บทที่15 ใบหน้าบึ้งตึงของเพื่อนสนิท
บริษัท สายการบิน ซันชายเอสทีแอร์ไลน์จำกัด
“บอสมาแล้ว” เสียงของเลขานุการหนุ่มที่เอ่ยอย่างดีใจเมื่อสิรดนัยมาถึงบริษัทสายการบินซันชายเอสทีแอร์ไลน์จำกัดทำให้สิรดนัยต้องส่ายหน้าอย่างละเหี่ยเพลียใจ ปราบภัยเป็นรุ่นน้องคนสนิทสมัยมัธยมชายหนุ่มจึงเลือกให้มาเป็นเลขานุการแต่พอทำงานจริง ชายหนุ่มกับต้องทนกับเสียงเจื้อยแจ้วพูดมากของอีกฝ่าย ปราบภัยน่ารำคาญกว่าตัวแสบขี้แกล้งอย่างตฤณรดาเมื่อก่อนเยอะเลยล่ะ แต่เขากับหมอนี่ก็หนีกันไม่พ้นสักที สงสัยกรรมต่อกันจะหนักเขาจึงต้องทนฟังความพูดมากของนายคนนี้ทุกเมื่อเชื่อวัน
“ปราบภัย เงียบ! ตอนนี้พี่ยังไม่อยากรู้อะไรในบริษัท”เสียงทุ้มเอ่ยบอกอย่างเรียบ ๆ แต่เลขานุการหนุ่มหาได้หยุดไม่ยังคงพูดนั้นพูดนี่ให้ผู้เป็นนายฟังไปเรื่อย ทั้งเรื่องของแฮร์สาวที่แอบคุยกันเรื่องผู้บริหาร ทั้งเรื่องของนักบินที่คุยกันเรื่องแอร์ ทั้งเรื่องพนักงานทั่วไป ใครรักคนนั้น คบกับคนนี้ ปราบภัยรู้เมื่อไหรบอกเขาเมื่อนั้น
“งานเรียบร้อยดีมั้ย น้ำริน” หลังจากฟังเลขานุการหนุ่มอยู่นานจนรำคาญแถมยังไร้สาระผู้บริหารหนุ่มจึงหันมาถามเลขานุการสาวของเขาแทน
“เรียบร้อยค่ะบอส” น้ำรินเลขานุการสาววัย26เอ่ยบอก เธอและปราบภัยเป็นรุ่นน้องสมัยมัธยมของผู้บริหารหนุ่มเหมือนกันและยังเรียนห้องเดียวกันทำให้ทั้งคู่ทำงานด้วยกันได้ดี น้ำรินเป็นคนเงียบและเงียบจนน่าใจหายเมื่อเทียบกับคนพูดมากอย่างปราบภัยแต่เวลาทำงานทั้งสองก็ทุ่มเทกับงานเป็นอย่างมาก
“แล้วรวิล่ะ” สิรดนัยเอ่ยถามถึงผู้ช่วยเลขานุการสาวอีกคนที่เพิ่งรับเข้าทำงานได้สามปี เพราะปราบภัยพูดมากในขณะที่น้ำรินประหยัดคำพูดผู้บริหารหนุ่มจึงต้องเปิดรับผู้ช่วยเลขานุการมาช่วยอีกคนโดยมีเงื่อนไขว่าจะต้องไม่เงียบเกินไปและไม่พูดมากเกินไปจึงได้รวิสามา และเหมือนว่าเมื่อทั้งสามอยู่ด้วยกันมันช่างพอดีและลงตัวตามที่เขาคาดไว้
“มาแล้วค่ะ รวิมาแล้วนี่ขนมของเจ้ ข้าวเช้าของเฮีย และรายงานลับและผลไม้ของบอส” เสียงของรวิสาดังมาจากหน้าห้องทำให้สิรดนัยแอบโล่งใจ แน่สิขาดคนกลางแบบรวิสาแล้วคงน่ารำคาญมาก รวิสายื่นของในมือให้เลขานุการทั้งสองก่อนจะตั้งเอกสารกับจานผลไม้ลงบนโต๊ะ
