บทที่18 แสบเล็ก แสบใหญ่
เช้าวันอาทิตย์เป็นวันหยุดของใครหลายคนสิรดนัยก็เช่นกันตัวเขานั้นหยุดทำงานทุกวันอาทิตย์แต่สองสามอาทิตย์ที่ผ่านมาเขากลับไม่ได้อยู่บ้านเพราะต้องพาคนนอนข้าง ๆ ไปที่นั้นบ้างที่นี่บ้างทั้งวังสิราราช ทั้งวังติวกุล อีกทั้งบางอาทิตย์คนเป็นนักกีฬาอย่างตฤณรดาก็ต้องไปซ้อม ตฤณรดาไม่เคยทิ้งกีฬาเทควันโดและศิลปะการต่อสู้อื่น ๆ แต่ในตอนนี้เธอเป็นนักกีฬาว่ายน้ำหญิงของมหาวิทยาลัยที่เป็นที่จับตามอง นอกจากเข้ายิมซ้อมศิลปะการต่อสู้แล้วเธอยังต้องไปซ้อมว่ายน้ำที่มหาวิทยาลัยด้วย แต่เช้าวันนี้เธอหยุด เขาก็หยุด เขาและเธอจึงได้อยู่บ้านสักที
“มาม่ะเลโอนี่ มาอาบน้ำกัน” เสียงหวานแว่วมาทำให้ชายหนุ่มที่นั่งอ่านหนังสือพิมพ์ธุรกิจอยู่ต้องหันไปมองและก็ได้เห็นตฤณรดากำลังวิ่งไล่จับเจ้าชิสุแสนรู้ลูกรักของเขาอยู่ เลโอนี่และลูกรักตัวอื่น ๆ จะอาบน้ำทุกวันอาทิตย์ถ้าวันไหนเขาไม่ว่างจะเป็นตะวันลูกชายของแม่แต้วเป็นคนอาบให้แต่ถ้าวันไหนเขาว่างก็จะอาบให้เองแต่วันนี้เหมือนจะมีคนตัดหน้าเขาเข้าให้แล้ว
“มาม่ะ มาม่ะ มาอาบน้ำกัน” ตฤณรดายังคงเอ่ยและวิ่งดักหน้าเลโอนี่ด้วยใบหน้าเจ้าเล่ห์ เลโอนี่เหมือนจะเดาความคิดภรรยาของพ่อสุดที่รักได้ว่าคงคิดเล่นพิเรนทร์กับตนแน่จึงได้แต่วิ่งหนีไม่ยอมให้จับได้ ร่างของเจ้าหมาขี้อิจฉาวิ่งอย่างไวว่องมาหอมแฮ่ก ๆ อยู่ที่เท้าของพ่อสิงโตของมันทันที
“ฮ่อง ฮ่อง”
“จะบอกว่าถ้ากล้าก็เข้ามาเหรอ ชิ คิดว่าเราไม่กล้าเหรอยะ” คนไล่จับหมายกมือเท้าสะเอวถาม พร้อมกับทำใบหน้าน่ากลัวกระดิกนิ้วเรียก “มานี่นะเลโอนี่ ถ้าไม่มารับรองว่าจับได้เมื่อไหร่เราจะตัดขนตัวให้เกรี้ยงไม่เหลือเลย”
“ว่าไง จะมาดี ๆ หรือมาด้วยน้ำตา” หญิงสาวขู่ในขณะที่เลโอนี่นั้นยกขาหน้าด้านขวาขึ้นเขี่ย ๆ ขาสิรดนัยด้วยสายตาวิงวอน “ไม่ต้องไปอ้อนพ่อตัวเลยย่ะ ยังไงวันนี้ตัวก็ต้องไปอาบน้ำโดยที่เราจะเป็นคนอาบให้เอง มีบริการเสริมทำสีขนให้ด้วยนะ”
