บทที่17 ปรึกษาหารือ
เวลาต่อมา
ตฤณรดาลอบถอนหายใจอย่างยากลำบากกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นตอนนี้ ทำไมเธอถึงได้มานอนหันหน้าจ้องตากันกับสิรดนัยโดยมีเลโอนี่และผองเพื่อนนอนขั้นกลางอยู่แบบนี้ได้ล่ะนะ
“น้องโซ่บอกอะไรเราบ้างคุณต้อง” สิรดนัยเปิดประเด็นหลังจากที่นอนจ้องตาคนตัวเล็กกว่าอยู่นาน แค่อยากมองนาน ๆ เขาผิดหรือไม่
“ก็...” คนโดนถามลากเสียงยาวอย่างตัดสินใจก่อนที่จะส่ายหน้า “ไม่บอกดีกว่า”
“ทำไมถึงไม่บอกพี่”
“แล้วทำไมคุณต้องต้องบอกล่ะ ขอเหตุผล” ในความเป็นจริงแล้วเธอไม่ได้คิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องไม่ควรบอกชายหนุ่มหรอกนะแต่ขอเล่นตัวบ้างอะไรบ้าง บอกง่ายไปก็หมดเรื่องคุยง่ายน่ะสิ ขอยอมรับโดยดีเธออยากคุยกับเขา
“พี่เป็นพี่ชายน้องโซ่ เหตุผลแค่นี้พอไหม”
“ไม่พอค่ะ ถึงเป็นพี่ชายก็ควรเคารพสิทธิส่วนบุคคลของน้องไม่ถามในเรื่องที่น้องไม่อยากบอก” หญิงสาวพูดอย่างมีเหตุผล ข้อนี้จริงเพียงครึ่งเดียวเท่านั้นคือควรจะเคารพสิทธิส่วนบุคคลกันแต่บางอย่างเราก็ไม่ควรละเลย เช่นเรื่องของพี่น้อง
“แต่พี่ถามคุณต้อง ไม่ได้ถามน้องโซ่” เขาบอกด้วยสีหน้าใจเย็น
“ขอใช้คำถามเดิม แล้วทำไมคุณต้องต้องบอก?” ตฤณรดาถามกลับด้วยความใจเย็นกว่า
“พี่เป็นสามีคุณต้อง สามีภรรยากันปรึกษากันได้ทุกอย่าง” สิรดนัยปล่อยหมัดเด็ดท่าไม้ตายที่ตฤณรดาถึงกับไปไม่เป็น “เอาเป็นว่าเราคุยกันแบบสามีภรรยาปรึกษาหารือกันแล้วกันนะครับ พี่เป็นพี่ชาย พี่ห่วงน้องสาว คุณต้องเป็นเพื่อน คุณต้องห่วงเพื่อน แต่เราเป็นสามีภรรยากันมันจะดีไหมถ้าเราเอาเรื่องนี้มาปรึกษาคุยกันแค่เรา”
“ก็ได้ คุณต้องจะเล่าให้ฟังตามที่โซ่เล่าเลย” หญิงสาวเอ่ยบอกก่อนที่จะเริ่มเล่าเรื่องราวอันเป็นสาเหตุให้พลอยวารินทร์กลับมาให้แก่ชายหนุ่มฟัง สิรดนัยตั้งใจฟังเงียบ ๆ ตามนิสัยก่อนที่จะทอดถอนหายใจ เขาเป็นพี่ชายที่ไม่ได้เรื่องเอาซะเลยนะน้องสาวเกิดเรื่องจึงไม่รู้อะไรบ้างเลย วัน ๆ เอาแต่ทำงานละเลยน้อง ๆ เกินไปใช่ไหม
“พี่ละเลยน้อง ๆ มากไปรึเปล่าถึงไม่รู้อะไรเลย”
“อย่าคิดแบบนั้นสิ ที่พี่สิงห์ไม่รู้เพราะโซ่ตั้งใจปกปิดต่างหาก อีกอย่างพี่สิงห์ต้องทำหลายอย่างถ้าจะดูแลทั่วถึงทุกคนที่เกี่ยวข้องก็เป็นยอดมนุษย์ไปแล้ว หรืออยากเป็นยอดมนุษย์?” ตฤณรดาเอ่ยด้วยเหตุผล
