บท
ตั้งค่า

บทที่14 เราคือคน ๆ เดียวกัน

“พี่สิงห์” น้ำเสียงหวานเอ่ยเรียกในขณะที่คนถูกเรียกนั้นกำลังนั่งทำงานอยู่บนโต๊ะทำงานในห้องนอน เขาและเธอเพิ่งกลับมาจากวังสิราราชเมื่อไม่ถึง1ชั่วโมงที่แล้วและทันทีที่กลับมาเหมันต์ก็นำเอกสารเข้ามาให้ชายหนุ่มอ่านทันทีทั้งที่วันนี้เป็นวันหยุดพักของเขา เป็นสิรดนัยนี่ก็เหนื่อยจริง ๆ เขาต้องรับภาระมากมายนอกบ้านจริง ๆ เธอควรจะดูแลเขาตามที่หม่อมยายสั่งสอนบ้าง

“หืม” ชายหนุ่มตอบกลับในลำคอในขณะที่สายตายังคงสนใจงานตรงหน้า มือซ้ายยกขึ้นนวดคลึงต้นคอเพื่อไล่ความขบเมื่อย

“นวดหน่อยไหมคะ? ” หญิงสาวบอกและไม่รอให้ชายหนุ่มตอบรับหรือปฏิเสธ ตฤณรดาขยับเข้ามาใกล้และลงมือนวดคลึงที่ต้นคอของชายหนุ่มทันที “โบราณว่าอยู่บ้านท่านอย่างนิ่งดูดาย ปั้นวัวปั้นควายให้ลูกท่านเล่น แต่บ้านนี้ท่านยังไม่มีลูก เพราะฉะนั้นเปลี่ยนจากปั้นวัวปั้นควายให้ลูกท่านเล่นเป็นช่วยนวดผ่อนคลายให้ท่านแล้วกัน”

“แน่ใจว่านวดแล้วพี่จะไม่เจ็บกว่าเดิม” สิรดนัยถามในขณะที่สายตาและมือยังจดจ่ออยู่กับงานด่วนที่เขาต้องอ่านทำความเข้าใจและเซ็นต์อนุมัติเร่งด่วนเพราะบริษัทแม่นั้นอยู่ที่อิตาลี่ไม่ใช่งานของสายการบินหรือธุรกิจอื่นในเครือเอสทีกรุ๊ปซึ่งเป็นบริษัทในเครือของสัตยบดินทร์แต่เป็นบริษัทในเครือของเกศทิวรากุลของคุณตาทวด คุณตาของคุณแพรวารินทร์ที่ปัจจุบันญาติผู้น้องของคนเป็นแม่ที่เป็นเจ้าของมอบให้เป็นของเขาเพราะตนไม่มีลูกและกำลังป่วยหนัก บริษัทแห่งนี้เป็นบริษัทผลิตน้ำหอมหลายอย่างต้องอาศัยความละเอียดและประณีตเขาจึงต้องอ่านอย่างละเอียดละเว้นไม่ได้แม้แต่บรรทัด

มือบางที่นวดอยู่ที่ลำคอนั้นทำให้สิรดนัยรู้สึกผ่อนคลายขึ้นมากทีเดียวแต่ก็อดแปลกใจกับท่าทีที่ไม่ใช่ตัวเธอเท่าไหร่ “เอาจริง ๆ นึกอะไรฮึถึงมาพูดคะขากับพี่แล้วมานวดให้”

“ก็หม่อมยายสอนว่าให้เป็นภรรยาที่ดี ควรใส่ใจดูแลสามี ถามบ้างว่าเหนื่อยไหม นวดหน่อยไหม คุณต้องเลยลองทำดูเผื่อคนแถวนี้จะเอ็นดูหาน้ำหอมแบรนดังมาให้ใช้บ้าง” เรื่องแรกเธอพูดความจริงแต่เรื่องหลังเธอเปลี่ยนคำพูดของหม่อมผู้ชรา จากเขาจะได้เอ็นดูรักใคร่ไม่ปันใจไปให้ใครจนเกิดปัญหามือที่สามที่สี่เป็นเรื่องน้ำหอมแทน ก็แหม่แอบเหลือบมองแล้วเห็นว่ากำลังอ่านเกี่ยวกับน้ำหอมอยู่นิ เธอชอบสะสมและใช้น้ำหอมแบรนนี้มากถ้าได้มาโดยไม่ต้องเก็บเงินซื้อคงจะดีไม่น้อยเลย