“ฮ่อง ฮ่อง แฮ” เจ้าหมาน้อยขู่ฟ่อราวกับแม่จงอางเมื่อพูดถึงบริการทำสีขนที่หญิงสาวจัดมาบริการพิเศษให้แกตนแค่ตัวเดียว
“จุ๊ ๆ อย่าขู่ใส่คุณต้องนะเลโอนี่ ห้ามกัดด้วย” สิรดนัยส่งเสียงปรามทำเอาเจ้าลูกรักง่อยลงราวกับรู้ความ ตฤณรดาอาศัยจังหวะนั้นเข้าไปอุ้มเจ้าตัวเล็กขึ้นมาไม่ให้ดิ้นออกได้
“หึหึหึ ไปอาบน้ำกันเลโอนี่ เอ๊ะ ๆ พ่อตัวบอกห้ามกัดเราเข้าใจไหม อย่ากัดเชียวนะ” หญิงสาวเอ่ยบอกเจ้าตัวเล็กก่อนที่จะอุ้มออกไป สิรดนัยมองตามแล้วก็ต้องถอนหายใจพรืด คงต้องแล้วแต่บุญแต่กรรมของลูกรักแล้วล่ะให้ตัวแสบได้แกล้งเจ้าตัวเล็กดีกว่าตัวแสบนึกมาแกล้งเขาก็แล้วกัน
“ฮ่อง ฮ่อง” เสียงเห่าท้วงของเลโอนี่ดังมาเป็นระยะสิรดนัยเดินเข้าไปดูที่สวนหลังบ้านก่อนที่จะมองภาพนั้นอยู่นาน ความสุขของตฤณรดาคือการได้กลั่นแกล้งจริง ๆ เพราะตอนนี้ที่เธอได้แกล้งลูกรักของเขาใบหน้านั้นยิ้มแย้มทั้งปากและตา ยิ้มระรื่นสดใสจนเขาอยากจะมองและเก็บรูปนี้ไว้ในความทรงจำไปนาน ๆ
“ตะวัน ไปเอากล้องที่ห้องศิลป์ให้หน่อย” ชายหนุ่มเอ่ยบอกตะวันที่เดินผ่านมาพอดีก่อนที่เด็กหนุ่มวัย17ปีจะวิ่งไปยังห้องศิลป์ ซึ่งเป็นเรือนหลังเล็กขนาดสี่คูณสี่เมตรหลังคาไม้ทรงศาลาแปดเหลี่ยมอยู่ใกล้ ๆ สวนด้านหลัง เขาใช้ที่นั่นในช่วงวันหยุดขลุกอยู่กับงานศิลปะเพื่อผ่อนคลายความเครียดจากงาน หลายครั้งเขามักจะถ่ายรูปสวนหรือตัวบ้านแล้วนำไปเป็นแบบวาดรูปอยู่บ่อยครั้งในห้องศิลป์จึงมีกล้องถ่ายรูปอยู่
รอไม่นานตะวันก็กลับมาพร้อมกับกล้องถ่ายรูป เด็กหนุ่มยื่นของให้เจ้านายหนุ่มแล้วออกไปอย่างรู้งาน สิรดนัยยกกล้องขึ้นถ่ายรูปของตฤณรดาและเลโอนี่ไว้นับสิบรูปแต่ละรูปมีแต่รูปที่หญิงสาวกำลังยิ้ม เมื่อได้รูปที่พอใจแล้วก็เดินออกไปปล่อยให้หนึ่งคนกับหนึ่งตัวสนุกกันไปส่วนตัวเขาขอตัวเข้าไปวาดบางอย่างในห้องศิลป์สักพักก็แล้วกัน
2ชั่วโมงต่อมา