“ไม่รู้เหรอ ว่าสิรดนัยแปลว่าลูกชายผู้เป็นยอดน่ะ” เขาตอบอย่างทีเล่นทีจริง เขาไม่ได้อยากเป็นยอดมนุษย์เสียหน่อย เขาเพียงแค่อยากทำทุกอย่างให้ดีเท่านั้น
“อ๊า ก็ไม่ต้องยอดในทุก ๆ เรื่องก็ได้มั้ง” หญิงสาวร้องเสียงหลงบอกก่อนที่จะขยับลุกขึ้นเดินไปที่โต๊ะทำงานของชายหนุ่ม หยิบกระดาษขึ้นมาขีด ๆ เขียน ๆ ขยุกขยิกก่อนที่จะเดินกลับมาและยื่นกระดาษแผ่นนั้นให้ “ต่อไปก็เป็นยอดแค่ในเรื่องที่คุณต้องเขียนก็พอ”
ดวงตาคมกวาดสายตาอ่านสิ่งที่เขียนบนกระดาษแล้วขมวดคิ้ว “เป็นผู้บริหารที่ยอดเยี่ยม เป็นลูกหลานที่เยี่ยมยอด และเป็นสามีที่สุดยอดหาใครเปรียบไม่ได้”
“ถูกต้อง แค่นี้พอ ส่วนเรื่องอื่นเอาแค่พอดี ๆ” หญิงสาวเอ่ยบอกก่อนที่จะนอนลงเหมือนเดิม “ข้อสุดท้ายน่ะขอแนะนำ การเป็นสามีที่สุดยอดควรที่จะซื้อของที่ภรรยาอยากได้ ให้เงินใช้ไม่จำกัด พาไปกินข้าวนอกบ้านในโอกาสต่าง ๆ และอย่าดุภรรยา”
“แหม่! พูดให้ตัวเองมีแต่ได้กับได้นี่ถนัดนะเรา” เขาตำหนิอย่างไม่จริงจังก่อนที่จะนึกบางอย่างขึ้นมาได้ “เอ้อ พี่ได้การ์ดเชิญจากหม่อมเจ้าหญิงเปรมมิกา ติวกุลให้ไปร่วมงานประมูลรูปถ่ายเพื่อการกุศลที่ท่านเป็นแม่งานน่ะ จะไปกับพี่ไหม พรุ่งนี้เย็น ๆ”
“ท่านย่าเปรมเหรอไม่ไปดีกว่า หม่อมย่าเปรมไม่ค่อยชอบคุณต้องเท่าไหร่” หญิงสาวเอ่ยบอกด้วยสีหน้าขบขัน หม่อมเจ้าหญิงเปรมมิกา ติวกุลเป็นพระขนิษฐาของหม่อมเจ้าปนพพล ท่านหญิงเปรมไม่ใคร่จะถูกจริตกับนิสัยเธอสักเท่าไหร่เพราะท่านนั้นระเบียบจัด เมื่อเจอกันเธอก็มักจะแกล้งท่านให้โมโหอยู่บ่อยครั้งแต่เธอก็รักท่านนะ
“ไปแกล้งท่านไว้เยอะล่ะสิ” สิรดนัยเอ่ยอย่างรู้ทันก่อนที่จะขยับลุกขึ้นหยิบผ้าห่มมาห่มให้หญิงสาว “ไม่ไปก็ไม่เป็นไร แต่วันนี้ดึกแล้ว นอนได้แล้ว”
“โอเค” เธอบอกทั้งทำท่าโอเคแล้วหลับตาลง เธอเป็นคนหลับง่ายและหลับเป็นตายมาแต่ไหนแต่ไหรแล้วล่ะข้อนี้สิรดนัยที่ได้มีโอกาสไปส่งเธอที่วังสิราราชสมัยม.4-ม.5เวลาไปเล่นกับพลอยวารินทร์ตอนวันหยุดรู้ดีเชียวล่ะ ไม่ขยับตัวแค่5นาทีเธอก็หลับแล้ว
1เดือนผ่านไป
