บทที่ 5
“ขอบใจจ้ะน้องสร้อย” เสียงอบอุ่นเอ่ยบอก ปิติญาดาเป็นเจ้านายที่ไม่ดุเดือดแต่ไม่อ่อนไหว ยอมทุกอย่างเสมอไป หญิงสาวเรียนรู้จากการทำงานที่นี่ว่าพนักงานแต่ละคนนิสัยเป็นอย่างไร บางคนต้องให้คอยบอก คอยสอน คอยจับจ้องถึงจะทำงาน แต่บางคนแทบไม่ต้องพูดก็เข้าใจหน้าที่ความรับผิดชอบของตัวเอง หนึ่งในกลุ่มคนอย่างหลังนั่นคือเลขาของเธอคนนี้
ความที่เธอเป็นหญิงสาวรุ่นใหม่ไฟแรง การก้าวขึ้นมาเป็นผู้จัดการแผนกทั้งๆ ที่อายุไม่ถึงสามสิบปีด้วยซ้ำ ทำให้พนักงานเก่าบางคนก็เขม่นไม่ชอบขี้หน้าที่อยู่ๆ เธอก็กลายมาเป็นเจ้านายพวกเขา ดีมาจากไหนคนเหล่านั้นก็ไม่เปิดใจ แรกๆ หญิงสาวก็ทำอะไรไม่ถูกเหมือนกัน แต่เธอก็ค่อยๆ ปรับตัว จนในที่สุดสถานการณ์อึมครึมก็ผ่านไปได้
“พี่น้ำมนต์จะลาออกจริงๆ เหรอคะ” คำถามของสร้อยสุดา ทำให้ปิติญาดาสะดุดนิดหน่อย เพราะเรื่องนี้เธอกำชับกับฝ่ายบุคคลไปแล้วว่าอย่าพึ่งบอกใครจนกว่าจะถึงเวลา ตอนนี้จึงเฉไฉไปก่อน
“เปล่านี่...สร้อยรู้เรื่องนี้มาจากไหน”
“ก็...เพื่อนสร้อยที่ฝ่ายบุคคลบอก” ได้ยินแบบนี้ปิติญาดาถึงกับส่ายหน้าให้ทันที ก่อนจะวางมือจากงานที่ทำพร้อมถอนหายใจออกมาดังเฮือก แล้วเงยหน้าขึ้นสบตาเลขาของเธอ
“เฮ้อ! คนที่นี่ บอกให้ปิดเป็นความลับแท้ๆ แต่กลับปิดไม่ได้ซะอย่างนั้น” เรื่องที่สร้อยสุดารู้เรื่องนี้นั้น ปิติญาดาเดาเอาไว้แล้วว่าต้องมีสักวันที่ความลับจะรั่วไหลถึงหูเลขาคนสนิท เพราะในแผนกบุคคลมีเพื่อนของสร้อยสุดาอยู่ทั้งคนนี่นา แต่ไม่คิดว่าจะเร็วถึงขนาดนี้เท่านั้นเอง
“ตกลงนี่คือเรื่องจริงเหรอคะ” ขณะพูดสร้อยสุดาก็ทำท่าเหมือนจะร้องไห้
“อื้อ...จริง”
“แล้วพี่น้ำมนต์จะไปทำงานที่ไหน เขาซื้อตัวพี่ไปเหรอ”
“เปล่า...พี่จะกลับไปทำงานกับที่บ้าน” หญิงสาวเอ่ยบอกเสียงเรียบ
“ให้สร้อยไปด้วยนะ ถ้าพี่ไม่อยู่ที่นี่ หนูก็ไม่อยากอยู่” เหตุผลที่สร้อยสุดาพูดออกไปแบบนี้ เพราะคนที่รับเธอเข้ามาทำงานทั้งๆ ที่เป็นนักศึกษาพึ่งจบไม่มีประสบการณ์พ่วงท้ายสวยๆ เหมือนคนอื่นคือหญิงสาวคนตรงหน้านี้ ทำให้สร้อยสุดาฝากผีฝากไข้ไปด้วยตลอดนั่นเอง เรียกได้ว่าปิติญาดาไปไหน เธอก็จะขอไปด้วย แต่คนฟังออกแนวอ่อนใจ เพราะบางครั้งสร้อยสุดาก็ดูโตขึ้น แต่บางครั้งก็ยังงอแงเหมือนเด็ก อย่างเช่นตอนนี้เป็นต้น
“สร้อย! อย่าพูดแบบนี้สิ”
“ก็จริงนี่นา พี่น้ำมนต์เป็นคนรับหนูเข้ามาทำงานเอง แล้วอยู่ๆ จะไม่อยู่ที่นี่แล้วก็พลอยทำให้รู้สึกหวิวๆ” เลขาสาวสวยก้มหน้าก้มตา ออกแนวสะอื้นในอก
“คนเราก็มีเส้นทางเดินของตัวเองซึ่งตอนนี้ถึงคิวของพี่แล้ว สร้อยเองก็เหมือนกัน อยู่ที่นี่พี่ก็เห็นว่าเรามีความสุข สนุกกับงานมากไม่ใช่เหรอ”
“นั่นเพราะมีพี่น้ำมนต์อยู่ด้วย” ปิติญาดาพอจะเข้าใจความรู้สึกของสร้อยสุดา แต่การที่เราจะเอาชีวิตไปผูกไว้กับอีกคนก็เหมือนจะไม่ถูกต้องเสียทีเดียว คนเราก็ต้องยืนได้ด้วยล้ำแข็งสิ
“อีกอย่างสร้อยกลัวว่าเจ้านายใหม่ที่จะมาแทนที่พี่น้ำมนต์ เขาจะไม่ดีเท่าพี่”