“ชอบน้ำหอมแบรนนี้เหรอ?” เขาถามทั้งที่สายตายังสนใจเอกสาร ตฤณรดาอดไม่ได้ที่จะแอบชื่นชมประสาทที่แยกแยะได้ดีของเขาทั้งคุยกับเธอได้และยังอ่านเอกสารได้ สมกับเป็นอัจฉริยะจริง ๆ

“ชอบสิ คุณต้องน่ะชอบสะสมน้ำหอม แล้วก็ในบรรดาหลาย ๆ แบรนคุณต้องชอบแบรนนี้ที่สุด กลิ่นมันถูกใจคุณต้องมาก” เธอบอกในขณะที่เปลี่ยนจากการบีบนวดเป็นการทุบกำปั้นลงเบา ๆ แทน “เงินแต่ล่ะเดือนเนี่ยต้องเก็บสะสมไว้ซื้ออะ คิดดูว่าชอบขนาดไหน”

“ชอบน้ำหอมแต่กลับเรียนออกแบบเครื่องประดับนี่นะ มันคนละทางเลยนะคุณต้อง” สิรดนัยถามด้วยความไม่เข้าใจ หลายคนเลือกเรียนในสิ่งที่ตัวเองชอบที่สุด ตฤณรดาบอกว่าชอบน้ำหอมเธอก็ควรจะเรียนเกี่ยวกับการผลิตคิดข้นน้ำหอมมากกว่าแต่ทำไมถึงได้เรียนเกี่ยวกับการออกแบบ แถมยังเป็นการออกแบบอัญมณีและเครื่องประดับที่มันช่างไปคนละทางกับน้ำหอมมาก

“คุณต้องชอบเครื่องประดับมากกว่า ตอนเด็ก ๆหม่อมย่ามักจะนำอัญมณีในวังติวกุลออกมาโชว์แต่ท่านมักจะบอกว่ายังไม่เจอชิ้นที่ท่านถูกใจที่สุด คุณต้องจึงรู้สึกอยากออกแบบให้ท่านบ้างเผื่อจะถูกใจท่าน หม่อมยายเองก็เหมือนกัน” หญิงสาววัยกำลังเติบโตเป็นหญิงสาวเต็มตัวเอ่ยบอกแต่แล้วก็เหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้ “อุ๊ย ตายแล้ว ลืมทำงานที่อาจารย์สั่งอะ ทำไงดีพรุ่งนี้ต้องส่งแล้ว”

“งานอะไร?”

“อาจารย์ให้ออกแบบเครื่องประดับมา1ชิ้นอะแต่คุณต้องคิดไม่ออก สมองมันไม่มีไอเดียเลย” เธอบอกด้วยสีหน้าร้อนรน เป็นเพราะทะเลาะกับเพื่อนสนิทนั่นเองเธอลืมเรื่องนี้ไปเลยพอคิดได้ก็ไม่มีไอเดียเสียแล้ว สิรดนัยจรดปากกาเซ็นต์อนุมัติก่อนที่จะปิดแฟ้มงาน เป็นอันเสร็จสิ้นงานด่วน ชวนหนุ่มขยับตัวเปิดลิ้นชักหยิบกระดาษที่เขามักเก็บไว้ใช้เวลาอยากวาดอะไรขึ้นมาวางบนโต๊ะพร้อมกับดินสอ

“มาใกล้ ๆ พี่นี่มา” ชายหนุ่มเอ่ยบอก หญิงสาวมีสีหน้าฉงนก่อนที่จะขยับเข้าไปยืนข้าง ๆ หญิงสาวแต่คล้ายว่าการยืนของเธอนั้นมันไม่ถนัดกับสิ่งที่เขาจะทำ สิรดนัยจึงรวบร่างบางลงมานั่งบนตัก