“ขอบใจมากรวิ” ชายหนุ่มเอ่ยบอกพึมพำก่อนจะสนใจสิ่งที่ผู้ช่วยเลขาสาวยื่นมาให้
“ไม่มีใครสงสัยใช่ไหม” สิรดนัยเอ่ยถามหลังจากอ่านรายงานเกี่ยวกับพนักงานทุกคนของบริษัทรวมถึงนักบินและแอร์โฮสเตสย์ด้วย
ทุกคนอาจจะคิดว่าปราบภัย น้ำริน และรวิสาเป็นแค่เลขานุการและผู้ช่วยแต่จริง ๆ แล้วทั้งสามยังได้รับคำสั่งลับคอยเป็นหูเป็นตาให้เขาโดยอาศัยความปากมากในการเข้าไปพูดคุย ความเงียบเข้าไปเก็บเรื่องราวที่เกิดขึ้น และความพอดีเข้าไปร่วมในวงสนทนาอย่างไม่มีพนักงานคนไหนสงสัยแม้แต่น้อย สิรดนัยอาจจะดูขรึมไม่สุงสิงกับใครแต่ถ้าใครได้รู้จักและสนิทจะรู้ว่าเขานั้นซ่อนเขี้ยวเล็บไว้อย่างแนบเนียนและมีความคิดวางแผนระยะยาวเรียกได้ว่าเก่งไม่แพ้ผู้เป็นพ่อเลยสักนิด
“นี่ใคร รวิเชียวนะไม่มีใครสงสัยหรอกบอสเชื่อใจได้” รวิสาเอ่ยบอกอย่างมาดมั่น ถึงเธอจะทำงานกับสิรดนัยน้อยกว่าอีกสองคนแต่ก็รู้จักกันมานานพอ ๆ กับปราบภัยและน้ำรินเลยทีเดียวดังนั้นไม่แปลกที่หญิงสาวจะได้รับความไว้ใจไม่ต่างกับอีกสองคน
“โอเค ทั้งสามคนไปทำงานได้แล้ว เที่ยงนี้เดี๋ยวพาไปเลี้ยงข้าว” สิรดนัยเอ่ยบอกก่อนจะก้มหน้าก้มตาอ่านเอกสารบนโต๊ะอย่างไม่สนใจเลขาและผู้ช่วยอีก สองเลขานุการกับหนึ่งผู้ช่วยมองดูเจ้านายก่อนจะยิ้มออกมาอย่างไม่ได้นัดหมายก่อนจะพากันออกไปนั่งประจำโต๊ะประจำของตัวเองซึ่งอยู่หน้าห้อง
ไม่นานหลังจากนั้นร่างคุ้นตาของใคนบางคนก็ปรากฏตัวก่อนจะเปิดประตูเข้าไปในห้องของผู้บริหารหนุ่มด้วยใบหน้าบึ้งตึง
“ทำแต่งานขนาดนี้แต่งกับงานเลยไหมครับท่านผู้บริหาร”แต่กระนั้นแล้วคำพูดคำจาของคนมาใหม่ก็ยังยียวนกวนประสาทเหมือนทุกครั้งที่ได้ยิน
“ว่างมากเหรอ? ” ผู้บริหารหนุ่มเองถามคนมาใหม่ก่อนจะหันกลับมาสนใจงานตรงหน้าจนคนมาใหม่ได้แต่สายหน้าอย่างเอือมระอา
“อะไรวะเพื่อนอุตส่าห์มาหาพูดสามคำแล้วก็สนใจงานเนี่ยนะ เป็นหุ่นยนต์หรือมนุษย์หินวะ” กวินดนัย วรเวช หรือกลาง เจ้าของสนามรถแข่งและสปอร์ตคลับชื่อดังเอ่ยถามเพื่อนรักอย่างน้อยใจไม่จริงใจนัก เพราะรู้จักเพื่อนรักดี
“มาทำไม?” เสียงจากมนุษย์หินเอ่ยถามโดยหาได้ใส่ใจคำตัดพ้อก่อนหน้านี้ของเพื่อน “แล้วกลับจากปรารีสเมื่อไหร? พร้อมน้องโซ่เหรอ? นายไปทำอะไรน้องฉันถึงกลับไทย?”
