดู “โอ้โห แบบนี้ฉันยอมวะ สละตำแหน่งคนอวดเมียให้เลย”
สิรดนัยยิ้มไม่พูดอะไร ค่ำวันนั้นเมื่อ2สัปดาห์ก่อนเขาถือวิสาสะลงรูปคู่กับหญิงสาวเป็นรูปโปรไฟท์ในโซเชียลมิเดียทั้งFacebookและInstagram หลังจากวันนั้นมาเขาก็มีทั้งเพื่อนและคนที่ติดตามเขาอยู่แสดงความคิดเห็นมาถามเยอะว่าเธอคือใคร ถ้าเป็นตัวจริงลงรูปเยอะ ๆ ได้ไหมอยากเห็น เมื่อมีคนขอมาและตฤณรดาเข้ามาแสดงความคิดเห็นว่าจัดไปเขาจึงมักจะถ่ายรูปหญิงสาวโพสต์ลงแทบทุกวัน แต่ละรูปเป็นรูปเวลาหญิงสาวเผลอทั้งนั้น โพสต์แล้วก็โดนงอนอยู่บ้างแต่ก็เพียงแค่งอนเล็กน้อยหาใช่ความไม่พอใจ ซ้ำไม่พอสาวเจ้ายังเอาคืนแอบถ่ายตอนเขาเผลอโพสต์ลงบ้าง
“ซดน้ำใบบัวบกทั้งโซเชียลแล้วมั้ง หวานซะขนาดนี้” เมฆินทร์ที่โผล่มาจากด้านหลังเจ้าบ่าวเอ่ยบอก “เจอช็อตอวดกันแบบนี้เข้าไปตายเกรี้ยงยกโซเชียลแน่ ฉันดูยังแบบ...อิจฉาไอ้พี่สิงห์จริง ๆ”
“สงสัยยัยแบมจะเห็นโพสต์พวกนี้แล้วว่ะ ถึงว่าดิซึม ๆ ร้องไห้โอเว่อร์ประกาศรับสมัครคนมาดูแลหัวใจอยู่ เฮ้อ ดีเว้ยจะได้เลิกเพ้อสักที” อาทิตยะเอ่ยก่อนที่จะมองนาฬิกา “ไป ๆ เข้าไปข้างในกันดีกว่า ใกล้ถึงฤกษ์แห่ขันหมากแล้ว”
“พี่แบงก์คะ คือยัยแบม...” หญิงสาวที่เงียบมาตลอดเอ่ยหยุดแค่ชื่อของน้องสาวอีกฝ่ายก็ต้องหุบปากฉับร้องว่าไม่ทันแล้วในใจเมื่อร่างของสาวสวยเปรี้ยวเดินมาด้วยใบหน้าเชิด ๆ
“แม่ให้ตาม” อรณุกาเอ่ยบอกพี่ชายก่อนที่จะยกมือไว้เพื่อนพี่ชายทั้ง3คน “สวัสดีค่ะพี่ ๆ แม่บอกว่าจะตั้งแถวขบวนแล้ว เชิญกันได้แล้วค่ะ”
สิรดนัยมองสีหน้าของตฤณรดาก่อนที่จะจูงมือหญิงสาวตามเข้าไปยังขบวนขันหมาก
“ช่วยถือหน่อย หนัก” อรณุกาเอ่ยเสียงถือตัวใส่พร้อมกับส่งพานขนมมงคล9อย่างมาให้ ส่วนตัวสาวเปรี้ยวเองนั้นถือพานผลไม้มงคลไว้ในมือ “พี่สิงโตหยิบพานผลไม้มงคลนะคะจะได้เดินคู่กัน”
ตฤณรดาอ้าปากเหวอ นี่ขนาดว่าเธอประกาศเด่นชัดขนาดนี้แถมยังมาด้วยกันอรณุกายังกล้าอีกเหรอ ไหนว่าเลิกมโนแล้วไง
“ฉันเอาผลไม้เอง นายไปเอาขนมเถอะ” เมฆินทร์ผู้ดูอยู่ห่าง ๆ เอ่ยบอกก่อนที่จะหยิบพานผลไม้มงคลขึ้นมาถือไว้ อรณุกาทำท่าราวจะขบหัวเพื่อนพี่ชายก่อนจะสะบัดหน้าหนี “ยัยนั่นแค่ยั่วโมโหคุณต้องเท่านั้นล่ะ คงไม่คิดอะไรแล้วล่ะ”
“อ้าว สิงโต เมฆ ไม่ไปยืนใกล้ ๆ เจ้าบ่าวเหรอจ๊ะ” เสียงทักดังขึ้น เสียงนั้นเป็นเสียงมารดาเลี้ยงของเจ้าบ่าวและเป็นมารดาของอรณุกา หญิงวัย40เศษมองด้วยความไม่ชอบใจก่อนที่จะเอ่ยบอก “ ไม่ ๆ ไม่จัดแบบนี้ ยัยแบมไปถือพานขนม จะมาถือพานผลไม้ได้ยังไงหนักออก ไปถือพานขนมกับหนูคนนี้เลย ส่วนเราสองคน...”