“ฮ่อง ฮ่อง ฮ่อง ฮ่อง ฮ่อง” เสียงเห่าไม่ยอมหยุดของเลโอนี่รวมกับพลพรรคทำให้สิรดนัยขมวดคิ้วก่อนจะลุกขึ้นเดินออกจากห้องศิลป์เพื่อไปยังต้นเสียงก่อนที่จะต้องเบิกตากว้าง
สายตาคมกริบจดจ้องอยู่ที่ร่างเล็กของชิสุตัวโปรดด้วยอาการใบ้กินพูดไม่ออก เลโอนี่ของเขาเดิมนั้นสีขาวแซมน้ำตาลปนดำแต่ ณ ตอนนี้ เลโอนี่ของเขามีสีที่มากกว่ารุ้งกินน้ำเสียอีก ให้ตายเถอะ เขาคิดว่าตฤณรดาแค่พูดเล่นไม่คิดว่าจะบริการทำสีขนให้เจ้าตัวน้อยจนมีสภาพประหลาดขนาดที่ว่าเพื่อน ๆ พากันลืมคิดว่าเป็นผู้บุกรุกได้ขนาดนี้
“แจ่มออก” ตฤณรดาเอ่ยบอกก่อนที่จะหัวเราะออกมาอย่างชอบใจ เลโอนำทีมพลพรรคหมาตัวอื่น ๆ เห่าใส่เลโอนี่ในขณะที่เลโอนี่ก็เห่ากับราวกับกำลังอธิบายโต้เถียงกันอยู่มันเป็นภาพที่น่ารักสำหรับเธอจริง ๆ
“ไม่แจ่มเลยสักนิด” สิรดนัยสวนกลับหลังจากนิ่งมานาน เขาสงสารลูกรักเหลือเกินที่โดนแสบใหญ่กลั่นแกล้งเอาแบบนี้ ชายหนุ่มเดินไปลูบหัวปลอบเลโอนี่ก่อนที่จะอธิบายให้ลูก ๆ ตัวอื่นเข้าใจว่าเจ้าหลายสีนี่คือเลโอนี่ “เด็กดี นี่เลโอนี่ไง ตัวขี้อิจฉาไง จำได้ไหม”
ราวกับรู้ภาษาเลโอขยับเข้ามาดม ๆ เลโอนี่ตามด้วยเลอ้อน และลีโอ และตัวอื่น ๆ เมื่อดมแล้วกลิ่นคุ้นเคยจึงได้ร้องเงง ๆ คุยกัน สิรดนัยมองก่อนจะถอนหายใจอย่างปรอดโปร่ง “ระวังเถอะแสบใหญ่ เผลอล่ะก็แสบเล็กเอาคืนแน่ ๆ”
“กลัวที่ไหน มาดิแต่บอกเลยไม่เผลอหรอก โฮะ โฮะ โฮะ หัวเราะอย่างนางมารร้าย” ตฤณรดาเอ่ยบอกและหัวเราะอย่างชอบใจออกไปจากตรงนั้นโดยมีเลโอนี่เห่าไล่หลังราวกับคาดโทษ
สิรดนัยไม่รู้จะทำอย่างไรจึงได้แต่ยืนมอง เขาจะตำหนิคนตัวเล็กเพราะเรื่องนี้ก็ไม่ได้ด้วยสิ “หมาน้อยตัวแสบ อย่าเผลอล่ะเดี๋ยวเลโอนี่เอาคืนแล้วจะรู้สึก”
2ชั่วโมงต่อมา
“เล-โอ-นี่!” เสียงหวานตะโกนลั่นทำเอาเจ้าตัวขนหลากสีรีบซุกตัวซ่อนอยู่ด้านหลังเขาราวกับเด็กน้อยเพิ่งไปทำความผิดอะไรไว้จนสิรดนัยต้องขมวดคิ้วเป็นปมแล้วก็ต้องหลุดขำออกมาในรอบหลายปีเมื่อเห็นใบหน้าและสภาพของตฤณรดา