“ว่าไง?” สิรดนัยถามย้ำอีกครั้งพร้อมละสายตาจากงานมาจ้องอย่างจับผิด เขาถามไปตรง ๆ โดนไม่แม้จะเกริ่นนำเพราะสำหรับเรื่องน้องสาวแล้วเขาไม่ชอบอ้อมค้อม
“เฮ้ย! นายเนี่ยนะ” กวินดนัยเอ่ยบ่นก่อนจะเอ่ยบอกจุดประสงค์ที่มาหลังจากเห็นสายตาเอาเรื่องของเพื่อนสนิท “กลับเมื่อคืนพร้อมกับโซ่ แต่ฉันไม่ได้เป็นคนทำให้โซ่กลับมานะ เขาตัดสินใจของเขาเอง”
“ทำไม เกิดอะไรขึ้น?”
“เขาอึดอัดเพราะว่าเพื่อนเขายุยงให้ตกลงคบกับเพื่อนผู้ชายที่สนิทกัน แล้วไอ้หมอนั่นก็แอบวางยาโซ่ แต่ฉันไปช่วยไว้ได้ทัน โซ่เลยซึมไปเลยที่หมอนั่นทำแบบนั้นไม่นานหมอนั่นก็มีข่าวทำผู้หญิงท้องโซ่เลยยิ่งซึมไปใหญ่ ฉันก็เลยถามเขาว่า ไหวไหม ไม่ไหวกลับบ้านเรารึเปล่า ใครจะคิดว่าเขาจะตัดสินใจกลับมาจริง” กวินดนัยเอ่ยบอกก่อนที่จะถอนหายใจพรืด “ดูเหมือนโซ่ก็มีใจให้หมอนั่นนะ แต่ผิดหวังที่หมอนั่นวางยาและทำผู้หญิงท้อง”
อย่างนี้เองสีหน้าของกวินดนัยถึงได้บึ้งตึงนัก สิรดนัยได้แต่ลอบส่ายหน้าน้อย ๆ ก่อนที่จะไม่พูดไม่ถามอะไรอีก กวินดนัยไม่ได้มาเพื่อพูดให้เขาปลอบใจ เจ้านี่แค่ชอบมานั่งที่นี่ให้สบายใจขึ้นก็เท่านั้น เขารู้ว่ากวินดนัยรักน้องเขาจริง ๆ รักมานานแล้วการที่คิดว่าคนที่ตัวเองรักชอบคนอื่นมันคงจะทำให้เจ้าคนนี้เสียใจมากจริง ๆ
กวินดนัยนั่งนิ่งก่อนจะจมไปกับความคิดถึงอดีตเมื่อหลายปีก่อนที่เขาได้พูดจาเปิดเผยใจตัวเองให้น้องสาวเพื่อนได้รับรู้แล้วเหมือนเธอก็คิดตรงกัน
3ปีก่อน
ภายในสวนหลังเรือนอุ่นรักซึ่งถูกจัดเป็นสถานที่จัดงานในช่วงค่ำเต็มไปด้วยแขกเหรื่อมากหน้าหลายตา บรรยากาศในสวนนั้นทั้งร่มรื่นและหอมกลิ่นดอกไม้อ่อนๆตลบอบอวลแลดูผ่อนคลายกว่างานไหนๆไม่ทำให้แขกในงานเบื่อหน่ายแม้บางคนจะมาก่อนเวลางานเกือบครึ่งชั่วโมง วันนี้เป็นวันแต่งงานของตฤณรดากับสิรดนัยและปานมุกกับเตชินทร์หลากหลายคนจับจ้องการแต่งงานสายฟ้าแล่บของสองคู่นี้พอสมควรไม่เว้นแม้แต่นักข่าว