“คนเราไม่เหมือนกันนะสร้อย ลองคิดดูนะคนที่มาใหม่อาจจะดีกว่าพี่ก็ได้ มองโลกในแง่ดีเข้าไว้ อย่าพึ่งไปตั้งแง่กันตั้งแต่ยังไม่ได้เจอหน้าหรือรู้ว่าเขาเป็นคนยังไงสิ” คำพูดแบบพี่สอนน้องของ ปิติญาดานั้น สร้อยสุดาเข้าใจจึงพยักหน้าให้ ทำเอาคนพูดพลอยโล่งอก
“ค่ะ...สร้อยจะจำไว้ แต่ถึงยังไงสร้อยก็อยากไปทำงานกับพี่น้ำมนต์อยู่ดี” โล่งใจยังไม่ถึงนาที ปิติญาดาก็ตีหน้ายุ่งเป็นยุงตีกันกับบทดื้อรันของสร้อยสุดา
“เอางี้นะ ถ้าสร้อยมีปัญหาเรื่องงานหรือเจ้านายใหม่ โทรหาพี่ได้ตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง ถ้ามางี่เง่าใส่น้องพี่มากนัก เดี๋ยวพี่จัดการให้หมอบเลย” คำพูดพร้อมสีหน้าขึงขัง บ่งบอกว่าเอาจริงของปิติญาดาทำให้สร้อยสุดายิ้มออกในที่สุด แต่น้ำตาก็พาลร่วง เมื่อคิดว่าอีกไม่กี่เดือน เธอจะไม่ได้ทำงานร่วมเจ้านายคนนี้อีกแล้ว
อาการร้องไห้เป็นหนักเข้าจนร่างบางไหวโยนไปมาตามแรงสะอื้อไห้ที่มีอย่างต่อเนื่อง ปิติญาดาจึงลุกขึ้นจากเก้าอี้ตัวใหญ่ เดินไปกอดแล้วปลอบเบาๆ
“พี่ไม่ได้ไปไหนไกลสักหน่อยสร้อย ถ้าคิดถึงก็นัดเจอกันได้นี่ ใช่ไหม”
“ค่ะ” สร้อยสุดาขานรับเสียงสั่น เพราะเริ่มเข้าใจอะไรมากขึ้นว่าต่อให้เธอรั้นจะตามปิติญาดาไปทำงานด้วยมากแค่ไหนก็คงทำไม่ได้แน่ สู้เธอตั้งใจทำงานอยู่ที่นี่ เลื่อนตำแหน่งให้มั่นคงขึ้น ถึงตอนนั้นคนแรกที่รับเธอเข้ามาทำงานต้องดีใจเป็นแน่
เมื่อเห็นลูกน้องร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวร ทำเอาต่อมน้ำตาของเจ้านายก็แทบไหลพรากตามไปอีกคน แต่ปิติญาดาก็อดกลั้นไว้สุดกำลัง ขืนร้องไห้เอาตอนนี้ก็เสียชื่อเธอหมดสิ เมื่อปลอบเลขาเรียบร้อย ทั้งสองคนก็แยกย้ายกันไปทำงานของตัวเองต่อ ปิติญาดานั้นย้ำให้สร้อยสุดาเก็บเรื่องที่รู้เป็นความลับไว้ก่อน เพราะอีกไม่นานเธอจะเป็นคนพูดเอง ซึ่งเลขาสาวก็พยักหน้ารับ
ขณะที่กำลังเปิดอินเตอร์เน็ตเพื่อหาข้อมูลของคู่ค้ารายหนึ่ง ซึ่งเธอสนใจจะนำเข้าสินค้าบางตัวมาขายในประเทศ แต่มือเจ้ากรรมดันไปคลิ๊กเปิดหน้าโฮมเพจโฆษณาหน้าหนึ่งเข้าอย่างไม่ตั้งใจ
“อะไรหว่า” หญิงสาวคิ้วขมวดกับหน้าจอโฆษณาที่เห็น อ่านคร่าวๆ คือบริการจัดหาคู่ให้หนุ่มสาวที่ยังโสด อ่านไปอ่านมารู้สึกจี๊ดหัวใจ เพราะเธอเป็นหนึ่งในคนไร้คู่ที่ว่านั่นแน่นอน หญิงสาวไม่ได้แอนตี้เรื่องพวกนี้ แต่ก็ยังมีความคิดว่าเรื่องคู่ครองมาเมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น
แต่มือกลับสวนทางกับความคิด เพราะเธอเลื่อนไปเปิดอ่านรายละเอียดการสมัครสมาชิกเสียได้ ตั้งใจไว้ว่าจะแค่อ่าน แต่ไปๆ มาๆ ปิติญาดาก็เล่นโทรศัพท์เข้าไปสอบถามข้อมูลกันถึงบริษัทกันเลยทีเดียว หลังจากที่ได้ฟังข้อมูลจากปากของพนักงาน นับว่าเป็นบริษัทที่น่าเชื่อถือ เพราะได้ออกสื่ออยู่หลายสื่อทีเดียว สุดท้ายปิติญาดาก็ตกปากรับคำว่าจะเข้าไปสัมภาษณ์พูดคุยด้วยเสียอย่างนั้น