“ผมขออยู่แถวนี้นะครับน้าอร” สิรดนัยรีบดักทางก่อนที่คุณนายอรอุมาจะจัดให้เขาไปยืนด้านหน้ากับเจ้าบ่าว
“ผมด้วยครับ ด้านหน้าให้นายกลางกับนายชัชแล้วกันเนอะ วันนี้นายชัชอุตส่าห์ออกจากป่ามาเลยนะ” เมฆินทร์เอ่ยเสริมอีกแรง นายชัชคือเพื่อนอีกคนในกลุ่มที่นาน ๆ ทีจะโผล่ออกจากป่ามาสักที เพราะชัชวินทร์หรือชัชนั้นเป็นเจ้าหน้าที่ป่าไม้นาน ๆ ทีถึงจะมาพบเพื่อนฝูงบ้าง “อีกอย่างอะ สิงโตมันพาหวานใจมาด้วย มันไม่อยากไปยืนแถวหน้าหรอกครับ”
“หวานใจ? แฟนน่ะเหรอ อ้าวนี่แฟนสิงโตเหรอจ๊ะ” คุณนายอรอุมาถามด้วยใบหน้าฉงนพร้อมหันมองตฤณรดาอีกครั้ง “เพื่อนของแม่ฝ้ายกับยัยแบมไม่ใช่เหรอ อ้าวไหนว่าเลิกคบกับฝ้ายกับกลุ่มเพื่อนแล้วไงแบมทำไมยังคบคนนี้อยู่”
“หนูไม่ได้เป็นเพื่อนฝ้ายแล้วค่ะ แล้วมาเนี่ยก็มากับพี่สิงโต แบมไม่ได้ชวน” ราชนิกูลสาวเอ่ยบอกอย่างตรงไปตรงมา ตกใจอยู่มากกับสิ่งที่คุณนายอรอุมาเอ่ย อรณุกาเลิกคบกับสุพรรณิการ์แล้วอย่างนั้นเหรอ ไม่น่าเชื่อ
“อ้อ คงจะโดนแม่ฝ้ายอะไรนั่นทำแสบไว้สินะถึงได้เลิกคบ ดีแล้วล่ะจ๊ะ ยัยแบมก็ตัดขาดกับแม่นั่นแล้ว ตัดยัยนั่นออกไปได้น่ะดีกับเรามากกว่าจ๊ะ” คุณนายอรอุมาที่ไม่ชอบสุพรรณิการ์อยู่แล้วเอ่ยบอกก่อนที่จะหันไปมองสองหนุ่มอีกครั้ง “งั้นสองคนก็ถือพานผลไม้มงคลอยู่ใกล้ ๆ สองสาวแล้วกัน น้าไปดูด้านหน้าล่ะ”
“ฝ้าย? ใช่คนที่ไอ้แบงค์บอกว่าไปยั่วมันถึงห้องแต่มาตีหน้าใสบอกว่าไม่ได้ยั่วแล้วเธอก็เชื่อรึเปล่าแบม” เมฆินทร์ถามน้องสาวเพื่อนในทันทีเมื่อคลับคล้ายคลับคลายว่าได้ยินชื่อนี้ที่ไหน
“อือ” อรณุกาตอบกลับในลำคอแล้วก็เบนหน้าหนี เมื่อก่อนเธอเชื่อใจสุพรรณิการ์มากแต่ตอนนี้ความเชื่อใจนั้นหมดไปแล้ว พอนึกเรื่องนี้ขึ้นมาได้ก็ได้แต่คิดว่าตกลงแล้วตอนนั้นสุพรรณิการ์โกหกหรือไม่
“ระวังแฟนลับ ๆ ของผู้หญิงคนนั้นไว้ด้วยนะน้องแบม หมอนั้นไม่ค่อยกินเส้นกับพี่รวมถึงแบงก์กับเจ้าพวกนี้ด้วย” สิรดนัยเอ่ยเตือนน้องสาวเพื่อนด้วยความหวังดี สำหรับเขาน้องสาวของเพื่อนก็เหมือนกับน้องสาวของเขา เขาไม่อยากให้เกิดอะไรขึ้นกับอรณุกาอันเนื่องมาจากมีพี่ชายเป็นเพื่อนกับเขา
“แฟนลับ ๆ ?” อรณุกาและเมฆินทร์ทวนคำนั้นพร้อมกับอย่างสงสัย เขาและเธอยังไม่เข้าใจว่าใครคือแฟนลับ ๆ ของสุพรรณิการ์
“ภราดรคือแฟนที่คบแบบเปิดเผย หมอนี่เป็นเพื่อนสนิทของอนาวินทร์ แล้วอนาวินทร์ก็เป็นแฟนลับ ๆ ของคนที่ชื่อสุพรรณิการ์ ไม่เคยเห็นเลยเหรอ?” สิรดนัยบอกและถามน้องสาวเพื่อนกลับแต่อรณุกากลับส่ายหน้า เธอรู้จักคู่อริของพี่ชายและเพื่อนที่ชื่ออนาวินทร์แต่ก็ไม่เคยเห็นอนาวินทร์กับสุพรรณิการ์อยู่ด้วยกัน
“แบมไม่คิดว่าฝ้ายจะแอบซ้อนด้วย”
“แต่เราเล่นเต็มตา นายอนาวินทร์นั่นมาส่งฝ้ายบ่อย ๆ เคยพาเข้าไปกินข้าวที่ห้องด้วย” ตฤณรดาแย้งคงจะมีแค่เธอจริง ๆ ที่รู้เรื่องไม่ดีของสุพรรณิการ์ขนาดอรณุกาที่สนิทกว่ายังไม่รู้
“กินข้าวที่ห้อง มันเคยเจอคุณต้องใกล้ ๆ ด้วยเหรอ” สิรดนัยที่เพิ่งรู้รีบถามอย่างร้อนรนระคนไม่ชอบใจ “แล้วมันได้คุยอะไรคุณต้องบ้างไหม”
“ก็ไม่พูดอะไรคุณต้องไม่ค่อยไปยุ่งกับฝ้ายกับเขา แค่เห็นว่าลอบมองด้วยสายตา...สายตายังไงนะ อ่า สายตาเหมือนเกลียดกันมาเป็นร้อยชาติพันชาติบวกกับสายตาดูถูกเหมือนมองผู้หญิงหากินอะ ตอนนั้นไม่เข้าใจหรอกว่าทำไม ตอนนี้ก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี” ตฤณรดาเอ่ยบอกก่อนที่จะกัดฟันกรอดเมื่อเมฆินทร์เผยบางอย่างออกมา
“ไอ้วินทร์มันเป็นคนชอบดูถูกผู้หญิง เอาความคิดตัวเองเป็นใหญ่ มันคิดว่าคุณต้องเป็นผู้หญิงง่าย ๆ เพราะการแต่งงานแบบสายฟ้าแลบกับสิงโตน่ะสิ ตอนนั้นมันยังเอาคุณต้องไปพูดเสีย ๆ หาย ๆ เลยว่าใจแตก ท้องตั้งแต่เรียนไม่จบ ให้ตายเถอะวะ ตอนนั้นฉันไม่น่าห้ามนายเลย น่าจะต่อยให้ตายคาที่ไปเลย มีสิทธิ์อะไรมามองผู้หญิงอย่างดูถูกวะนั่นเพศเดียวกับแม่มันนะเว้ย” เมฆินทร์เอ่ยอย่างโมโห เขาไม่ชอบการพูดขาหรือใช้สายตาดูถูกผู้หญิงถ้าได้เห็นใครทำแบบนั้นล่ะเลือดขึ้นหน้า “ไม่เวิร์คจริง ๆ แผนการถอยห่างของนายเนี่ยสิงโต ถอยยังไงวะให้มันได้ใกล้คุณต้องมากกว่าเดิม”
“โลกกลมมั้ง” สิรดนัยตอบกลับแต่ความคิดก็ไม่ได้ห่างไปจากเพื่อนเลย เขาพลาดจริง ๆ พยายามถอนห่างเพราะไม่อยากให้เธอโดนใครเพ่งเล็งแต่กลับไม่รู้เลยว่ายิ่งห่างอันตรายยิ่งเข้าใกล้ตฤณรดาถึงขนาดเข้านอกออกในห้องได้ “ไม่น่าเลยจริง ๆ”
“ไม่น่าไร นี่อย่าเข้าใจกันแค่สองดิ บอกคุณต้องด้วย” ราชนิกูลสาวถามด้วยความสงสัย เช่นเดียวกับอรณุกาที่สงสัยเช่นกันแต่ไม่ถาม
“ไม่บอกหรอก” สิรดนัยบอกก่อนที่จะหันไปทางหน้าขบวนเมื่อเสียงโห่สามลาดังขึ้นเป็นการเริ่มต้นเคลื่อนขบวน
“ชิ ใจร้ายถามพี่เมฆก็ได้” เมื่อไม่ได้คำตอบจากชายหนุ่มตฤณรดาจึงหันมาถามเพื่อนของเขาแทน หวังว่าจะได้คำตอบนะ “พี่เมฆคะบอกหน่อยสิ”
“ไม่บอกหรอก ความลับครับ” เมฆินทร์เอ่ยบอกเสียงดังสิรดนัยฟังแล้วก็ยิ้มให้ตฤณรดาอย่างเป็นต่อและขยับเดินเมื่อแถวเคลื่อน เมฆินทร์ไม่ทันขยับตามแต่กระซิบบอกหญิงสาวถึงความจริงก่อนจะเดินตามไป“ก็คำพูดของไอ้วินทร์กับไอ้มีนน่ะทำให้สิงโตเลือกที่จะอยู่ห่างจากคุณต้องเพื่อปกป้องไม่ให้คุณต้องโดนสองคนนั้นทำร้ายแต่ยิ่งห่างอันตรายยิ่งเข้าใกล้ มันเลยว่าไม่น่าเลย”
ตฤณรดายังคงมีคำถามแต่ก็ต้องพับเก็บไว้เมื่อขบวนขันหมากเริ่มต้นเคลื่อนตัวจนจำเป็นต้องเคลื่อนตามไปด้วย ‘ไว้ถึงบ้านเจ้าสาวค่อยถามต่อล่ะกัน’
บ้านเจ้าสาว
“ไม่ถามเหรอว่าทำไมฉันถึงเลิกคบกับนังฝ้าย” อรณุกาเอ่ยถามขึ้นในขณะที่ตฤณรดาล้างมืออยู่ในห้องน้ำของบ้านเจ้าสาว หลังจากมาถึงบ้านเจ้าสาวตฤณรดาก็รู้สึกอยากเข้าห้องน้ำอรณุกาจึงถูกผู้เป็นแม่สั่งให้พามา เมื่อได้โอกาสอยู่ด้วยกันสองคนอรณุกาจึงเริ่มถามทันที
“ก็สงสัยนะ แต่เราไม่ได้อยากรู้อยากเห็นเรื่องคนอื่น” ตฤณรดาเอ่ยบอกก่อนที่จะหันมาเผชิญหน้ากับคนที่เธอเคยหมั่นไส้และน่าจะหมั่นไส้เธอเช่นกัน “ถ้าเราถามว่าทำไม จะตอบเราไหมล่ะ”
“ก็ไม่อยากตอบ แต่ต้องตอบเพราะมันเกี่ยวกับเธอ นังฝ้ายมันว่าฉันเป็นคนขี้โกหกก็เพราะรูปที่เธอโพสต์คู่พี่สิงโต ประจวบเหมาะกับแฟนมันมาใกล้ฉัน มันเลยคิดว่านอกจากฉันขี้โกหกแล้วยังคิดจะแย่งแฟนมัน ฉันกับมันเลยขาดกัน” อรณุกาเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงฉุนเฉียวโกรธเคืองเมื่อนึกถึงสุพรรณิการ์ “ฉันไม่คิดว่ามันจะเป็นคนแบบนั้น ฉันไม่น่าคบมันมานานขนาดนี้เลย”
คำว่า “มัน”ของอรณุกาบ่งบอกได้ดีว่ามีความเกลียดชังโกรธแค้นถึงผู้ถูกกล่าวถึงอยู่มาก อรณุกาไม่ได้เสียใจฟูมฟายเหมือนเธอแต่ตฤณรดาสัมผัสได้ว่าการตัดขาดครั้งนี้ทำให้อรณุกาสะเทือนใจมาก
“และที่ฉันเกลียดมันที่สุดก็คือฉันเพิ่งรู้ว่ามันมีเสี่ยเลี้ยง แถมเสี่ยนั่นไม่ใช่ใครแต่เป็นอาเขยฉัน มันก็รู้ว่านั้นผัวอาฉันแต่มันยัง...” อีกเรื่องที่อรณุกาพูดออกมาทำให้ตฤณรดาไม่เชื่อหูตัวเอง
“นอกจากเคยยั่วพี่แบงก์ คบซ้อนเพื่อนแฟนแล้วยังเป็นเมียน้อยอีกเหรอ” ราชนิกูลสาวอุทานอย่างตกใจ ไม่คิดไม่ฝันว่าสุพรรณิการ์จะเป็นได้ขนาดนี้
“ยังไม่พอ ที่มันคบเธอน่ะก็เพราะอยากมีหน้ามีตาในสังคม จะได้ปูทางเข้าวงการบันเทิงได้ นังฝ้ายมันไม่ได้ดีอย่างที่เห็น ๆ กันสักนิด” อรณุกาพูดก่อนที่จะถอนหายใจพรืด “ช่างเถอะ เลิกคบไปแล้วก็ไม่ต้องไปสนอีก ถือว่าฉันหรือแม้แต่เธอหลุดพ้นก็แล้วกัน”
“หลุดพ้น ฮะ ถึงขนาดใช้คำนี้เชียว” ราชนิกูลสาวพูดติดตลกก่อนที่จะพยักหน้าน้อย ๆ “แต่มันก็จริงอะนะ”
“ฮึฮึ” จากที่คุยกันเรื่องโกรธแค้นกลับกลายเป็นเสียงหัวเราะเบา ๆ ของคนทั้งคู่ในเวลาต่อมา เมื่อความเห็นตรงกันในเรื่องที่ว่ากับสุพรรณิการ์นั้นใช้คำว่าหลุดพ้นออกมาน่าจะดีที่สุด
คนสองคนไม่รู้เลยว่ากำลังหัวเราะด้วยกันอย่างลืมตัวทั้งที่ก่อนนี้ไม่เคยได้หัวเราะหรือพูดคุยกันมากมายนักแต่พอรู้ตัวก็ต้องยกมือลูบท้ายทอยอย่างเก้อเขิน ระหว่างเธอสองคนไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อนเลย
“จะว่าไปฉันกับเธอก็ไม่เคยได้หัวเราะกันเลยนะ” อรณุกาเอ่ยขึ้น “ขอโทษล่ะกันตอนนั้นฉันรู้สึกว่าเธอจะมาแย่งฝ้ายไปฉันเลยไม่ถูกชะตา เพราะตอนนั้นนอกจากกลุ่มของฝ้ายก็ไม่มีใครอยากคบหาฉัน มีแต่คนมองว่าฉันมัน11ร.ด. ชอบคบไปเรื่อย ง่าย ฟาดเรียบ พอฝ้ายไปคบคนที่ดูเรียบร้อยฉันก็เลยไม่ถูกชะตา”
“เราก็เหมือนกัน เธอชอบพูดถึงเรื่องพี่สิงห์ฉันก็เลยไม่ถูกชะตาเธอเท่าไหร่ ขอโทษเหมือนกัน” ตฤณรดาเอ่ยบอก ราชนิกูลสาวพูดแต่สิ่งที่ควรพูดเธอไม่ได้พูดให้อรณุการู้ว่าสุพรรณิการ์นั่นล่ะที่ปล่อยข่าวว่าอรณุกาใจแตกและใจง่ายในมหาวิทยาลัย
“ได้ไง เราสิควรขอโทษที่เอาพี่สิงโตมามโน ตอนที่เห็นรูปเธอกับพี่สิงโตน่ะนะคุณต้อง เราก็รู้สึกเลยว่าหน้าแตกเอาสามีเขามามโนให้เขาฟัง” อรณุกาเล่า “เราขอโทษนะ”
“ไม่เป็นไร ถือว่าหายกันดีกว่า” ราชนิกูลสาวเอ่ยบอกยิ้ม ๆ ก่อนที่จะตัดสินใจพูดในสิ่งที่อยากพูด “เราเป็นแบบนี้นาน ๆ ได้ไหม แบบที่คุยกันแล้วหัวเราะมากกว่ากัดกันน่ะ เป็นเพื่อนกันนะ”
“คุณต้องจะคบกับคนที่เปลี่ยนผู้ชายแทบทุกวัน ใจง่าย 11 ร.ด.อย่างเราได้เหรอ” อรณุกาถามไปตามความเป็นจริง ที่ผ่านมาเพราะภาพลักษณ์แบบนั้นทำให้หลายคนไม่อยากเสวนากับเธอมีเพียงแค่กลุ่มของสุพรรณิการ์เท่านั้นที่มองผ่าน เธอไม่มั่นใจเลยว่าราชนิกูลสาวผู้เกิดในราชสกุลเพียบพร้อมแบบนี้จะมาคบหาเธอได้
“บางทีสิ่งที่เห็นอาจไม่ใช่สิ่งที่เป็น สิ่งที่ได้ยินอาจไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้อง” ราชนิกูลสาวเอ่ยบอกก่อนที่จะยิ้มอย่างเป็นมิตร “การกระทำจะบอกเองว่าเธอเป็นแบบนั้นหรือไม่ และการกระทำจะบอกเองว่าเราจะคบเป็นเพื่อนกันได้นานหรือไม่ แต่ตอนนี้คบกันก่อน”
“นั่นสินะ ตกลง ต่อไปเราเป็นเพื่อนกัน” อรณุกาเอ่ยก่อนที่ทั้งสองจะยิ้มให้กันอย่างเป็นมิตรและออกจากห้องน้ำไปร่วมเป็นสักขีพยานในงานแต่งงาน มิตรภาพกำลังเกิดขึ้นอรณุกาได้แต่บอกตัวเองว่าจะพยายามรักษามิตรภาพครั้งนี้ไว้ให้ดีที่สุด เธอเชื่อว่าตฤณรดาไม่เหมือนสุพรรณิการ์ ตฤณรดามีทุกอย่างเพียบพร้อมแต่ก็ไม่เคยถือตัว ตฤณรดาไม่มีทางมีอะไรแอบแฝงในการคบหากับเธอ เธอจะไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายเพื่อนดี ๆ ที่หลุดเข้ามาในชีวิตเธอคนนี้แน่นอน