“พี่กลาง ถ่ายรูปให้หน่อยซิ”น้ำเสียงคล้ายสั่งกลายๆของเด็กสาวในชุดราตรีสีชมพูอ่อนทำให้กวินดนัยต้องกรอกตามองฟ้า ความจริงเขาก็แค่อยากมาแสดงความยินดีกับเพื่อนสนิทและพูดคุยกับแก๊งเพื่อนเท่านั้นแต่แล้วมารดาของเพื่อนก็โยนตำแหน่งเพื่อนเจ้าบ่าวมาให้พร้อมกับโยนเพื่อนเจ้าสาวมาให้อยู่ในความดูแลจนกว่าจะจบงานซะได้ มันจะไม่อะไรเลยถ้าเพื่อนเจ้าสาวคนนี้ไม่ใช่พลอยวารินทร์ ยัยเด็กแสบจอมซนยิ่งกว่าลิงคนนี้
“เร็วดิพี่ เดี๋ยวงานก็เริ่มก่อนพอดี” ยัยเด็กแสบเอ่ยบอกพร้อมยื่นกล้องถ่ายรูปดิจิตอลมาให้เพื่อนสนิทพี่ชายผู้ทำหน้าที่เพื่อนเจ้าบ่าวและผู้ดูแลกิตติมศักดิ์ของเธอในวันนี้
กวินดนัยรับกล้องมาอย่างจำยอมก่อนที่จะถอนหายใจ ใครใช้ให้เขาไปเป็นเพื่อนกับสิรดนัยกันล่ะ
“ขอบคุณค่ะพี่ชาย” พลอยวารินทร์บอกก่อนที่จะฉีกยิ้มโพสต์ท่าชี้นิ้วไปทางเวทีให้กวินดนัยได้ถ่ายภาพ
กว่าที่เด็กสาวจะพอใจก็ปาเข้าไปหลายสิบรูปแล้ว
แต่เหมือนว่าความพอใจของพลอยวารินทร์จะไม่ได้จบแค่นั้นเมื่อเด็กสาวรั้งกวินดนัยไว้และยังขอความช่วยเหลือจากเพื่อนพี่ชายอีกคนอย่างเมฆินทร์ “เดี๋ยวๆพี่กลาง ถ่ายรูปด้วยกันก่อนซิ พี่เมฆคะ ช่วยถ่ายให้หน่อยจิ”
“โอเคค่ะ มาเดี๋ยวพี่ถ่ายให้” เมฆินทร์หรือเมฆหนึ่งในเพื่อนเจ้าบ่าวรับอย่างไม่เกี่ยงงอนก่อนที่จะรับกล้องมาเตรียมถ่าย “เอ้าไอ้กลาง ยิ้มหน่อยซิวะ ทำหน้าแบบนี้ไม่ดีนะเว้ย”
“หุบปาก มีหน้าที่ถ่ายก็ถ่ายไป” กวินดนัยบอกก่อนที่จะยิ้มแยกเขี้ยว พลอยวารินทร์มองก่อนที่จะยิ้มเจ้าเล่ห์แล้วผละไปยืนด้านหลังอีกฝ่ายเกือบเมตร
“เตรียมถ่ายนะคะพี่เมฆ” เด็กสาวบอกก่อนที่จะวิ่งไปกระโดดขี่คอกวินดนัยอย่างแรงแล้วยิ้มขำ เมฆินทร์ที่พอรู้จังหวะเก็บภาพเหล่านั้นไว้ทันทีแล้วก็ได้แต่หัวเราะเมื่อยัยตัวเล็กของสิรดนัยยังไม่ยอมลงจากหลังของกวินดนัย
“ถอยเว้ย ฉันอยากเก็บภาพนี้” เสียงหนึ่งดังขึ้นด้านหลังทำเอาเมฆินทร์สะดุ้งนิดๆก่อนที่จะยื่นกล้องไปให้คนมาใหม่อย่างอาทิตยะหรือแบงก์เพื่อนสนิทอีกคนแต่ก็ดึงมือกลับเมื่อเห็นกล้องที่ห้อยคอคนมาใหม่ เขาลืมไปว่าอาทิตยะเป็นคากล้องงานแต่งเพื่อนทั้งทีมันต้องเอากล้องมาเก็บภาพไว้อยู่แล้ว