“เฮ้ย” เธออุทานก่อนจะอ้าปากค้างเมื่อเขายัดดินสอใส่มือเธอและจับมือเธอวาดบางสิ่งลงบนกระดาษ ไม่นานต่อมาก็ได้เข็มกลัดรูปทรงรูปทรงสวย ตฤณรดาลอบมองใบหน้าคมในขณะที่เขาพามือของเธอวาดต่อไป เธอพอจะได้ยินจากพลอยวารินทร์มาบ้างว่าสิดนัยนั้นมีพรสวรรค์ในการออกแบบหลากหลายอย่าง ตั้งแต่ออกแบบของเล่นไปจนถึงเครื่องประดับและโครงร่างบ้านและอาคาร แน่นอนว่าพรสวรรค์นี้ส่งต่อทางพันธุกรรมมาจากคุณแพรวารินทร์ที่อดีตเคยเป็นมัณฑนากรมากฝีมือ แต่ที่ผ่านมาเขามักไม่ชอบแสดงฝีมือให้ใครเห็นเธอไม่นึกว่าตัวเองจะได้เห็นกับตาถึงความสามารถด้านนี้

“เสร็จแล้ว เลือกเอาว่าจะเอาชิ้นไหนส่งอาจารย์แล้วก็ไปเขียนอธิบายเอาเอง” เขาบอกก่อนที่จะวางมือออกจากการจับกุมมือหญิงสาว

“จะดีเหรอ? คุณต้องไม่ได้คิดเองนะ”

“เมื่อกี้ใครจับดินสอ?” เขาถาม “คุณต้องใช่ไหม ผู้จับดินสอรังสรรค์ขึ้นมาก็คือผู้ออกแบบ”

“แต่พี่สิงห์จับมือคุณต้องวาดนะ” คนรับการช่วยเหลือในเรื่องนี้โต้แย้ง เธอจะมีหน้าเอาผลงานคนอื่นไปส่งอาจารย์เหรอ

“แล้วไงล่ะ” เขาบอกก่อนที่จะยื่นมือซ้ายไปด้านหน้าของหญิงสาวพร้อมกับคว้ามือซ้ายของเธอมาเทียบกัน สีผิวและขนาดของฝ่ามือทั้งคู่ต่างกันแต่มีสิ่งหนึ่งที่อยู่บนนิ้วนางข้างซ้ายเหมือนกันนั่นคือแหวนแต่งงาน “เราใส่แหวนเหมือนกัน เราแต่งงานกัน โบราณว่าเราคือคน ๆ เดียวกัน พี่วาดก็เหมือนคุณต้องวาดนั่นแหละ คราวนี้ก็ส่งอาจารย์ไปก่อน คราวหน้าค่อยวาดมาคืนพี่ โอเคไหม”

“โอก็โอ” หม่อมหลวงผู้อ่อนวัยเอ่ยบอกก่อนจะรู้สึกได้ว่าใบหน้าเธอตอนนี้ช่างร้อนผะผ่าวเสียเหลือเกิน เธอกำลังเป็นอะไรหนอ หัวใจก็เต้นตูมตามเชียวแต่...ดูเหมือนว่าไม่ใช่แค่หัวใจของเธอที่เต้นเสียด้วยสิ คนที่ให้เธอนั่งบนตักก็ใจเต้นแรงเหมือนกัน

“เลือกสิ แล้วก็ทำให้มันเป็นชิ้นงานสมบูรณ์ เดี๋ยวก็ดึกพอดี” เขาบอกทั้งที่ใจมันเต้นแรงจนตัวเขาเองก็รับรู้ได้ ไม่แปลกใช่ไหมที่หัวใจจะเต้นโครมครามแบบนี้กับคนเป็นภรรยา

“ก็ปล่อยมือก่อนสิ” เธอบอกเมื่อมองไปที่มือซ้ายของตน มันยังคงถูกเขาจับกุมไว้อยู่เลย เธอไม่ถนัดหรอกนะถ้ามือข้างหนึ่งจะเขียนอีกข้างถูกจับไว้แบบนี้