หม่อมหลวงตฤณรดาทอดสายตามองรอบ ๆ ด้วยความรู้สึกลังเล ข้าง ๆ มีหม่อมหลวงแก้วกานดา พลอยวารินทร์ และเพลินไพลินยืนเกาะกลุ่มกันอยู่ “แน่ใจนะว่าจะมาช็อปปิ้งกันที่ห้างนี้”
“นั่นสิน้องซี ไปห้างเรากันดีกว่ามั้ง” พลอยวารินทร์เห็นด้วยกับเพื่อนสาวผู้พ่วงตำแหน่งพี่สะใภ้ใหญ่ วันนี้เป็นวันเสาร์เพลินไพลินจึงชวนพวกเธอออกมาเที่ยวห้างสรรพสินค้าด้วยกันก่อนที่หม่อมหลวงแก้วกานดาและสพลดนัยจะกลับไปที่ไร่พยัคฆ์ในวันพรุ่งนี้ เธอก็คิดว่าเพลินไพลินจะพาไปเดินเที่ยวที่ห้างสรรพสินค้าในเครือครอบครัวที่ไหนได้ยัยน้องเล็กของบ้านดันพามาห้างสรรพสินค้าของคู่แข่งตัวฉกาจของพี่ชายซะนี่ กลับไปไม่จอมทัพก็ใครสักคนที่พี่ชายส่งมาตามดูแลน้อง ๆ ได้ไปฟ้องพี่ชายจนพ่อน้ำแข็งขั้วโลกดุเอาแน่ ๆ
“แต่น้องซีอยากเปลี่ยนบรรยากาศดูบ้างอะ ที่นี่ก็ไม่ได้แย่นิคะ” คนเป็นน้องเอ่ยบอก “น้องซีเที่ยวห้างโน่นจนเบื่อแล้ว เข้าร้านไหนก็มีแต่คนมาพินอบพิเทา เราเที่ยวที่นี่นะคะ นะ”
“โอ๊ยนี่น้องสาวพี่อัพเลเวลเหรอเนี่ยเมื่อก่อนมีแต่พี่ชายต้องยอม เดี๋ยวนี้ทำให้พี่ยอมด้วยได้แล้ว” พลอยวารินทร์เอ่ยพร้อมกับบีบจมูกน้องสาวอย่างหมั่นเขี้ยว เดี๋ยวนี้อ้อนเก่งขึ้นจนทำให้เธอยอมได้เหมือนพี่พี่ชายทั้ง5ยอมได้แล้วยัยตัวน้อยของพวกเธอ
“งั้นก็ไปเถอะ ไปโซนไหนก่อนดี” ตฤณรดาถามเมื่อรู้แล้วว่าคงขัดใจเพลินไพลินไม่ได้แล้ว “เสื้อผ้าไหม ได้ยินว่าพี่พลายฝากแก้วซื้อเสื้อให้นี่”
“เป็นความคิดที่ดี” พลอยวารินทร์เสริมส่วนสองสาวที่อายุเท่ากันอย่างเพลินไพลินและแก้วกานดาไม่ได้ขัดแย้งใด ๆ ทั้งสี่คนจึงมาหยุดในร้านเสื้อผ้าแห่งหนึ่งที่มีทั้งเสื้อผ้าผู้ชายและผู้หญิง แก้วกานดาและพลอยวารินทร์นั้นเดินไปเลือกเสื้อผ้าผู้ชายในขณะที่ตฤณรดาและเพลินไพลินเดินดูเสื้อผ้าผู้หญิง
“ชุดนี้สวยไหมคะคุณต้อง น้องซีใส่จะโอไหมอะ” เด็กสาววัย18ปีเอ่ยถามคนเป็นพี่สะใภ้พร้อมชี้ไปที่ชุดที่เธอถูกใจ
“พี่ว่าโอนะ เข้ากับบุคลิกน้องซีเลยเอาเลย” ตฤณรดาแสดงความคิดเห็นก่อนที่เพลินไพลินจะหยิบชุดนั้นมาเทียบกับตัวแต่แล้วเหตุไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นเมื่อมีหญิงสาวคนหนึ่งโผล่มาแย่งชุดนั้นไปอย่างไร้มารยาท
“ชุดนี้สวยไหมคะมีน” เธอคนนั้นถามผู้ชายที่มาด้วยในขณะะที่สองสาวต่างวัยได้แต่โมโหกับความไร้มารยาทของอีกฝ่าย