อาทิตยะเก็บภาพพลอยวารินทร์และกวินดนัยที่คนหนึ่งบ่นงึมงัมแต่อีกคนกลับยิ้มร่าและหัวเราะไว้ด้วยมุมมองอย่างมืออาชีพ
“นายจะถ่ายไว้ทำไมวะไอ้แบงก์” คนโดนถ่ายเหลือบมาเห็นก่อนจะถาม
อาทิตยะยิ้มกว้างก่อนที่นะบอกออกไปอย่างภูมิใจ “ก็เก็บไว้เปิดในงานแต่งแกกับน้องโซ่ไง ฮาฮาฮ่า”
“ไอ้บ้า ใครจะไปแต่งกับยัยลิงนี่กัน ไม่มีทางเว้ย” เจ้าของสนามรถแข่งพ่วงตำแหน่งเจ้าของสปอร์ตคลับตะโกนบอกอย่างหงุดหงิด
“ก็แกนั่นแหละ ใครก็รู้ว่าพ่อแกน่ะมาขอหมั้นน้องโซ่ไว้ให้แกตั้งแต่น้องอายุ12แล้ว” อาทิตยะเอ่ยแล้วก็ยักไหล่ เขาไม่ได้โกหกพกลมสักนิด ก็คนคู่นี่น่ะถึงดูเหมือนไม่อะไรแต่ความจริงแล้วก็เป็นคู่หมั้นคู่หมายกันมาตั้ง5ปี
กวินดนัยหมดคำจะพูด อาทิตยะพูดความจริง เขากับพลอยวารินทร์ถูกผู้ใหญ่หมั้นหมายกันไว้ตั้งแต่ยัยตัวแสบเพิ่งจบประถมโน่นแหนะ และนี่ล่ะสาเหตุที่วันนี้คุณแพรวารินทร์ถึงได้โยนเพื่อนเจ้าสาวมาให้เขาคอยดูแล
“หมั้นได้ก็ถอนหมั้นได้นิคะพี่แบงก์ ใครจะรู้อีกปีสองปีพี่กลางอาจจะถอนหมั้นแล้วไปแต่งงานก็ได้ เขาไม่ได้เต็มใจจะหมั้นสักหน่อย” พลอยวารินทร์แทรกขึ้นก่อนที่จะเดินไปรับกล้องจากเมฆินทร์แล้วเดินผละออกไป
“น้องโซ่งอนแล้ว ไปง้อดิวะ” เมฆินทร์เอ่ยเตือนเมื่อเห็นกวินดนัยยังคงยืนงง
“งอนอะไรวะ” คนโดนคู่หมั้นงอนถามขึ้น เขาไม่รู้จริง ๆว่าอีกฝ่ายจะมางงมางอนอะไรเขา
"มีใครจะรู้สึกดีวะถ้าคู่หมั้นทำหน้าไม่ยินดีเวลาพูดเรื่องนี้ นอกจากน้องเขาจะไม่มีใจล่ะเขาถึงจะยังเฉยๆได้” อาทิตยะบอกก่อนที่จะยิ้มน้อย ๆเมื่อกวินดนัยก้าวตามพลอยวารินทร์ออกไป
ชายหนุ่มเดินตามคู่หมั้นสาวไปติด ๆ พลางใช้มือคว้าแขนคนขี้งอนไว้
“ปล่อยเลยนะ ตามมาทำไม” เธอพูดอย่างแสนงอนพร้อมทำท่าสะบัดให้หลุดจากการเกาะกุม
“ก็แม่แพรให้ดูแลตลอดเวลานิ ก็ต้องตามมาดิ”
“ไม่ต้องตามก็ได้ โซ่จะไปหาแม่แพรแล้ว”
“โกรธอะไร ทำไมเดินหนีมาดื้อ”
“ไม่ได้โกรธ แค่คิดว่าไปอยู่กับพ่อเสือแม่แพรดีกว่า”
“โกรธที่พี่บอกว่าไม่แต่งด้วยก็บอกมาเถอะ อย่าปากแข็ง”
“เปล่าปากแข็งซะหน่อย”