สิรดนัยปล่อยร่างบางก่อนที่หญิงสาวจะลุกขึ้นจากตักของเขา “งั้นพี่ไปอาบน้ำล่ะ ทำให้เรียบร้อยอย่าอู้”

“อือ” เธอตอบกลับก่อนที่จะทรุดลงนั่งบนเก้าอี้แทนเขาและลงมือทำให้เป็นใบงานที่สมบูรณ์ กว่าที่จะเสร็จสิรดนัยก็ออกจากห้องน้ำมาพอดี คราวนี้เขาไม่นุ่งแค่ผ้าเช็ดตัวเข้ามาอีกเพื่อไม่ให้เกิดอะไรล่อแหลมขึ้นอีก ชายหนุ่มอยู่ในชุดคลุมอาบน้ำรีบก้าวเข้าไปในห้องแต่งตัวในทันที ตฤณรดาจึงใช้โอกาสนี้เข้าไปอาบน้ำชำระล้างร่างกายบ้าง

ไม่นานต่อมา

สายตาคมมองไปยังร่างบางด้วยสีหน้าไม่เข้าใจ “เอาเสื้อพี่มาใส่ทำไม”

“ก็ชุดนอนคุณต้องมีแต่แบบเซ็กซี่อะ ฝ้ายเป็นคนเลือกให้ มันไม่เหมาะที่จะใส่แล้วก็รู้สึกไม่อยากใส่อะ” สาวน้อยในเสื้อยืดแขนยาวตัวโคร่งกับกางเกงขาสั้นเอ่ยบอก เสื้อตัวนี้เป็นเสื้อของชายหนุ่มที่เธอใส่แล้วชายเสื้อคลุมถึงเข่าพอดิบพอดี “ขอยืมใส่ก่อนนะ เดี๋ยววันเสาร์หน้าคุณต้องนัดน้องซีแล้วว่าจะออกไปช๊อปกัน คุณต้องจะซื้อใหม่ไม่มาเบียดเบียนเสื้อผ้าพี่สิงห์แน่นอน”

“พี่ก็ยังไม่ว่าอะไร นอนเถอะ” เขาบอกก่อนที่จะทิ้งตัวลงนอนไม่สนใจหญิงสาวอีกไม่นานก็รู้สึกว่ามีบางอย่างถูกวางลงข้าง ๆ จนต้องลืมตาขึ้น สิ่งนั้นคือหมอนข้างที่ตฤณรดาหอบมาจากหอพักด้วย เจ้าหมอนข้างอันนี้เขาจำได้ดีทีเดียวว่าเธอใช้มาตั้งแต่อยู่วังสิราราชแต่ทำไมมันถึงมาวางอยู่ข้าง ๆ เขากันล่ะ

“นั่นเขตพี่สิงห์ นี่เขตคุณต้อง ถ้าข้ามเขตมาล่ะก็ต้องเปย์น้ำหอมสามขวด” เธอบอกก่อนจะทิ้งตัวลงนอนด้วยสีหน้ายิ้มระรื่น แน่ล่ะที่เธอจะยิ้มก็อาณาเขตที่เธอแบ่งมันช่างกว้างขวางไร้ความยุติธรรมเหลือเกิน ถ้าเตียงนี้คือ100% เธอก็ครอบครองพื้นที่ไป70% และเหลือให้เขาแค่30% เท่านั้น ขยับตัวหน่อยเป็นอันว่าตกเตียง นี่กะจะขูดรีดน้ำหอมจากเขาหรืออย่างไรกัน ‘ยัยตัวแสบก็ยังคงเป็นตัวแสบสินา’

บนเตียงที่เคยนอนคนเดียวพร้อมกับพลพรรคสี่ขาของสิรดนัยในตอนนี้ไม่ได้ต่างไปจากคืนแรกที่ตฤณรดาหวนกลับมาที่แห่งนี้แม้จะมีการแบ่งอาณาเขตกันชัดเจนแต่เมื่อเจ้าสี่ขาเข้ามาเบียดเสียดร่างบางก็ต้องขยับมานอนแนบชิดเขาเหมือนเดิม