“นี่คุณคะ ชุดนั้นหนูถืออยู่ คุณไม่มีสิทธิ์แย่งไปแบบนั้นนะ” เพลินไพลินเอ่ยบอกอย่างไม่ยอมคน เธอไม่ใช่ลาโง่หรือเต่าหดหัวที่จะยอมให้ใครมารังแกง่าย ๆ ไม่มีใครสอนให้เธอก้มหัวให้ความไม่ถูกต้อง “มันไม่ถูกต้องนะที่คุณมาแย่งไปจากมือแบบนี้น่ะ”
“แล้วไง ก็ฉันอยากได้อะ” เธอเอ่ยอย่างไม่สนใจคำพูดของเด็กสาว ยังคงทำตัวไม่สะทกสะท้านจนตฤณรดาและเพลินลินได้แต่ร้องด่าในใจ ‘หน้าด้านเวอร์’
ในขณะที่สองสาวต่างวัยกำลังเงียบด้วยความตกตะลึงในความหนังหน้าหนาของหญิงสาวไร้มารยาทชายหนุ่มผู้มากับหญิงสาวคนนั้นกลับนิ่งรอชมว่าสองสาวจะทำอย่างไรต่อ สายตาคมกริบของวราเมธ นารากุลหรือมีน เจ้าของห้างสรรพสินค้านารามอล์ลแห่งนี้จดจ้องความสนใจไปที่เด็กสาวผู้กล้าต่อปากต่อคำกับผู้หญิงของเขาแทบจะตลอด เขาไม่รู้ว่าเธอเป็นใครในขณะที่คนข้าง ๆ เธอนั้นเขารู้จักค่อนข้างมาก หม่อมหลวงตฤณรดาภรรยาของสิรดนัย สัตยบดินทร์ คนเป็นทั้งรุ่นพี่ที่โรงเรียนและคู่แข่งสมบูรณ์แบบที่เขาจ้องจะกระโดดข้ามและซ้ำเติมเมื่อฝ่ายนั้นล้ม
เขาไม่รู้ว่าทำไมเขาจึงจับต้องเด็กสาวคนนั้นไม่วางตาแต่รู้เพียงว่าเมื่อเธอหันมายังเขาและเผลอสบตากับโดยบังเอิญนั้นเขารู้สึกถึงจังหวะที่รัวแรงของหัวใจ เธอเป็นใครกันถึงมาทำให้ใจเขาเต้นได้แบบนี้
“มีนขา ปริมเอาตัวนี้ล่ะ” หญิงสาวผู้มีใบหน้าหนากว่าถนนคอนกรีตเอ่ยขึ้นทำให้คนที่เผลอสบตากันหลุดจากภวังค์
“หน้าด้าน คิดว่ามากับกับเจ้าของห้างแล้วจะแย่งคนอื่นยังไงก็ได้เหรอ เหอะ หนูไม่ยอมให้คุณแย่งไปหรอก” เพลินไพลินเอ่ยด้วยความไม่พอใจก่อนที่จะยื้อแย่งชุดนั้นกลับมา เพราะเสียงของเพลินไพลินไม่ได้เบานักจึงทำให้เจ้าของร้านซึ่งอยู่ที่นั่นพอดีและพนักงานต้องวิ่งเข้ามา
“เอ่อ ใจเย็น ๆ กันก่อนนะคะคุณลูกค้า” คนเป็นเจ้าของร้านเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนหวานพยายามเอาน้ำเย็นเข้าลูบให้คนทั้งสองหยุดยื้อแย่งกัน ลูกค้าคนอื่นบ้างก็มอง บ้างก็ถ่ายคลิป ซุบซิบและสนใจกันเหตุการณ์ตรงหน้าจนคนเป็นเจ้าของร้านกลัวจะเสียชื่อเสียง “ค่อย ๆ พูด ค่อย ๆ จากันค่ะ”