“หราาา งั้นชิมหน่อยปากไม่แข็งจริงเปล่า” ว่าแล้วร่างบางก็ถูกกระชากเข้ามาในอ้อมแขนก่อนที่ใบหน้าหล่อเหลาจะก้มลงจุมพิตริมฝีปากเคลือบลิปสติกสีชมพูอ่อนโดยไม่รีรอ ค่อยๆชิมปากน้อย ๆที่ปากแข็งบอกว่าไม่ได้ปากแข็ง ไม่ได้โกรธแต่กลับเดินหนีเขาออกมา
“ปากไม่แข็งแหะ ออกจะหวาน” กวินดนัยเอ่ยเมื่อถอนปากออกจากความอ่อนนุ่มที่ปกติจะขยับพูดเจือยแจ้ว
“คนบ้า ปากโซ่ไม่ใช่ของเล่นนะ นึกจะจูบก็จูบแบบนี้เหรอ คนบ้า ไม่รักเขาก็อย่ามาจูบเขาซิ” คนเพิ่งได้อิสระต่อว่าน้ำตาคลอ ที่ผ่านมาเธอก็ชอบเพื่อนพี่ชายคนนี้มาตลอดแต่เขามักจะกวนประสาทแล้วก็คบผู้หญิงคนอื่นราวกับไม่ได้สนใจเธอสักนิด แล้ววันนี้จะมาสนใจกันทำไม่เล่า
“ใครว่าไม่รัก รักไม่ได้ต่างหาก อยากรักอยากกอดจะตายไป” กวินดนัยเอ่ย “วันนี้พี่จูบมัดจำ ไว้เรียนจบไอ้สิงโตมันหันไปสนใจเมียมากกว่าน้องพี่จะยกขันหมากมาขอ จะพูดคำที่โซ่อยากฟังมากที่สุดด้วย แต่กว่าจะถึงวันนั้นอย่าให้พี่ผิดสัญญากับสิงโตเลย พี่ไม่อยากเสียเพื่อนจนมองหน้ากันไม่ติด”
หลังพูดจบกวินดนัยก็ผละออกแล้วเดินจากไปเหลือแต่ความงุนงงไว้ให้แก่คนตัวเล็ก เธอไม่เข้าใจ ไม่เข้าใจเลย แต่เขาหนีแบบนี้เธอก็จะตาม ตามตื้อจนเขาอธิบายมาให้เข้าใจ เพื่อนพี่ชายผู้กวนประสาทที่สุดในโลกจะต้องยอมแพ้น้องสาวเพื่อนอย่างเธอ
“พี่กลาง กลับมาอธิบายก่อนเซ”
“อย่าตามมา” คนเดินหนีเอ่ยบอกก่อนที่ต้องหยุดเดินเมื่อมองไปเห็นภาพเบื้องหน้า ให้ตายเถอะเขาเดินมาผิดที่ผิดทางแถมผิดเวลาใช่ไหม
“ฉันขอตัวเข้าไปข้างไหนก่อนนะคะ”เสียงที่ดังขึ้นเป็นเสียงของหนึ่งในสองคนเบื้องหน้าเขา เธอคือวรรณวสาผู้เป็นเพื่อนเจ้าสาวของปานมุก ร่างของหญิงสาวเจ้าของร้านกาแฟเดินออกไปแล้วแต่อีกคนยังยืนนิ่งอยู่ สายตาคู่คมมองตามร่างบางไปก่อนที่จะหันมามองกวินดนัยตาเขียวปัด
“พี่กลางครับ เข้ามาทำอะไรตอนนี้ครับ” มันเป็นคำถามจากเจ้าของดวงตาเขียวปัด แต่คนโดนถามได้แต่ยิ้มแหย เขาเคยคิดนะว่าในบรรดาพี่น้องของสิรดนัยคนตรงหน้านี่ล่ะสุภาพและใจดีที่สุดแต่ตอนนี้เขาต้องมองใหม่เสียแล้วลูกเสือย่อมเป็นเสือ สัณหณัฐต่อให้นิ่งแค่ไหนเวลาไม่พอใจก็น่ากลัวไม่ใช่เล่น