สัตว์เลี้ยงตัวน้อยสิรดนัยมีทั้งหมด 7ตัว ประกอบด้วยเลโอนี่สุนัขพันธุ์ชิสุตัวเล็กวัย5ปีที่ใบหน้านั้นหยิ่งยโสเอามาก ๆลูกรักที่สุดของเขา ลีโอ เลโอ และไลอ้อน สุนัขพันธุ์ตุ๊กตาวัย4ปีที่ขี้อ้อนเอามาก ๆ และเจ้าสี่ขาพันธุ์โกลเด้นรีทรีฟเวอร์เพศผู้วัย7ปีที่อยู่กับเขามานานที่สุดมีชื่อว่า เลอ้อนในบ้าน นอกนั้นเป็นลูกสุนัขอีกสองตัวที่เขาเพิ่งรับมาเลี้ยงด้วยความสงสาร เจ้าสองตัวนี้เป็นสุนัขพันธุ์ปอมเมอเรเนียนเพศเมียมีชื่อว่าเลลากับไลลา

7ตัวนี้ถ้าพากันเข้ามาที่ห้องของชายหนุ่มแล้วล่ะก็เหลือที่ไว้ให้เขานอนแค่นิดเดียวเท่านั้นล่ะเพราะเจ้าสี่ขาจะพากันแผ่หราเต็มเตียงไปหมดตฤณรดาลืมคิดข้อนี้ไปแล้วล่ะ เขาไม่ได้ข้ามเขตไปนะ เธอข้ามมาเองชัด ๆ เขาไม่ต้องหาน้ำหอมมาให้เธอหรอก ใช่ไหมล่ะ ?

เช้าวันใหม่เข้ามาเยือนสาวนักศึกษาจัดความเรียบร้อยของชุดนักศึกษาของตัวเองก่อนที่จะรวบผมขึ้นมัดครึ่งศีรษะและใส่รองเท้าก่อนที่จะถอนหายใจ ตัวของเธอพร้อมสำหรับไปมหาวิทยาลัยแล้วแต่ใจนั้นยังไม่พร้อมทั้งไม่อยากพบเจอกับสุพรรณิการ์และทั้งหงุดหงิดที่ไม่ได้น้ำหอมใหม่มาสะสม เป็นเพราะเจ้าสี่ขาทั้งหลายเชียวที่ทำให้เธอเป็นคนข้ามเขตไปแถมยังไปนอนกอดเขาแทบหมอนข้างอีกน่าเสียดายและน่าอายจริง ๆ เธอไปกอดเขาได้อย่างไรหนอ บ้าจริง

ผลั๊ก!

เสียงประตูห้องแต่งตัวถูกเปิดออกร่างสูงเดินออกมายังตู้ที่อยู่ข้างกระจกซึ่งก็คืออยู่ด้านหน้าของหญิงสาว เขากวาดสายตามองด้านในตู้ซึ่งเต็มไปด้วยเนคไทหลายสีคล้ายว่าลังเลจะเลือกชิ้นไหนดี

“คุณต้องเลือกให้ไหม?” สาวนักศึกษาเอ่ยถามพร้อมทั้งก้าวมาหยุดใกล้ ๆ ก็เขินอยู่นะที่ตื่นมาเป็นเธอที่กอดเขาแต่เธอก็ต้องทำหน้าที่ภรรยาที่ดีดูแลคุณสามีให้ดี “สีนี้เข้ากับเสื้อพี่สิงห์ที่สุดแล้ว มาเดี๋ยวผูกให้”

สำหรับหม่อมหลวงตฤณรดาผู้ถูกฝึกฝนจากหม่อมตรีประดับมาตั้งแต่เด็ก ๆในเรื่องการบ้านการเรือนและการดูแลเครื่องแต่งกายของผู้ชายแล้วการผูกเนคไทไม่ใช่สิ่งที่ยากเย็นอะไร เรียกได้ว่าที่หม่อมยายสั่งสอนมานั้นการผูกเนคไทคือสิ่งที่เธอทำได้ดีและสวยที่สุดก็ว่าได้