“จะให้ค่อย ๆ พูดได้ไงคะคุณหญิงวา ยัยเด็กนี่มันแย่งชุดปริมนะคะ” หญิงสาวผู้มีชื่อเล่นว่าปริมหรือ ปริมา นางแบบสาวสวยพ่วงตำแหน่งแฟนเจ้าของห้างสรรพสินค้าแห่งนี้เอ่ยด้วยน้ำเสียงเหวี่ยง ๆ
“เหอะ หนูหยิบก่อนแต่คุณมาแย่งไปจากมือหนูต่างหากล่ะ คุณต้องก็เห็น แฟนคุณก็เห็น หรือตาบอดมองไม่เห็นกัน” เด็กสาวบอกอย่างไม่ยอมแพ้ นอกจากจะไม่พอใจปริมาแล้วเธอยังไม่พอใจวราเมธด้วย ทั้งที่แฟนตัวเองผิดแท้ ๆ แต่กลับไม่พูดอะไรสักอย่าง นิสัยแย่มาก ไม่แปลกใจทำไมนายคนนี้ชอบเล่นงานพี่ชายเธอลับหลัง ก็เพราะนิสัยแย่แบบนี้ไง
“มันจะมากไปแล้ว เธอคิดว่าตัวเองเป็นใครกันถึงกล้ามาพูดกับฉันแบบนี้” วราเมธตวาดถามอย่างไม่พอใจ ปากคอเด็กสาวไม่ธรรมดาเลยมันน่าจับตีก้นนัก
“เป็นใคร? เป็นใครก็ช่างหนูสิ รู้แค่ว่าหนูไม่เคยแย่งของใคร และไม่เคยเล่นงานใครลับหลังก็พอ ไม่เหมือนพวกคุณหรอก ดีแต่อวดเบ่งแย่งคนอื่นแล้วก็เล่นงานคนอื่นลับหลังทั้งที่ต่อสู้ไม่ได้” เด็กสาวเอ่ยด้วยน้ำเสียงฉุนเฉียวไม่แพ้กัน เธอเข้าใจแล้ววันนี้เองทำไมพี่ชายทุกคนถึงไม่อยากให้เธอมาเหยียบที่นี่
พลอยวารินทร์และแก้วกานดาได้แต่ยืนอยู่นอกวงสนทนาเพราะฝูงไทยมุงที่มุงดูกันแน่น พลอยวารินทร์มองจากสายตาแล้วก็ตัดสินใจโทรศัพท์หาสิรดนัยด้วยกลัวว่าวราเมธจะโมโหแล้วสั่งลูกน้องมาโยนน้องสาวและเพื่อนเธอออกจากห้าง
ด้านตฤณรดาไม่สามารถห้ามเพลินไพลินได้เพราะตัวเธอเองก็เข้าใจและเป็นคนไม่ยอมใครเช่นกัน หญิงสาวจึงหันไปพูดคุยทำความเข้าใจกับหม่อมราชวงค์หญิงวาริณี สีรนาถ เจ้าของร้านแห่งนี้และเป็นหนึ่งในเครือญาติของเธอเบา ๆ
เพลินไพลินสบสายตาแข็งกร้าวนั้นอีกครั้งในครั้งนี้สายตาของเธอเต็มไปด้วยความโมโห ไม่พอใจ สายตาของวราเมธเองก็เช่นกัน ชายหนุ่มส่งสัญญาณมือเรียกการ์ดของห้างมา
“สั่งคนเอาสองคนนี้ออกไปอย่าให้มาเหยียบที่นี่อีกเลยค่ะมีน” ปริมาเอ่ยยุยงด้วยความไม่พอใจ ยัยเด็กนี่กล้ามาลองดีกับแฟนเธอเองก็ช่วยไม่ได้
“ถ้าใครกล้าแตะต้องสองคนนี้ ฉันจะไม่อยู่เฉยแน่วราเมธ” น้ำเสียงนิ่งแต่แฝงไปด้วยความไม่พอใจดังมาจากด้านหลังของไทยมุง เหล่าไทยมุงจึงหลีกทางให้เผยให้วราเมธได้เห็นสิรดนัยกับเด็กสาวอีกสองคน ผู้บริหารสายการบินหนุ่มเดินเข้ามาด้วยสีหน้าพร้อมจะมีเรื่องถ้าวราเมธคิดจะมีเรื่อง ด้านหลังของชายหนุ่มมีวสันต์และเหมันต์เดินตามมา
“อย่ามาเสือกในถิ่นคนอื่นดิพี่” วราเมธเอ่ยลอดไรฟันเมื่อคู่แข่งมาเหยียบถึงถิ่น พอเดาได้เป็นเลา ๆ ว่าสิรดนัยมาเพราะตฤณรดาแต่เขาก็ไม่ได้มีเรื่องกับภรรยาของอีกฝ่ายสักหน่อย หม่อมหลวงคนนี้ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมาสักคำด้วยซ้ำแต่ยัยเด็กปากเสียคนนี้ต่างหากล่ะ “พี่จะพาเมียพี่ไปก็เรื่องของพี่ แต่ยัยเด็กนี้พี่อย่าเสือก”
“นายคิดว่าตัวเองเป็นใครถึงมาเรียกน้องสาวฉันว่ายัยเด็กนี่วราเมธ” สิรดนัยเอ่ยก่อนที่จะส่งสายตาไปที่คนเป็นภรรยาและน้องสาว “กลับบ้าน”
“แต่น้องซี...” เด็กสาวโต้แย้งก่อนที่จะอ่อนลง “ก็ได้ค่ะ”
“ไม่ต้องห่วงนะจ๊ะน้องซี เดี๋ยวพี่จะส่งชุดนี้กับชุดที่ดีที่สุดไปให้ที่บ้าน พี่ชอบมากเลยนะที่น้องไม่ยอมก้มหัวให้กับความไม่ถูกต้อง พี่ชื่นชมนะจ๊ะ” คุณหญิงเจ้าของร้ายเอ่ยบอกในคำพูดนั้นนอกจากจะชื่นชมเพลินไพลินแล้วยังทำให้ปริมารู้สึกเหมือนโดนตบหน้า “ชุดนี้ไม่เหมาะกับคุณปริมหรอกนะคะ เหมาะกับสาวน้อยจากเอสทีกรุ๊ปคนนี้มากกว่า เพราะฉันไม่ชอบคนที่มีนิสัยแย่งคนอื่น”
“กรี๊ด!” ปริมาได้แต่กรีดร้องในขณะที่สิรดนัยนั้นโอบไหล่น้องสาวคนเล็กออกไปจากร้านอย่างหวงแหน วราเมธไม่อาจทำอะไรได้ทั้งที่เป็นถิ่นของตนแต่ก็ได้แต่มองตามอย่างเจ็บใจ เธอคนนั้นคือเพลินไพลินน้องสาวคนเล็กของสิรดนัยงั้นเหรอ หวงนักใช่ไหมน้องสาวคนนี้ ถ้าหวงมากเขาจะเอามาเป็นของเขาให้ได้ ในเมื่อเล่นงานทางธุรกิจไม่สำเร็จเขาจะเล่นงานทางอื่น ‘เราได้เจอกันอีกแน่เพลินไพลิน’
ค่ำวันนั้น
“เป็นอะไรคะทำไมเอามือก่ายหน้าผากแบบนั้น” เสียงหวานถามคนที่นอนเคียงข้างด้วยความเป็นห่วงเมื่อชายหนุ่มนอนเอามือก่ายหน้าผากตั้งแต่ทิ้งตัวลงนอน ถ้าให้เดาเธอคิดว่าคงไม่พ้นเรื่องเมื่อช่วงกลางวันเป็นแน่
ถึงแม้หลังจากพาเธอและอีกสามคนออกมาจากห้างแล้วชายหนุ่มก็พาไปส่งที่ห้างสรรพสินค้าในเครือครอบครัวเพราะไม่อยากให้น้องสาวหมดสนุกและสละเวลาหลังจากนั้นพาน้อง ๆ เดินเข้าร้านนั้นออกร้านนี้ ซื้อนั่นซื้อนี่ให้น้องสาวทั้งสามเผื่อแผ่มาถึงเธอด้วย แต่พอกลับมาถึงบ้านก็มีสีหน้าไม่สู้ดีแบบนี้
“กังวลอะไรก็ปรึกษาคุณต้องได้นะ เราเป็นสามีภรรยากัน” ตฤณรดาเอ่ยบอกก่อนที่จะทิ้งตัวลงนอนหันหน้าไปทางชายหนุ่ม กว่าหนึ่งเดือนที่เธอและเขานอนเคียงข้างกันบนเตียงเตียงนี้และพยายามปรับตัวเข้าหากัน ในทุก ๆ คืนก่อนนอนมักจะพูดคุยกันเพื่อกระชับความสัมพันธ์ให้คุ้นชินขึ้นแต่สิรดนัยไม่เคยแสดงท่าทีแบบนี้มาก่อนเลย แสดงว่าชายหนุ่มเครียดมากจริง ๆ
“พี่กลัวว่าวราเมธจะเข้ามาวุ่นวายกับน้องซี หมอนั้นไม่น่าไว้ใจ ในทางธุรกิจหมอนั้นจัดการคู่แข่งหลายคนด้วยการใช้จุดอ่อนของฝ่ายตรงข้ามมาเล่นงาน” สิรดนัยเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงกังวล “พี่ไม่เคยมีจุดอ่อนทางธุรกิจ จุดอ่อนของพี่คือพี่น้องโดยเฉพาะน้องโซ่กับน้องซีที่ผ่านมาพี่ไม่ให้พ่อเสือกับแม่แพรพาน้องสาวทั้งสองออกงานออกสื่อก็เพราะไม่อยากให้วราเมธรู้หน้าคร่าตา น้อง ๆ จะได้ไม่ถูกดึงมาทำลายพี่ แต่ตอนนี้หมอนั่นรู้แล้ว คงไม่ปล่อยให้น้องซีอยู่สงบ”
“พี่สิงโตอย่าเครียดสิ หน้าแก่ไวกันพอดี คุณต้องไม่คิดแบบพี่สิงโตนะ” ตฤณรดาเอ่ยบอก “คุณต้องคิดว่าน้องซีน่ะไม่ใช่จุดอ่อน แต่น้องซีเป็นสุดยอดของสุดยอดในบรรดาพี่น้องเลยนะ ใครก็ต้องยอมให้น้องซี คุณต้องเชื่อว่าน้องซีรับมือนายนั่นได้ พี่สิงห์เก่งกว่าหมอนั่นตั้งเยอะยังยอมน้องซีเลย หรือไม่จริง”
“แต่...” “ให้มันเรื่องของโชคชะตา บุญกรรมนำพาเถอะพี่สิงห์ ถ้านายนั่นเข้าไปข้องแวะกับน้องซี ทำร้ายน้องซีจริง ๆ ก็เพราะเขาอาจจะมีเวรกรรมกันมาแต่ชาติก่อน ต่อให้พี่สิงห์พยายามเข้าไปขัดก็ไม่สำเร็จหรอก เราป้องกันแต่เราไม่เครียดกับมันดีกว่านะ” หญิงสาวเอ่ยขัดด้วยเหตุด้วยผลจนคนนึกเครียดพยักหน้าเห็นด้วย
“นั่นสินะ ขอบคุณครับที่เตือนสติพี่”ชายหนุ่มเอ่ยบอกก่อนที่จะมองไปที่นาฬิกา “ดึกแล้วนอนดีกว่านะ”
“โอเคค่ะ” คนถูกบอกให้นอนเอ่ยบอก “แต่พี่สิงห์ต้องนอนก่อนนะ หลับตาเลย”
“ครับ ครับ” เขารับคำก่อนที่จะหลับตาตามคำสั่งไม่นานหญิงสาวก็ได้ยินเสียงหายใจสม่ำเสมอดังมาค่อย ๆ จึงได้หลับตาลงบ้าง การหลับไปข้าง ๆ กันและตื่นมาเจอกันในตอนเช้าสำหรับเธอกับอีกฝ่ายนั้นตอนนี้เป็นเรื่องปกติไปแล้วไม่ได้มีความตะขิดตะขวงใจเหมือนก่อนนี้ไม่ ความสัมพันธ์ของเธอกับเขานั้นมันค่อย ๆ พัฒนาขึ้นเรื่อย ๆ โดยคนทั้งคู่ไม่รู้ตัวเลยสักนิด