“พี่เพื่อนทำไมทำหน้าแบบนั้นอะ ไม่เอาจิ พี่เพื่อนยังไม่พลาดโอกาสสักหน่อย ตามเข้าไปจิ” ดั่งสวรรค์เมตตากวินดนัยที่พลอยวารินทร์อันเป็นที่รักของบรรดาพี่ชายอยู่ตรงนี้ด้วยไม่งั้นเขาคงต้องโดนดีแน่
“ตะ ตามแล้วก็หาเรื่องคุยกับเขาสินายเพื่อน”
“ใช่แล้วค่ะ อย่าปอดแหกสิพี่เพื่อน”
“ตามเข้าไป หาเรื่องคุย โอเค”ราวกับเป็นการเอ่ยทวนและบอกตัวเองเสียมากกว่า ต่อจากนั้นคนแอบหลงรักเพื่อนเจ้าสาวก็เดินกลับเข้าไปภายในงานที่ตอนนี้บนเวทีเจ้าบ่าวและเจ้าสาวทั้งสองคู่กำลังให้สัมภาษณ์กับพิธีกรบนเวทีอยู่
“พี่กลาง” เด็กสาวเอ่ยเรียกแต่กวินดนัยกลับเงียบไม่ตอบ พลอยวารินทร์เองก็นิ่งคิดตัดสินใจไปพักใหญ่ก่อนที่จะเอ่ยออกมาในที่สุด
“ถ้าไม่บอกตอนนี้ก็ไม่เป็นไร โซ่จะรอนะ” พูดจบเด็กสาวก็วิ่งเข้าไปในงานซึ่งในขณะนี้ตฤณรดาและปานมุกกำลังจะโยนช่อดอกไม้เสี่ยงทายว่าใครจะเป็นเจ้าสาวคนต่อไป
ตุบ
“โอ๊ย” “โซ่!” เสียงร้องของพลอยวารินทร์ดังขึ้นก่อนที่เสียงเรียกของกวินดนัยจะดังขึ้น ทุกสายตาหันมามองบ้างก็ตบมือยินดี บ้างก็ยิ้มขำ บ้างก็หัวเราะจนคนร้องโอ๊ยนึกสงสัย อะไรกันเธอก็เดินอยู่ดี ๆอะไรก็ไม่รู้ตกลงมาใส่หัวก็เท่านั้นเอง จำเป็นต้องตบมือด้วยเหรอ
“แหม เจ้าสาวครับโยนลงตรงหัวน้องเจ้าบ่าวขนาดนี้บ้านสัตยบดินทร์มีแววมีข่าวดีเร็วๆนี้รึเปล่าครับ” พิธีกรหนุ่มบนเวทีเอ่ยแซว ตอนนั้นเองที่พลอยวารินทร์ได้รู้ว่าไอ้อะไรก็ไม่รู้ที่มันตกมาใส่หัวเธอนั่นน่ะมันคือดอกไม้ที่ตฤณรดาโยนลงมาจากบนเวที
“เจ็บไหมโซ่” น้ำเสียงห่วงใยถามส่งมาให้ในขณะที่พลอยวารินทร์ไม่ได้ตอบแต่หันไปจ้องเจ้าช่อดอกไม้ที่ตกอยู่ข้างๆตาเขม่น ‘หน็อยแหนะบังอาจมาทำให้เธอเจ็บ’
มือบางยื่นไปหยิบช่อดอกกุหลาบขาวแสนสวยขึ้นมาแล้วหันไปมองบนเวที "มันเจ็บนะคุณต้องงงง"
“เราไม่รู้ ไม่คิดว่าจะลงหัวตัวอ่า” เจ้าสาวตอบมาก่อนเสียงหัวเราะครื้นเครงจะเกิดขึ้นจากนั้นพิธีกรจึงดึงทุกคนกลับสู่บรรยากาศงานวิวาห์