สิรดนัยมองความตั้งใจของหญิงสาวแล้วก็เผลอยิ้มออกมา เวลาที่ตฤณรดาตั้งใจทำอะไรสักอย่างเธอมักจะดูสง่างามแล้วน่ามองจนน่าทึ่ง เขารู้สึกอยากมองเธอในเวลานี้ให้นานเท่าที่จะทำได้ “เวลาที่คุณต้องตั้งใจทำอะไรสักอย่างพี่รู้สึกว่าน่ามองมากเลยนะ”

“แล้วเวลาปกติคุณต้องไม่น่ามองเหรอ?” หญิงสาวถามพยายามทำสีหน้าให้ปกติที่สุดแต่ก็รับรู้ได้ถึงใบหน้าที่ที่ร้อนผ่าวของตัวเอง มีใครบ้างไม่เขินหน้าร้อนเมื่อถูกเพศตรงข้ามชมว่าน่ามองยิ่งชมด้วยน้ำเสียงนุ่ม ๆ น่าฟังแบบนี้จะบังคับตัวเองให้นิ่งเฉยได้เหรอ เธอยังไม่ได้ไปเรียนวิชาหน้านิ่งจากท่านอาจารย์สิรดนัยนะ

“ก็น่ามองแต่เวลาจริงจังตั้งใจทำอะไรมันทำให้พี่อยากมองนาน ๆ” คล้ายกับเป็นคำพูดหวานหูที่ผู้ชายใช้เกี้ยวผู้หญิงแต่ตฤณรดาไม่คิดแบบนั้นเพราะเขาคนนี้เป็นคนที่พูดในสิ่งที่คิด เป็นผู้ชายที่พูดตรง ๆ คนหนึ่ง

“บ้า พูดอะไรก็ไม่รู้” สุดท้ายแล้วตฤณรดาก็ห้ามความเขินไม่อยู่จนต้องผละออกแต่สิรดนัยกับรวบร่างบางเข้ามาในอ้อมกอด

“เวลาเขินยิ่งน่ามองเข้าไปใหญ่ พี่คงกำลังบ้าจริง ๆ นั่นล่ะ” เสียงนั้นน่าฟังและบ่งบอกว่าไม่ใช่การพูดเล่นเสียจนตฤณรดาหัวใจเต้นแรงตูมตามไปหมด ให้ตายเถอะหัวใจเธอจะวายกับคำพูดและการกระทำของเขา

ภายในก้อนเนื้อภายในอกซ้ายของคนทั้งคู่กำลังเต้นในจังหวะที่แรงกว่าปกติทั้งคู่ชายหนุ่มก้มลงมองหน้าหญิงสาวในขณะที่หญิงสาวก็มองสบตาชายหนุ่มแต่แล้วบรรยากาศอมชมพูก็ต้องสลายเมื่อเสียงหนึ่งดังขึ้น

“โฮ่ง โฮ่ง” เป็นเลโอนี่ตัวขี้อิจฉาที่เห่าเตือนจนสิรดนัยต้องปล่อยหญิงสาวออกจากการกอดรั้งก่อนจะก้มมองนาฬิกาใกล้เวลาที่เขาสมควรไปส่งตฤณรดาที่แล้ว

“ไปทานข้าวกัน แล้วเดี๋ยวพี่ไปส่งที่บ้านพี่ปืน” ชายหนุ่มเอ่ยบอกก่อนที่จะผ่ายมือเชิญชวนให้หญิงสาวเดินออกจากห้องเพื่อไปที่โต๊ะอาหารในขณะที่ตนคว้าเสื้อตัวนอกสีดำสนิทมาสวมใส่และก้าวตามออกไป

“ทำไมต้องไปส่งที่บ้านพี่ปืนด้วยล่ะ ถ้าเสียเวลาคุณต้องนั่งแท็กซี่ไปเองก็ได้นะ หรือไม่ก็ขับรถไปเองได้แค่ทิ้งกุญแจไว้ให้” หญิงสาวถามและบอกเล่าด้วยความสงสัย เขาไม่อยากไปส่งเธอที่มหาวิทยาลัยหรือเพราะมันเสียเวลาก็ไม่อาจบอกได้แต่ทำไมต้องไปส่งเธอที่บ้านสามีของรมิตาเพื่อนสนิทอีกคนด้วยล่ะ

