หัวใจที่ยังเต้นแรง - 2
“แค่ห้าพันมันจะพออะไรล่ะ” เธอบ่นเสียงต่ำ
รัญชิดาพูดเสียงอ่อน “นี่เป็นค่ากับข้าว ส่วนค่าน้ำ ค่าไฟ และค่าเช่าบ้าน รันจะไปจ่ายเองค่ะ ถ้าแม่คิดว่าไม่พอ เดี๋ยวพอเงินออกวีคหน้ารันเอามาให้ใหม่ค่ะ”
นางสมพรพยักหน้า “ก็ได้…” เธอว่าพลางเก็บเงินเข้ากระเป๋า
สุรพลมองหน้าภรรยาตัวเองด้วยสายตาเอือมระอาใจ เขาอยากจะต่อว่าหรือห้ามอะไรสักอย่าง แต่ก็รู้ดีว่าถ้าเอ่ยปากออกไปตอนนี้ คงจะยิ่งทำให้สมพรไม่พอใจมากขึ้น เลยได้แต่ถอนหายใจเบา ๆ แล้วหลับตาเล็กน้อย พยายามกลั้นความอึดอัดไว้
ช่วงบ่ายแก่ ๆ ของวันถัดมา บรรยากาศในร้าน เดอะ ลอฟ คาเฟ คลาคล่ำไปด้วยลูกค้าที่แวะมานั่งพักผ่อนและทำงาน
ประตูร้านถูกผลักออกเบา ๆ เสียงกระดิ่งเล็ก ๆ เหนือบานประตูดังขึ้นพร้อมกับร่างสูงโปร่งของ ธีรภัทร์ ที่ก้าวเข้ามา เขาสวมชุดสูทเนี๊ยบสีเข้ม แต่ดีไซน์ทันสมัยดูไม่เป็นทางการจนเกินไป ยิ่งเสริมให้รูปลักษณ์ดูสง่างามและมีเสน่ห์สะดุดตา
รัญชิดาที่กำลังง่วนอยู่หลังเคาน์เตอร์ รับออเดอร์จากลูกค้าด้วยรอยยิ้มประจำตัว เธอเงยหน้าขึ้นอย่างเคยเพื่อกล่าวทักทาย แต่ถ้อยคำที่ตั้งใจจะเอ่ยกลับชะงักค้างอยู่ตรงริมฝีปาก
ดวงตากลมโตเบิกกว้างเล็กน้อย เมื่อได้เห็นใบหน้าที่ไม่คิดว่าจะปรากฏตรงหน้า ใบหน้าของชายที่เธอไม่เคยลืม และไม่คิดว่าจะได้เจออีกครั้ง
หัวใจของรัญชิดาเต้นสะดุด จังหวะรวนเรจนแทบหายใจไม่ทั่วท้อง เธอไม่รู้ว่าเป็นเพราะความตกใจที่ได้พบเขาอย่างไม่คาดคิด หรือเพราะแววตาลึกซึ้งที่ชายหนุ่มทอดมองตรงมา มันช่างราวกับสายตานั้นสามารถสั่นคลอนโลกทั้งใบของเธอให้ไหวสะเทือนได้ในพริบตาเดียว
หญิงสาวรีบสูดหายใจเข้าลึก ดึงสติกลับคืนมาอย่างยากลำบาก ก่อนบังคับให้ริมฝีปากคลี่ยิ้มบาง ๆ ตามแบบฉบับของพนักงานต้อนรับ เธอพยายามปิดบังความวูบไหวในใจ และเอ่ยทักทายเขาด้วยน้ำเสียงสุภาพที่สุด
“สวัสดีค่ะ…คุณภีม จะรับอะไรดีคะ”
ธีรภัทร์ยกยิ้มมุมปาก แววตาคมทอดมองเธออย่างไม่ปิดบัง "เอสเปรสโซ่เย็นแก้วหนึ่งครับ"
รัญชิดาพยักหน้ารับเบา ๆ ก่อนเอื้อมมือไปสัมผัสหน้าจอของเครื่องรับออเดอร์ ปลายนิ้วเรียวแตะลงบนเมนู “เอสเปรสโซ่เย็น” อย่างรวดเร็ว แต่หัวใจกลับเต้นแรงจนแทบควบคุมไม่ได้ เธอกด “ยืนยันออเดอร์” ส่งตรงไปยังบาร์กาแฟ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นอีกครั้ง
“รอสักครู่นะคะ” น้ำเสียงเธอสั่นน้อย ๆ แต่ยังคงความสุภาพเอาไว้ได้ เธอหันหลังกลับไปและเริ่มลงมือทำกาแฟให้เขา เธอพยายามทำตัวให้เป็นปกติที่สุด
ธีรภัทร์พยักหน้า ยกยิ้มบางที่มุมปาก ร่างสูงโปร่งเดินไปเลือกที่นั่งริมกระจก ทว่าดวงตาคมยังไม่วายหันกลับมามองเธอเป็นระยะ ราวกับไม่คิดจะปล่อยให้เธอหลุดพ้นจากสายตาเลยแม้แต่วินาทีเดียว
รัญชิดาล้วงมือไปหยิบถาดใส่แก้วกาแฟเย็นที่พึ่งทำเสร็จจากบาร์ ปลายนิ้วเธอสั่นเล็กน้อยจากความตื่นเต้น แต่เธอก็พยายามควบคุมให้มั่นคงที่สุด