“เอาล่ะครับ เรารู้กันแล้วนะครับว่าดอกไม้จากน้องต้องตาตกไปอยู่ในมือน้องโซ่ซึ่งเป็นน้องสาวเจ้าบ่าวแล้วดอกไม้ของน้องมุกล่ะครับ ใครคือเจ้าสาวคนต่อไปอีกคนกันน๊า แสดงตัวหน่อย”
“นั่นค่ะๆ พี่เพื่อนได้” เสียงตะโกนตื่นเต้นดังมาทำให้ทุกสายตาหันไปมองที่สัณหณัฐผู้ได้รับดอกไม้อีกช่อเป็นตาเดียว
คนได้ดอกไม้ทำอะไรไม่ถูกไปชั่วขณะก่อนมือหนาจะยื่นช่อดอกไม้ไปทางวรรณวสาที่ยืนอยู่ข้างๆ “ให้คุณครับ”
ฮิ้ว
“เอๆ ยังไงเนี่ย เห็นทีไม่แน่บ้านสัตยบดินทร์คงมีข่าวดีเพิ่มอีกข่าวในเร็วๆนี้แน่” ไม่วายโดนพิธีกรแซวอีกคน
ด้านวรรณวสานั้นมีแต่ความงุนงงก่อนที่จะยื่นมือไปรับดอกไม้ช่อนั้นไว้อย่างเสียมิได้ ส่วนคนให้นั้นเบือนหน้าหนีจากสายตาสงสัยของหญิงสาวด้วยความเก้อเขิน
หลังจากได้ช่อดอกไม้เขาก็ได้รับรู้ว่าพลอยวารินทร์สอบได้ทุนไปเรียนต่อที่กรุงปารีส ผู้เป็นพ่อของเขาและคุณพงศ์พยัคฆ์กลัวว่าเด็กสาวจะไปคว้าแฟนฝรั่งกลับมาฝากจึงมัดมือชกให้เขาแต่งงานกับเธอ แต่เพราะหลายอย่างยังไม่เคลียร์ชัดเจนทำให้ความห่างไกลมีผล เธอหวั่นไหวกับผู้ชายคนอื่นไปแล้ว เขาจะทำอย่างไรให้เธอหันมามองเขากันนะ
ใบหน้าบึ้งตึงหม่นหมองของเพื่อนสนิททำให้สิรดนัยไม่มีสมาธิกับงานที่กำลังทำอยู่ ชายหนุ่มหยิบแผ่นกระดาษขึ้นมาขีด ๆ เขียน ๆ ก่อนจะเอ่ยชวนเพื่อน “มาเล่นxoแก้เครียดกัน”
“เอาดิ” กวินดนัยตอบก่อนที่คนทั้งคู่จะผลัดกันเล่นเกมที่เรียกกันว่า xo แม้ว่ากวินดนัยจะรู้ว่าไม่มีทางชนะคนเป็นเพื่อนที่มันสมองระดับอัจฉริยะได้แต่มันก็ดีกว่าการนั่งใช้สมองคิดแต่เรื่องผู้หญิงล่ะนะ
เกม xo นั่นถือเป็นเกมใช้สมองประเภทหนึ่งที่ระยะเวลาในการเล่นไม่ได้มากมายแต่ก็ทำให้เพลิดเพลินและพัฒนาระบบสมองได้ดีกว่าการนั่งหน้าเครียดเรื่องความรักเยอะ สิรดนัยจึงเลือกเกมนี้ขึ้นมาชวนให้เพื่อนสนิทล่ะความสนใจจากเรื่องของพลอยวารินทร์มาสนใจเกมแทน อย่างน้อยก็ชั่วระยะเวลาหนึ่งที่กวินดนัยจะไม่กลับ และเป็นชั่วระยะเวลาหนึ่งเช่นกันที่เขาจะได้ไม่ต้องกระวนกระวายถึงแต่ใครบางคนที่ตอนนี้คงยังเรียนอยู่ เขากำลังคิดถึงตฤณรดาในเวลาทำงาน คิดถึงใบหน้าเขินอายเมื่อเช้าที่ผ่านมา