“ต่อไปถ้าพี่ไม่ว่างไปรับหรือไปส่งเราต้องไปและกลับกับน้องเมย์และพี่ปืน พี่ไม่ไว้ใจเพื่อนคุณต้องกับแฟนเขา เพราะหมอนั่นเป็นเพื่อนสนิทของคนที่เกลียดพี่เอามาก ๆ” สิรดนัยเอ่ยบอกไปตามความจริง เขาสนิทกับสามีของรมิตาและเป็นรุ่นน้องของอีกฝ่าย ถ้าจะไว้ใจเพื่อนคนไหนของตฤณรดาสักคนนอกจากพลอยวารินทร์และปราณธิดาแล้วมีเพียงรมิตาเท่านั้นที่ฝากผีฝากใคร่ได้

“เพื่อนสนิทของคนที่เกลียดพี่สิงห์ งั้นเขาก็เข้ามาใกล้คุณต้องเพราะมีแผนร้ายกว่าการลวนลามน่ะสิ” ตฤณรดาเป็นคนฉลาดเพียงเขาพูดนิดหน่อยก็พอคาดได้

“ก็อาจเป็นไปได้ เพราะหลายปีก่อนพี่เพิ่งบันดานโทสะต่อยเขาไปที่งานเลี้ยงรุ่น” ชายหนุ่มเอ่ยบอกคำพูดนั้นทำให้คนเดินนำหน้าหยุดเดินไปดื้อ ๆ

“ปีนั้นรึเปล่า ที่พี่สิงห์ไปงานเลี้ยงรุ่นแล้วกลับมาไม่พูดไม่จากับคุณต้องอีก” ‘แล้วก็โยนคุณต้องไปไว้บ้านพ่อแม่’ ประโยคแรกเธอถามออกไปแต่ประโยคหลังได้แต่พูดกับตัวเองในใจไม่กล้าจะพูดออกไป

“อืม ปีนั้นล่ะปีที่เราแต่งงานกัน แล้วหมอนั้นก็เป็นต้นเหตุที่พี่ตัดสินใจให้คุณต้องไปอยู่ที่เรือนแสนรักด้วย” เขาบอกด้วยน้ำเสียงไม่ชอบใจเมื่อนึกถึงอดีตก่อนที่จะเดินผ่านหน้าไปที่โต๊ะอาหารโดยไม่พูดอะไรต่อ

ตฤณรดาแม้อยากจะถามให้หายสงสัยในคำพูดแต่ก็ตัดสินใจไม่ถามเมื่อเห็นว่าขืนคุยกันต่อสิรดนัยคงจะไปทำงานสายเป็นแน่จึงตัดสินใจนั่งทานอาหารเงียบ ๆ ก่อนที่จะตามเขาไปที่รถเงียบ ๆ วสันต์ทำหน้าที่ขับรถโดยไม่พูดอะไร เมื่อไม่มีใครพูดภายในรถจึงตกอยู่ในความเงียบ

น่าแปลกที่เธอไม่ชอบความเงียบแต่กลับอยู่ในบรรยากาศเงียบ ๆ นี้โดยไม่อึดอัดแต่อย่างใด เพราะสมองกำลังคิดไปถึงเหตุการณ์เมื่อเช้าอยู่ ทำไมกันหนอตอนนั้นเธอถึงได้ใจเต้นขนาดนั้น

ไลน์!

Soda_Ploywarin24 : คุณต้อง ๆๆๆ

เสียงแจ้งเตือนและข้อความทักมาของคนที่ห่างหายไปหลายวันทำให้ตฤณรดาหยิบขึ้นมาอ่านก่อนจะอมยิ้ม “โซ่ไลน์มา”

Tongta_TS24: ว่าไงคนเงียบ2018 หายไปจากหน้าไลน์เราตั้งนาน

Soda_Ploywarin24: นานอะไรแค่ไม่กี่วันเอง ทำงอนไปได้

Tongta_TS24: แล้วไง หายไปไหนมา

Soda_Ploywarin24: ให้ทาย?

Tongta_TS24: ไปง้อพี่กลางหรา...

