จุดเริ่มต้นของความรู้สึก - 2
รัญชิดาก้าวตามธีรภัทร์ไปอย่างเงียบ ๆ ใจเต้นแรงทั้งจากความเกรงใจและความเขินอาย เธอพยายามก้มหน้าหลบสายตาผู้คนที่จับจ้องมา แต่ก็รู้สึกได้ถึงความอบอุ่นและมั่นคงจากร่างสูงที่เดินนำหน้าอยู่ไม่ไกล
เมื่อมาถึงรถสปอร์ตคันหรู รัญชิดาชะงักเล็กน้อยก่อนจะหันไปมองเขา
“คุณ…” เธอเอ่ยเสียงเบา
ธีรภัทร์ยิ้มบาง ๆ พลางสบตาเธอ “คุณเรียกผมว่า ‘ภีม’ ก็ได้ครับ”
คำพูดสั้น ๆ แต่เต็มไปด้วยความหมายนั้น ทำให้รัญชิดารู้สึกร้อนผ่าวไปทั่วใบหน้า “คะ… คุณภีม” เธอเอ่ยชื่อเขาอย่างติดขัดในลำคอ
"ขึ้นรถเถอะ" ธีรภัทร์ พูดพลางเปิดประตูรถให้ "เดี๋ยวผมไปส่งคุณที่ร้าน"
“มะ...ไม่เป็นไรค่ะ” รัญชิดารีบปฏิเสธทันที “ฉันกลับเองได้ค่ะ เกรงใจคุณภีม”
"ไม่เป็นไร" เขาตอบเสียงเรียบ "ผมอยากจะไปส่ง"
"แต่..." รัญชิดาพยามจะปฎิเสธ
“ไม่มีแต่ ถ้าคุณกลับเอง กว่าคุณจะกลับถึงร้านก็คงอีกนาน คุณไม่กลัวผู้จัดการคุณว่าเหรอ” ธีรภัทร์ พูดด้วยน้ำเสียงที่เด็ดขาด
รัญชิดาเงียบไปทันที เธอเพิ่งจะนึกขึ้นได้ว่ายังไงก็ต้องกลับไปที่ร้านเพื่อเปลี่ยนชุดและขอโทษผู้จัดการอีกครั้ง เธอก้มหน้าลงเล็กน้อย พยักหน้ารับอย่างเกรงใจ "คะ…ก็จริงค่ะ"
ธีรภัทร์เอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ “ขึ้นรถเถอะครับ”
รัญชิดาชะงักเล็กน้อย ก่อนจะถามด้วยความเป็นห่วงและเกรงใจ “คุณ…คุณขับเองได้แล้วเหรอคะ แผลไม่เจ็บแล้วใช่ไหมคะ”
ธีรภัทร์แสร้งทำสีหน้าเจ็บเล็กน้อย ขมวดคิ้วเบา ๆ ราวกับแผลน้ำร้อนยังทำให้เขาเจ็บอยู่ “อื้อ…ก็ยังเจ็บอยู่เล็กน้อยครับ”
รัญชิดาตกใจทันที รู้สึกสงสารและอดเป็นห่วงไม่ได้ “ถ้างั้น…คุณอย่าขับเลยค่ะ เดี๋ยวฉันขับให้เองนะคะ”
ธีรภัทร์ยิ้มบาง ๆ ในลำคอ แกล้งทำเป็นอ่อนแรงเล็กน้อยเพื่อให้เธออดเห็นใจไม่ได้ แต่สายตาคมกลับมองเธอด้วยแววขี้เล่นราวกับสนุกกับความกังวลของเธอ “ถ้างั้น…ก็รบกวนด้วยนะครับ”
รัญชิดาพยักหน้ารับอย่างว่าง่าย เธอเดินอ้อมไปอีกฝั่งและขึ้นไปนั่งตรงที่นั่งคนขับอย่างคล่องแคล่ว มือบางวางลงบนพวงมาลัยรถสปอร์ตคันหรูที่ดูไม่เข้ากับชุดยูนิฟอร์มของเธอเลยแม้แต่น้อย เธอก็ตั้งสมาธิอยู่กับการขับรถ โดยมีธีรภัทร์นั่งอยู่ข้าง ๆ และมองเธออยู่ตลอดเวลา
“ผมไม่เคยคิดมาก่อนเลยนะครับว่าคนตัวเล็ก ๆ อย่างคุณจะขับรถเก่งขนาดนี้” ธีรภัทร์พูดขึ้นหลังจากที่รถเคลื่อนตัวออกไปได้สักพัก
รัญชิดาชำเลืองมองเขาแวบหนึ่ง ดวงตากลมโตสบเข้ากับสายตาคมของร่างสูงเพียงเสี้ยววินาที ก่อนจะรีบหันกลับไปตั้งสมาธิกับถนนข้างหน้า “ไม่ขนาดนั้นหรอกค่ะ… ที่จริงนี่เป็นครั้งแรกนะคะ ที่ฉันได้ขับรถแพงขนาดนี้”
ธีรภัทร์หัวเราะในลำคอเบา ๆ “ถ้าไม่บอก ผมคงไม่รู้เลยนะครับ เพราะคุณขับได้สบายกว่าที่คิดมาก”
แก้มของรัญชิดาร้อนผ่าวขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว มือบางกำพวงมาลัยแน่นขึ้นเล็กน้อย ดวงตาจับจ้องถนนตรงหน้าไม่กล้าหันไปมองเขา ได้ยินเพียงเสียงถอนหายใจเบา ๆ ของชายหนุ่ม ก่อนที่ความเงียบจะเข้าปกคลุมบรรยากาศในรถอีกครั้ง
“คุณ…ไม่โกรธฉันจริง ๆ ใช่ไหมคะ” เธอถามขึ้นแผ่วเบา สายตายังคงมองตรงไปข้างหน้า
“ผมจะโกรธคุณไปทำไมล่ะ” ธีรภัทร์ตอบด้วยน้ำเสียงเรียบง่าย
รัญชิดาเม้มริมฝีปากแน่น รู้สึกถึงหัวใจที่เต้นแรงขึ้นเรื่อย ๆ “ก็ฉันทำกาแฟหกใส่คุณ แถมคุณยังต้องมาเสียเงินค่ารักษาพยาบาลตัวเองอีก… ฉันรู้สึกว่าตัวเองเหมือนติดหนี้บุญคุณคุณมาก ๆ เลยค่ะ”
ธีรภัทร์หัวเราะในลำคอเบา ๆ ก่อนเอียงศีรษะมองไปที่เธอ “ถ้าคุณรู้สึกว่าติดหนี้บุญคุณผมจริง ๆ …งั้นคุณก็เอาโทรศัพท์มานี่สิ”
รัญชิดาขมวดคิ้วเล็กน้อย มือยังคงจับพวงมาลัยแน่น สายตาจับจ้องถนนตรงหน้า “เอ่อ…โทรศัพท์เหรอคะ”
“ใช่ครับ โทรศัพท์ของคุณ” น้ำเสียงทุ้มต่ำเจือแววขี้เล่น ดวงตาคมเป็นประกายราวกับกำลังจงใจทำให้เธอสับสน
หัวใจของรัญชิดาเต้นแรงจนแทบทะลุอก มือที่จับพวงมาลัยเริ่มสั่นน้อย ๆ เธอเอื้อมอีกมือไปหยิบโทรศัพท์จากกระเป๋าสะพายที่วางอยู่ข้างตัว พลางเหลือบตามองเขาแวบหนึ่งด้วยความลังเล