“ฮะฮะฮะ นี่ นี่ไปทำอะไรมาเนี่ยคุณต้อง” เขาถามแล้วก็หัวเราะออกมาไม่หยุดแก้มทั้งสองข้างเลอะสีน้ำสีดำเป็นรูปอุ้งเท้าหมาทั้ง5นิ้วสองรอยเล็ก-ใหญ่ทั้งแก้มซ้ายและแก้มขวา เดาได้ว่ารอยเท้าใหญ่ไม่พ้นเลโอนี่ส่วนรอยเล็ก ๆ นั้นไม่เลลาก็คงจะเป็นไลลา สายตาคมก้มลงมองที่อกเสื้อก็มีรอยเท้าที่ใหญ่กว่าของเลโอนี่คงไม่พ้นโกลเด้นรีทรีฟเวอร์พี่ใหญ่อย่างเลอ้อนถัดมาที่หน้าท้องก็เต็มไปด้วยรอยเท้าใหญ่บ้างเล็กบ้างเต็มคงจะเป็นของทุกตัวเลยล่ะ “โดนเอาคืนเข้าแล้วคุณต้อง ฮะฮะฮ่า”
“อย่ามาหัวเราะคุณต้องนะ” คนโดนเอาคืนร้องสั่งอย่างแสนงอน หน็อย น่าเจ็บใจนักเธอโดนเลโอนี่เอาคืน หนำซ้ำตัวอื่น ๆ ยังมาช่วยกันอีก ใครจะคิดว่านึกอยากระบายสีน้ำเล่นแล้วเผลอหลับหมาจะคิดเอาคืนกันได้ขนาดนี้
“หยุดไม่ได้ล่ะ แต่แบบนี้น่ารักนะ ถ่ายเก็บไว้ดีกว่า” สิรดนัยเอ่ยบอกแล้วหยิบกล้องถ่ายรูปขึ้นมาจะถ่ายเก็บไว้ โชคดีที่ก่อนหน้านี้เขากำลังถ่ายรูปอยู่กล้องจึงยังอยู่ใกล้มือ “มา มาให้ถ่ายไว้หน่อยเร็ว”
“ไม่ถ่าย อย่าถ่ายนะ” หญิงสาวยกมือขึ้นปิดรอยเท้าบนแก้วแต่ที่แขนทั้งสองข้างก็เต็มไปด้วยรอยเท้าของเจ้าสี่ขาแต่เหมือนคนโดนกระทำจะยังไม่รู้ตัว สิรดนัยถ่ายไว้ก่อนที่จะเดินเข้าไปสะกิดให้คนตัวเล็กดู เด็กสาวมีสีหน้าตกใจเมื่อเห็นรอยที่แขนจนเผลอเลื่อนลงจากแก้มจนสิรดนัยกดถ่ายสิ่งที่ต้องการไว้ได้
“ถ่ายได้แล้ว ฮะฮะฮ่ะ ใครเอ่ยแก้มมีรอยอุ้งเท้าด้วย” เขาเอ่ยพร้อมหัวขำขันหญิงสาวรีบขยับเข้าดูก่อนที่จะฟาดมือลงที่แขนคนอายุมากกว่า
“ลบเลยนะ น่าเกลียดอะ ลบเลยนะ” หญิงสาวบอกก่อนที่จะไปยื้อแย่งกล้องมากดลบ สิรดนัยยกกล้องขึ้นสุดแขนจนคนตัวเล็กได้แต่กระโดดคว้า แต่จนแล้วจนรอดก็คว้าไม่ถึง
“มาเอาดิ”
“อย่าท้านะพี่สิงโต” คนตัวเล็กบอกก่อนที่จะกระโดดอีกทีแต่ครั้งนี้เธอกับตั้งหลักไม่ได้จนร่างเซจะล้ม ร่างสูงรีบคว้าไว้เมื่อตระหนักได้ว่าทั้งเขาและเธอนั้นยืนอยู่ริมระเบียงและบ้านหลังนี้เป็นเรือนไทยยกสูง ร่างสูงรวบร่างเล็กเข้ามาในอ้อมกอดก่อนที่จะก้มมองด้วยความเป็นห่วง
“เกือบไปแล้วไหมล่ะ” เขาบอกก่อนจะมองใบหน้าของหญิงสาวนิ่ง สายตาของคนสองคนสบประสานกันด้วยความรู้สึกที่ยากจะอธิบายก่อนที่เขาจะโน้นไปหน้าลงมาจุมพิตริมฝีปากสีสวยอันนุ่มนิ่ม จุมพิตของสิรดนัยไม่ใช่จุมพิตที่ลึกซึ้งถึงขั้นสอดแทรกลิ้นเข้าไปรุกล้ำภายในโพรงปากหวานหากแต่เป็นการสัมผัสกันของริมฝีปากและเขาขบเม้นกลีบปากนุ่มนั้นราวกับแทะเล็มละเลียดกินของอร่อย สัมผัสนั้นให้ความรู้สุดนุ่นนวลอุ่นซ่านหัวใจหาใช่สัมผัสที่ร้อนแรง
ชายหนุ่มเอาแต่ใจตัวเองอยู่สักพักจึงยอมผละออกอย่างอ้อยอิ่งหญิงสาวใบหน้าเห่อร้อนจนอยากจะหนีออกจากตรงนั้นแต่ชายหนุ่มกลับไม่ยอมปล่อยซ้ำยังพาร่างบางมายังโซผา เขานั่งลงบนโซฟาตัวนั้นในขณะที่เธอนั้นอยู่บนตักแขนสองข้างยังคงกอดรัดร่างเธอไว้ไม่ปล่อย
“ปล่อยนะ” หญิงสาวบอกอย่างเขินอายแต่สิรดนัยกลับไม่ได้ปล่อยหญิงสาวแต่อย่างใด
“ไม่ปล่อย เราจะอยู่แบบนี้ก่อน ถ้าปล่อยให้หนีไปก็ไม่ชินสักทีสิ ครั้งต่อ ๆ ไปก็หนีอีก” สิรดนัยเอ่ยบอกอย่างมีเหตุมีผล “เราควรสร้างความคุ้นเคยกันนะคุณต้อง มาดูรูปกันดีกว่า”
“ลบนะไม่เห็นสวยเลย มาถ่ายตอนคนกำลังทำหน้าน่าเกลียดได้ยังไง” เมื่อเขาอุตส่าห์เปลี่ยนเรื่องให้เธอหายเขินเธอก็รีบโวยวายทันที ดูแต่ละรูปสิ ดูไม่ได้สักนิด
“คนไม่สวยถ่ายยังไงก็ไม่สวยมั้ง” เขาแกล้งว่า
คนถูกว่าไม่สวยทำงอนแก้มป่องบ่นให้ “ใครบอกไม่สวย สวยกว่านี้ก็นางงามแล้ว ตาไม่ถึง”
“งั้นก็...นั่งให้ถ่ายดี ๆ ดูสิจะสวยไหม” ชายหนุ่มบอกก่อนที่จะเปลี่ยนจากกล้องถ่ายรูปมาเป็นกล้องมือถือเลือกกล้องหน้าธรรมดารอไว้ “เอาหน้าตรงนะ ห้ามเอียง”
“พร้อม” หญิงสาวบอกก่อนที่จะยิ้มให้กล้องซึ่งสิรดนัยตั้งเวลานับถอยหลังในการถ่ายไว้10วินาที ในวินาทีที่10ลดลงมา9 8 7 จนมาถึง2 หญิงสาวยังคงมีใบหน้ายิ้มแย้มแต่พอถึงเวลาถ่ายจริง ๆ กับต้องมีสีหน้าตกใจเมื่อสิรดนัยยื่นใบหน้าเข้ามาหอมแก้ม
“ก็ไม่เห็นสวยเลย ไหนถ่ายใหม่สิ”
“ฉวยโอกาส” เธอว่าให้ก่อนจะแย่งสมาร์ทโฟนของคนฉวยโอกาสมาแล้วเลือกมุมที่เธอคิดว่าดีที่สุดก่อนที่จะกดถ่าย เป็นภาพคู่ของเธอกับสิรดนัยที่มีใบหน้ายิ้มแย้ม ใบหน้าแบบนี้สิที่เธออยากเห็นมาตลอด3ปีใบหน้ายิ้มเป็นตัวเองของเขา “ตั้งเป็นภาพหน้าจอเลยสาว ๆ จะได้ไม่มายุ่ง”
“มีใครจะกล้ามายุ่งกับพี่ฮึ ไม่ใช่พระเอกละครนะจะได้มีแต่สาว ๆ มาสนใจ” สิรดนัยบอกขำ ๆ ชายหนุ่มหลงลืมไปเลยว่าตอนนี้ตัวเองนั้นหลุดออกมาจากมาดนิ่ง ๆ เสียแล้ว
“ยัยน้องสาวนายวราเมธนั่นไง ได้ข่าวว่ามาจอแจอยู่นิ ไม่รู้ล่ะยังไงก็จะตั้งรูปนี้เป็นรูปหน้าจอ ของคุณต้อง คุณต้องหวงต้องประกาศความเป็นเจ้าของ” หญิงสาวเอ่ยบอกก่อนจะทำการตั้งรูปคู่นั้นเป็นภาพหน้าจอมือถือ ถ้าเมยาวีน้องสาวของวราเมธมาเห็นเข้าคงจะอกแตกตายแน่ ๆ
“เอาปลอกคอมาสวมแล้วล่ามโซ่เลยไหม” เขาถามอย่างทีเล่นที่จริงในใจนั้นปลาบปลื้มไม่น้อยที่หญิงสาวหวงและรู้ข่าวคราวที่เมยาวีมาตามวุ่นวายกับเขาอยู่ “แต่พี่ว่าเอารูปเมื่อกี้ดีกว่านะ เป็นธรรมชาติมาก”
“ไม่เอา รูปนั้นไม่สวย”
“ก็ไม่น่าจะมีรูปไหนสวยนะ” ยังคงแกล้งว่าให้ในขณะที่หญิงสาวหันมามองค้อนใส่
“เป็นเพื่อนเล่นเหรอ” เธอถามด้วยเสียงคล้ายนักเลง
“เปล่า” เขาตอบก่อนที่จะขยับใบหน้าเข้ามาใกล้ ๆ “เป็นเมียต่างหาก”
“บ้า” เจอชายหนุ่มเล่นมุกนี้เข้าไปหญิงสาวถึงกับเขินจนหน้าร้อนไปหมด คนบ้าอะไรทำไมบทจะมาทำให้เธอเขินก็ทำเอาเขินใจเต้นไปหมดแบบนี้
“ไม่ได้บ้านะ พี่พูดความจริง แหวนก็มี ทะเบียนสมรสก็มี เอ๊ะ หรือความจำเสื่อม” เขาบอกพร้อมถามก่อนที่จะยื่นหน้าเข้ามาใกล้กว่าเดิม “งั้นต้องจูบฟื้นความจำ”
“จะฉวยโอกาสอีกแล้วเจ้าเล่ห์มาก พูดเองเออเองอีกต่างหาก” คนจะถูกจูบฟื้นความทรงจำบอกก่อนที่จะค้อนให้จากทีแรกคิดจะลุกหนีกลายหญิงสาวกลับเปลี่ยนใจแล้วทำอะไรบางอย่างกับสมาร์ทโฟนของชายหนุ่ม สิรดนัยเห็นคนตัวเล็กไม่หันมาสนใจตนอีกจึงยื่นหน้าไปเกยไหล่มองดูว่าคนตัวเล็กกำลังทำอะไร
“ทำอะไรอะ?”
“โหลดแอปมาเล่น” หญิงสาวตอบก่อนที่จะโชว์สมาร์ทโฟนให้ชายหนุ่มดู แอพพลิเคชั่นที่หญิงสาวโหลดมานั้นเป็นแอพพลิเคชั่นถ่ายวิดิโอที่มีเอฟเฟคสร้างความสนุกให้วิดิโอมากมาย “แอปถ่ายวิดิโอที่มีเอฟเฟคเยอะมาก นี่วิดีโอของคุณต้องที่เคยลงไว้”
“ขี้อวดจริงเราเนี่ย” เขาว่าให้ก่อนที่จะมองวิดิโอสั้นบนหน้าจอซึ่งมีเพลงประกอบน่ารัก ๆ พร้อมกับเอฟเฟคที่เพิ่มความน่ารักให้คนน่ารักเข้าไปอีกจนทำให้มียอดคนกดถูกใจและกดติดตามมีจำนวนหลายแสนคน
“ไม่สวยไม่มีคนติดตามนะบอกให้” ความหลงตัวเองเข้าครอบงำทำให้หญิงสาวยักไหล่อย่างมั่นใจ “อัพโหลดคลิปแป๊บเดียวคนเข้าชมเป็นแสนนะบอกให้”
“อืม...มีแต่หนุ่ม ๆ ทั้งนั้นเลย สาวๆ น้อยมาก ชักหวงนะเนี่ย” ชายหนุ่มบอกออกไปตรง ๆ แล้วก็มีสีหน้าครุ่นคิด “แบบนี้ต้องประกาศให้รู้ว่าหมาน้อยมีเจ้าของแล้ว”
“ตลอด เอาคุณต้องไปรวมกับพวกยัยเลโอนี่ตลอด นี่ยังไม่ได้ชำระความพวกนางเลย” คนถูกเรียกหมาน้อยเอ่ยอย่างแสนงอนแล้วก็มีน้ำเสียงแสดงความเจ็บใจเมื่อนึกถึงเจ้าตัวเล็กทั้งหลายของเขา
“แสบเล็กกับแสบใหญ่เลิกแกล้งกันได้แล้ว ไหนบอกสิมันถ่ายยังไง” เขาบอกแล้วหันเหความสนใจของหญิงสาวไปที่แอพพลิเคชั่นในสมาร์ทโฟน
“เอาจริงดิ?” เธอถามอย่างไม่แน่ใจ ไม่คิดว่าเขาจะกล้าประกาศให้ใครต่อใครรู้เลยสักนิดเพราะแต่ไหนแต่ไรมานอกจากคนรู้จักที่ไปร่วมงานแต่งงานก็ไม่มีใครรู้ว่าเธอเป็นภรรยาของสิรดนัย สัตยบดินทร์ เพราะเขาไม่แนะนำเธอให้เป็นที่รู้จัก ขนาดคุณกานดาเลขาที่บริษัทของเธอเองยังคิดว่าเธอเป็นน้องสาวเขาเลย
“ไม่อยากให้ใครรู้ว่าพี่เป็นสามี?” เขาถามน้ำเสียงนั้นดูไม่สนุกขึ้นมาเสียอย่างนั้น
“เปล่า พี่สิงห์ต่างหากล่ะไม่อยากให้ใครรู้ว่าคุณต้องเป็นภรรยาน่ะ”
“ไม่ใช่ไม่อยากให้ใครรู้แต่ไม่มีใครถาม จะบอกทำไมฮึ เขาได้มองว่าขี้อวดซิ” สิรดนัยตอบกลับ “จะให้พี่บอกว่าภรรยาผมชื่อหม่อมหลวงตฤณรดาครับ อย่างนั้นเหรอ แบบนั้นเขาได้หมั่นไส้เอาสิ เมียพี่เป็นถึงราชนิกูลที่เข้าขั้นมหาเศรษฐีเชียวนะอิจฉาและหมั่นไส้พี่กันหมดเลยแบบนั้น”
“อย่างกันที่เป็นผู้บริหารหนุ่มหล่อเพอร์เฟคไปทุกอย่างแบบนี้ไม่มีคนหมั่นไส้งั้นล่ะ” หญิงสาวเอ่ยบอกก่อนที่จะชูสมาร์ทโฟนขึ้น “มาถ่ายกัน”
“ให้พี่ทำอะไรล่ะ?”
“ก็นั่งนิ่ง ๆ ยิ้มเยอะ ๆ แค่นี้ก็พอแล้ว” ตฤณรดาเอ่ยบอกก่อนที่จะเริ่มกดถ่ายวิดิโอ เพลงที่ใช้นั้นเป็นเพลงจังหวะสนุกสนานมีเนื้อหาเกี่ยวกับความรักหญิงสาวโยนตัวไปมาพร้อมกับทำท่าลิปซิง ในท้ายเพลงหญิงสาวทิ้งตัวลงบนอกแข็งแรงแล้วก็ถือโอกาสทำในสิ่งที่ทำให้สิรดนัยทำสีหน้าตื่นตะลึงบ้างด้วยการหอมแก้มอีกฝ่าย เธอเชื่อเลยว่าไม่เคยมีใครเห็นหน้าแบบนี้ของสิรดนัยแน่นอน เธอมั่นใจ