Soda_Ploywarin24: โน ๆ ผิดจ๊ะคุณเพื่อน

Soda_Ploywarin24: งั้นเปลี่ยนคำถามดีกว่า ทายสิตอนนี้เราอยู่ไหน

Tongta_TS24: ก็ปารีสไง

Tongta_TS24: หรือไม่ใช่?

Soda_Ploywarin24: ไม่ใช่...

Soda_Ploywarin24: ตอนนี้เราอยู่...

Tongta_TS24: อยู่?

Soda_Ploywarin24: อยู่นี่

Soda_Ploywarin24: ส่งรูป(เรือนแสนรัก)

Tongta_TS24: นั่นเรือนแสนรัก นี่ตัวกลับไทยเหรอ

Soda_Ploywarin24: ช่าย ถึงเมืองไทยตอนเที่ยงคืน เช้านี้เลยรีบทักหาเลยได้ข่าวว่า...

Soda_Ploywarin24: บางคนกลับไปอยู่กับพี่สิงโตแล้ว

Tongta_TS24: อะไรเนี่ย ทำไมอยู่ ๆ ตัวกลับไทยล่ะ แล้วเรื่องเรียนล่ะ

Soda_Ploywarin24: เราจะกลับมาเรียนต่อที่ไทย

Tongta_TS24: ทำไม

Soda_Ploywarin24: ไว้ค่อยบอกตอนเย็นล่ะกัน เดี๋ยวเข้าไปหาที่เรือนอุ่นรัก ฝากบอกพี่สิงโตด้วย

Soda_Ploywarin24: ยังง่วงอยู่เลย นอนแป๊บนะ ไว้คุยตอนเย็น

Tongta_TS24: อือ ไว้คุยกัน ตอนเย็นจะซักให้ขาวทุกอะณูเลย

“พี่สิงห์คะ โซ่กลับไทยเมื่อคืนอะ” หญิงสาวหันบอกคนข้างกายก่อนจะยืนสมาร์ทโฟนให้เขาอ่านแทนที่จะพูดตัวอักษรอธิบายกับเขาได้ดีกว่าคำพูดล่ะนะ

“เกิดอะไรเนี่ย” คนเป็นพี่ได้แต่ขมวดคิ้วที่อยู่ ๆ น้องสาวซึ่งจากบ้านไปเรียนต่อตั้ง3ปีกลับบ้านมาทั้งที่ยังเรียนไม่จบ “หรือนายกลางตีหน้าเศร้าให้กลับมา”

“เดี๋ยวตอนเย็นก็รู้เองล่ะ แต่ตอนนี้ถึงบ้านพี่ปืนแล้วค่ะ” หญิงสาวบอกก่อนที่คนทั้งคู่จะเปิดประตูรถลงไป สิรดนัยเข้าไปคุยกับรุ่นพี่หนุ่มนามว่าปถวีก่อนที่จะฝากฝังให้ช่วยเป็นหูเป็นตาให้ ปถวีและรมิตาพยักหน้ารับก่อนที่รมิตาจะเข้ามาขอโทษตฤณรดาที่สนใจสามีหนุ่มมากกว่าจนเกิดเรื่องขึ้นกับเธอ ปถวีตบไหล่สิรดนัยก่อนที่จะเปิดประตุรถให้สองสาวเข้าไปนั่งเป็นอันรู้กันว่าไม่ต้องห่วง ปถวีจะไม่ปล่อยผ่าน

“ตอนเย็นพี่ไปส่งที่บ้านนายเลยแล้วกัน วันไหนจะไปส่งเองก็ไลน์มาบอกกันก่อนล่ะ” ปถวีบอกก่อนที่จะขับรถออกไป สิรดนัยมองตามก่อนจะถอนหายใจอย่างโล่งอก สองสามีภรรยาคู่นี้คงไม่ปล่อยให้ใครมารังแกตฤณรดาหรอก และอีกหน่อยก็คงมีแม่ระเบิดนิวเคลียร์น้อยเข้ามาช่วยดูแลตฤณรดาอีกแรง เขาพอจะหายใจได้โล่งอกขึ้นบ้าง...หรืออาจจะต้องกุมขมับก็ไม่รู้สินะ

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel