บทที่ 6
และแล้วคนโสดอย่างปิติญาดาก็เข้ามานั่งในห้องรับแขกของบริษัทจัดหาคู่ ตรงหน้ามีชายหญิงคู่หนึ่งซึ่งแต่งตัวภูมิฐานรับหน้าที่มาต้อนรับและพูดคุยกับหญิงสาวด้วยความเป็นกันเอง ก่อนจะเอ่ยถามข้อมูลส่วนตัว ที่ทางบริษัทจะปิดเป็นความลับ ทั้งเรื่องหน้าที่การงาน ครอบครัว สเปคหนุ่มๆในฝัน นิสัยส่วนตัว มีแฟนคนล่าสุดเมื่อไหร่ และอื่นๆอีกหลายข้อ ซึ่งปิติญาดาก็ตอบไปตามตรงแบบไม่อ้อมค้อม ก่อนจะอุทานเมื่อเห็นค่าบริการ ซึ่งแพงกว่าที่คิด
“หมื่นหก”
“เดทสามครั้งนะคะ นี่เป็นราคาโปรโมชั่นแล้ว” พนักงานสาวเอ่ยบอก
“อ้อค่ะ” คนฟังยิ้มแห้งๆให้ ก่อนจะถามต่อ
“แล้วเอ่อ...หมื่นหกนี่พวกคุณทำอะไรบ้างคะ น้ำมนต์ว่าค่าบริการออกจะแพงไปหน่อย” เมื่อลูกค้าถามคำถามนี้มา พนักงานสองคนก็ส่งยิ้มให้แทบจะพร้อมๆกัน ก่อนจะบอกถึงความพิเศษให้สมกับราคา ว่าพวกเขานั้นหาข้อมูลของคู่เดทได้ตรงตามที่ลูกค้าแต่ละคนต้องการมากแค่ไหน ถ้าไม่ใช่ก็จะไม่มีการเสนอโปรไฟล์ให้แน่นอน
สุดท้ายคนโสดก็ถูกหว่านล้อมแบบงงๆ ก่อนจะมายืนถอนหายใจอยู่หน้าลิฟท์ เงินหมื่นหกเธอจ่ายไปเรียบร้อย หลังจากนี้คือการรอรับโทรศัพท์เพื่อฟังโปรไฟล์ฝั่งตรงข้าม ถ้าโปรไฟล์ดีเธอก็ค่อยไปพบ ถ้าไม่ดีก็ปฏิเสธ แถมถ้าไม่ถูกใจใครสักคนที่เสนอมาก็ขอเงินคืนได้
“เรามาทำอะไรวะเนี่ย” ปิติญาดาเอ่ยถามตัวเอง สงสัยจะบ้าเข้าขั้น ถ้าภคมณกับต้องหทัยรู้ว่าเธอเอาเงินหมื่นหกมาทำเรื่องไร้สาระแบบนี้ละก็ มีหวังวีนแตกแน่นอน จะให้ทำไงได้ในเมื่อเธอก็แทบไม่ได้เจอใครเลยนี่นา ทำงานเสร็จก็กลับบ้าน ไม่มีสังคมให้ได้พบปะผู้คนเลย แล้วอย่างนี้จะได้เจอคนที่ใช่เอาตอนไหน
ถ้าเจอแล้วนิสัยใจคอเป็นยังไงก็ต้องศึกษาเรียนรู้ สู้ใช้วิธีลัดให้บริษัทจัดหาคู่กรองข้อมูลมาให้ส่วนหนึ่งก็คงดีไปอีกแบบ คิดซะว่าลงทุนเพื่อลงจากคาน แต่เรื่องนี้เธอคงต้องเหยียบไว้ก่อน ถ้าเจอคนที่มั่นใจว่าใช่แล้วจริงๆ ค่อยบอกใครต่อใคร
วันรุ่งขึ้นปิติญาดากลับได้รับโทรศัพท์จากบริษัทจัดหาคู่เพื่อบอกโปร์ไฟล์ที่น่าสนใจให้เธอฟัง ช่างรวดเร็วเสียนี่กระไร หญิงสาวจดรายละเอียดว่าฝ่ายนั้นชื่ออะไร ทำงานที่ไหน เงินเดือนเท่าไหร่ จบที่ไหนมา ส่วนสูง น้ำหนัก ครอบครัว งานอดริเรกและอื่นๆ ซึ่งล้วนแต่เป็นข้อมูลส่วนตัวทั้งนั้น
เมื่อโปรไฟล์ขั้นแรกผ่าน สาวโสดผู้ใจกล้าขอตั้งหลักคิดกับตัวเอง ถึงกับเกิดอาการเงียบไปเกือบนาที สมองประมวลผลว่าจะรับนัดครั้งนี้ดีไหม สุดท้ายก็เอ่ยตกลง เพราะข้อมูลที่ได้มาตรงกับที่เธอบอกไปทุกอย่าง แต่เมื่อทราบเวลาที่นัดหมายก็ทำเอาเธอต้องอุทานออกมา
“หา...เดทเย็นนี้เลยเหรอคะ”
“ใช่ค่ะ เผอิญว่าคุณโอมจะบินไปต่างประเทศพรุ่งนี้ จึงอยากออกเดทกับคุณน้ำมนต์”
“เร็วไปไหม ตั้งตัวไม่ทัน” คนโสดเริ่มหวั่นใจ ถึงแม้จะมีการการันตีโปรไฟล์และข้อมูลฝ่ายนั้นเธอก็ได้แล้ว แต่อยู่ๆจะให้ออกไปพบกันเลย มันแปลกๆ
“ถ้าคุณน้ำมนต์ไม่สะดวก จะให้แนนเลื่อนนัดไหมคะ” พนักงานสาวบริษัทจัดหาคู่เสนอทางเลือก คนฟังเงียบเพื่อขอเวลาคิดอีกสักพักก่อนจะเอ่ยตอบ
“อืม...ไม่เป็นไรค่ะ เย็นนี้ก็เย็นนี้” ปิติญาดาเอ่ยรับปาก เพราะยังไงต้องพบหน้าจะช้าหรือเร็วก็คงมีค่าเท่ากัน
“ค่ะ...สถานที่เป็นร้านอาหารชื่อ....ทางบริษัทจองโต๊ะชื่อคุณโอมไว้แล้วนะคะ ก่อนเวลาเดทสองชั่วโมงจะส่งข้อความไปบอกหมายเลขโทรศัพท์ของแต่ละฝ่ายให้ทราบ แนนจะส่งแผนที่ร้านให้ทางอีเมลนะคะ”
“ขอบคุณค่ะ”
“ขอให้พบรักแท้นะคะคุณน้ำมนต์” ประโยคนี้ของพนักงาน ทำเอาคนโสดยิ้มรับ
“ค่ะ” ปิติญาดาเอ่ยรับก่อนจะวางโทรศัพท์ไป มาถึงขั้นนี้แล้วจะให้ถอยหลังคงไม่ทัน แต่จะว่าไปเวลาที่นัดเดทก็เหลืออีกแค่สองสามชั่วโมงเท่านั้นเอง ไม่นานแผนที่ร้านก็ถูกส่งเข้ามาในอีเมลของหญิงสาว พอเปิดดูก็ต้องแปลกใจ เพราะเป็นร้านอาหารแถวออฟฟิศ ที่เธอไปนั่งมาก็บ่อย
แต่การไปครั้งนี้ดูจะแตกต่างจากที่ผ่านมา ก่อนเวลานัดหญิงสาวก็ได้รับข้อความจากบริษัทจัดหาคู่ มีเบอร์ของคู่เดทที่ชื่อโอมอยู่ในข้อความนั้น น่าแปลกที่สองตัวท้ายของเบอร์โทรศัพท์ของเขากับเธอจะเหมือนกัน
ยิ่งใกล้เวลานัด ปิติญาดาก็ออกอาการประหม่าอย่างเห็นได้ชัด อยู่ๆจะให้เธอไปออกเดทกับผู้ชายที่ไม่เคยเห็นหน้า ไม่เคยได้ยินเสียง มีเพียงข้อมูลของเขาเท่านั้น ความตื่นเต้นจึงเข้ามาเยือนเป็นระลอก หลังเลิกงานหญิงสาวจึงขับรถตรงไปยังร้านอาหาร ก่อนจะลงจากรถก็แอบสำรวจตัวเองอยู่พักใหญ่ เธอจงใจเข้าไปช้าแต่ไม่มากแค่สองสามนาทีเท่านั้น
“โต๊ะคุณโอมค่ะ”
“เชิญทางนี้ค่ะ” พนักงานต้อนรับเอ่ยขึ้น ก่อนจะผายมือให้เพื่อพาแขกไปยังโต๊ะดังกล่าว
“เอ่อ...คุณโอมมาหรือยังคะ”
“มาแล้วค่ะ” ได้ยินแบบนั้น ปิติญาดาก็แอบเป่าลมออกปากหนักๆ รู้สึกตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูก อย่างน้อยเขาก็มาตรงเวลา เมื่อเดินมาถึงโต๊ะที่จองไว้ เธอก็มองเห็นชายหนุ่มคนหนึ่งนั่งรออยู่ก่อนแล้ว เขาสวมสูทสีเข้มดูภูมิฐาน ใบหน้าคมสัน โดยเฉพาะคิ้วเข้มๆนั่นรับกับจมูกโด่งได้เป็นอย่างดี เนี๊ยบตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า เมื่อเห็นเธอเดินมาเขาก็ลุกขึ้น
“สวัสดีครับคุณน้ำมนต์” ชายหนุ่มตรงหน้าเอ่ยทักอย่างเป็นกันเอง ขณะที่เธอสำรวจรูปลักษณ์ภายนอกของเขาอยู่นั้น ทินกฤตเองก็แอบสำรวจหญิงสาวตรงหน้าไปด้วย เธอเป็นคนสวยมากทีเดียว มีเสน่ห์ คิดไม่ผิดจริงๆที่ขอนัดพบวันนี้
“ขอโทษนะคะ ที่น้ำมนต์มาสายไปหน่อย” คนสวยออกตัว หัวใจดวงน้อยที่แห้งเหี่ยวเพราะขาดการรดน้ำของความรักตอนนี้กลับเต้นไม่เป็นส่ำ ปิติญาดาประหม่า แต่ก็พยายามเก็บสีหน้าไว้ภายใต้ความนิ่ง พึ่งรู้ว่าการออกเดทสร้างความตื่นเต้นให้เธอถึงเพียงนี้
“ไม่เป็นไรครับ ผมมาเร็วเอง” ทินกฤตเอ่ยอย่างให้เกียรติเธอ อีกอย่างหญิงสาวตรงหน้าไม่ได้มาสายอะไรมากมาย
“สั่งอะไรหรือยังคะ”
“ยังครับ ผมรอคุณน้ำมนต์ก่อน”
“อ้อ...ค่ะ” ปิติญาดาเอ่ยรับ รู้สึกว่าใบหน้าจะร้อนผ่าวๆ ยามสบตากับชายหนุ่มตรงหน้า ถ้าเดทนี้เกิดขึ้นตอนกลางวัน เขาต้องมองเห็นแน่ๆว่าเธอกำลังขัดเขิน แต่สิ่งที่ทำให้ปิติญาดาประหลาดใจมากขึ้น นั่นคือช่อดอกไม้ช่อสวยที่ทินกฤตยื่นมาให้เธอ