เธอเดินไปยังโต๊ะริมกระจกที่ธีรภัทร์นั่งอยู่ ดวงตาคมของเขายังคงจับจ้องมาที่เธอราวกับอ่านทุกความรู้สึก
“เอสเปรสโซ่เย็นของคุณลูกค้าค่ะ” เธอเอ่ยเสียงสุภาพ พลางวางแก้วเครื่องดื่มไปตรงหน้าเขาอย่างระมัดระวัง
ธีรภัทร์ยกยิ้มบาง ๆ รับแก้วกาแฟ “ขอบคุณครับ” น้ำเสียงเรียบแต่มีความอบอุ่นเจืออยู่
รัญชิดายืนรออยู่สักครู่ รู้สึกว่าทุกลมหายใจของเธอเหมือนหยุดชั่วขณะ เมื่อต้องอยู่ใกล้เขาเพียงไม่กี่ก้าว หัวใจเต้นแรงจนแทบจะหลุดออกมา
“เอ่อ…ถ้าคุณต้องการอะไรเพิ่มก็บอกได้นะคะ” เธอกล่าว พยายามให้เสียงฟังดูปกติที่สุด
"วันนี้คุณเลิกงานกี่โมง"
“ฉันเลิกประมาณห้าโมงเย็นค่ะ” เธอตอบเสียงเบา แอบรู้สึกใจเต้นแรงราวกับเพิ่งวิ่งขึ้นบันไดหลายชั้น "คุณภีมมีอะไรหรือเปล่าค่ะ"
ธีรภัทร์ยิ้มมุมปาก “งั้นผมจะนั่งรอคุณเลิกงานนะ”
รัญชิดาเงยหน้าขึ้น แววตาแสดงความสงสัย “นั่งรอฉัน…ทำไมคะ”
ธีรภัทร์ หัวเราะเบา ๆ “ก็…เมื่อวานคุณทำกาแฟหกใส่ผม จำไม่ได้แล้วเหรอ”
“จำได้ค่ะ” รัญชิดาตอบเสียงแผ่ว ใบหน้าเริ่มแดงก่ำด้วยความอับอาย
“วันนี้ผมต้องเข้าไปล้างแผลที่โรงพยาบาล” เขาพูดพร้อมกับยิ้ม “ผมอยากให้คุณไปด้วย”
รัญชิดาชะงักไปเล็กน้อย ใจเต้นแรงราวกับมีใครมากดปุ่มอยู่ตรงกลางอก เธอพยายามปรับสีหน้าให้เป็นปกติที่สุดเท่าที่จะทำได้
“ได้ค่ะ งั้นคุณนั่งรอฉันซักครู่นะคะ เดี๋ยวร้านใกล้ปิดแล้ว” เธอเอ่ยพร้อมรอยยิ้มบาง ๆ
“ครับ” ธีรภัทร์ตอบเสียงเรียบ แต่แววตาคมยังคงจับจ้องเธออยู่ตลอดเวลา
เมื่อถึงเวลาเลิกงาน รัญชิดา ก็เดินมาหา ธีรภัทร์ ที่ยังคงนั่งรอเธออยู่ตรงมุมเดิม เขากำลังเล่นโทรศัพท์มือถืออยู่ด้วยท่าทางสบายๆ
"ขอโทษที่ให้รอนะคะ" รัญชิดาเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่สั่นเล็กน้อย
"ไม่เป็นไรครับ" เขาตอบพร้อมกับหัวเราะเบาๆ "ผมไม่ได้มารอนานขนาดนั้น"
ธีรภัทร์ลุกขึ้นยืนแล้วเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋ากางเกงขายาวสีเข้มที่เข้าชุดกับเสื้อเชิ้ตของเขา เขายิ้มบางๆ แล้วผายมือเชิญให้เธอเดินนำไปก่อนอย่างสุภาพ “เชิญครับ”
“ค่ะ” รัญชิดาตอบรับและเดินนำเขาไปที่ลานจอดรถด้วยหัวใจที่เต้นไม่เป็นจังหวะ เธอรู้สึกประหลาดใจกับการกระทำของเขาที่ดูสุภาพอ่อนโยนและให้เกียรติเธอเสมอ
ธีรภัทร์เดินมาถึงรถแล้วเปิดประตูฝั่งผู้โดยสารให้กับหญิงสาว
“ขอบคุณค่ะ” รัญชิดาตอบเบา ๆ ก่อนจะก้าวขึ้นไปนั่งบนเบาะฝั่งผู้โดยสาร ปรับตัวให้นั่งสบาย ขณะที่หัวใจเต้นแรงเพราะความใกล้ชิด
หลังจากนั้น ธีรภัทร์ขึ้นไปนั่งฝั่งคนขับ กดสตาร์ทรถแล้วมองเธอด้วยรอยยิ้มบาง ๆ ก่อนจะขับออกไป
รัญชิดานั่งเงียบ ๆ มองออกไปนอกหน้าต่าง ความรู้สึกหลากหลายปะปนอยู่ในใจ ทั้งความกังวล ความประหม่า และความตื่นเต้น เธอมีสิ่งหนึ่งที่แน่นอนคือ…หัวใจของเธอกำลังเต้นแรงอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
