
บทย่อ
“ต้องให้ผมพูดใช่ไหมว่าคุณคิดจะทำอะไร” “ก็พูดมาสิค่ะ เพราะฉันเองก็อยากรู้เหมือนกันว่าคุณคิดว่าฉันกับคุณท่านจะทำอะไร” เสียงหวานยอกย้อน หน้าก็เบ้ เพราะความเจ็บ “แม่บุญธรรมของคุณคิดจะจับผมไง ถึงได้นัดให้ผมมาดูตัวคุณ แต่คุณรีบไปบอกแม่บุญธรรมของคุณซะว่าให้เลิกคิดแผนชั่วๆ ได้แล้ว เพราะแม่บุญธรรมของคุณไม่มีวันจับผมได้สำเร็จ” เสียงห้าวห้วนพูดช้าชัด ย้ำทีละคำ ขณะที่คนฟังก็ตาเบิกกว้าง ตกใจกับข้อกล่าวหา “พอรู้ทันก็อึ้งไปเลยหรือไง!” พารันกระตุกยิ้มหยัน “ฉันกับคุณท่านไม่เคยมีความคิดแบบนั้น” เสียงหวานแย้ง พลางจ้องหน้าคนรักของเพื่อนสนิทอย่างไม่อยากจะเชื่อว่าคนแบบเขาจะคิดอะไรแบบนี้ได้ “ไม่เคยน้อยไปสิ” “ฉันไม่เคยคิดจะจับคุณ” หญิงสาวย้ำให้เขาฟังชัดๆ ทีละคำ พารันยิ้มหยัน ก่อนขยับถอยห่างร่างเล็กแล้วมองหญิงสาวตั้งแต่หัวจรดเท้า “คุณก็ดูสวยดี แต่คงไม่มีปัญญาหาแฟนใช่ไหม ถึงได้ขอให้แม่บุญธรรมหาให้ แล้วแม่บุญธรรมของคุณคงแกล้งโง่แน่ๆ ถึงไม่รู้ว่าผมมีคนรักอยู่แล้ว” “คุณพารัน! คุณหยุดดูหมิ่นคุณท่านเดี๋ยวนี้” พารันไม่สนใจน้ำเสียงโกรธเคืองของหญิงสาว ปากหยักร้ายขยับยิ้มหยันแล้วพูดต่อ "แล้วผมจะบอกให้รู้ไว้ว่าผมกับกี้ เราก็รักกันมาก แล้วไม่ว่าคุณ แม่บุญธรรมของคุณ หรือใครหน้าไหนก็ไม่มีวันทำลายความรักของเราได้ จำเอาไว้!” พารันปล่อยมือจากแขนเล็กแล้วหันหลังจะเดินออกมาในขณะที่อีกคนกำลังอึ้งระคนตกใจ ที่เขาคิดได้เป็นตุเป็นตะ ก่อนจะช็อกอีกรอบเพราะน้ำเสียงห้วนๆ ที่หันกลับมาตอกย้ำให้เธอหน้าชา “สวยๆ อย่างคุณ ต่อให้แก้ผ้ายั่วถึงเตียง ผมก็ไม่สน!” วิวาห์รักเจ้าสาวสำรอง ผ่านการตีพิมพ์กับสำนักพิมพ์มายเลิฟ เมื่อปี 2554 ในชื่อเรื่อง รักซ่อนร้ายหัวใจซาตาน นามปากกา ปลายไผ่ เมื่อหมดสัญญากับทางสำนักพิมพ์ นักเขียนจึงนำมารีไรท์เนื้อหาและเปลี่ยนชื่อ-นามสกุลตัวละคร ทำให้เนื้อหาต่างจากในหนังสือ แต่ถึงอย่างไรเนื้อหาก็ยังเป็นโครงเรื่องเดิมนะคะ ฝากติดตามด้วยนะคะ
ตอนที่ 1
ตอนที่ 1
ภายในบ้านสองชั้นหลังใหม่เอี่ยมเพราะเพิ่งผ่านการซ่อมแซมมาได้เพียงเดือนเศษ บนเตียงมีร่างเล็กนั่งเปิดกล่องใบหนึ่งที่มีภาพถ่ายสมัยเรียนของตัวเองดูอย่างเพลิดเพลิน ภาพที่ดูก็เป็นภาพของเธอกับเพื่อนรักและรุ่นน้องที่สนิท ถ่ายภาพร่วมกันในสถานที่ต่างๆ กระทั่งเรียนจบก็แยกย้ายกันไปทำงาน แพรวพรรณ กานต์รรีวงศ์ ลูกสาวเจ้าของบ้าน หยิบภาพที่เพื่อนรุ่นน้องโพสท่าถ่ายรูปริมลำธาร แต่พลาดเสียหลักตกลงในน้ำ
ปากอิ่มสวยคลียิ้มกับภาพนั่น เพราะหยิบมาดูทีไรก็อดจะยิ้มไม่ได้ แล้ววันนั้นเพื่อนรุ่นน้องก็โวยวายใหญ่เลยว่าต้องโดนผลักแน่ๆ
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!
“แพรว! หลับอยู่หรือเปล่าลูก” เสียงของมารดาทำให้คนที่กำลังนั่งยิ้มกับภาพถ่ายสะดุ้งเล็กน้อย ก่อนจะลุกจากเตียงเดินไปเปิดประตูถามไถ่ผู้เป็นแม่ “มีอะไรเหรอคะแม่”
“มีคนมาหาจ้ะ รออยู่ข้างล่าง”
“ใครกัน” แพรวพรรณพึมพำอย่างสงสัยว่าใครมาหาที่บ้าน
“ลูกก็ลงไปดูสิ เดี๋ยวแม่จะไปเตรียมขนมไว้ให้” คนเป็นแม่บอกกล่าวแล้วก็เดินลงมาเตรียมขนม ใจก็คิดไปว่าหากตนสุขภาพแข็งแรงเหมือนแต่ก่อน ลูกสาวคงไม่ต้องมานั่งหลังคดหลังแข็งวาดภาพหาเงินอยู่แบบนี้ แม้รายได้จะดี แต่ก็ไม่ได้ดีตลอด ตนจึงอยากให้ลูกสาวออกไปหางานทำเป็นหลักเป็นแหล่ง แต่ลูกสาวก็ไม่ยอมไป เพราะเป็นห่วงตน ที่แม้ตอนนี้อาการเจ็บป่วยของตนจะดีขึ้นมากแล้ว แต่ลูกสาวก็ยืนกรานว่าไม่ไปเพราะเป็นห่วงตนที่ต้องอยู่บ้านตามลำพัง
ทางด้านแพรวพรรณ หลังจากมารดาลงไปจัดเตรียมขนม เธอก็เดินมาเก็บภาพลงกล่องและจัดเก็บไว้ในลิ้นชัก แล้วเดินลงมาที่ห้องรับแขก ครั้นพอเห็นว่าเป็นใครมาเยี่ยมถึงบ้านก็ยิ้มกว้างดีใจ เพราะไม่ได้เจอหน้าเพื่อนมาเกือบปี แต่เธอก็เห็นเพื่อนทางหน้าจอทีวีอยู่บ่อยๆ
“กี้! ลมอะไรหอบมาจ๊ะ” แพรวพรรณทักทายเพื่อนรักอย่างประหลาดใจปนดีใจที่เพื่อนนางแบบคนดังมาหาถึงบ้าน ทั้งที่เจ้าตัวก็ทำตลอดแทบไม่มีวันว่าง
“ลมคิดถึงได้ไหมล่ะ” ภีรมาส นางแบบสาวกำลังมาแรงหันไปตอบไปเพื่อนรัก แล้วดึงมือเพื่อนรักให้มานั่งคุยกันที่โซฟา
“เดี๋ยวนี้มีวันว่างแล้วเหรอ ถึงได้แวะมาหากัน แต่มาไม่บอกกันเลยนะ”
“ก็อยากเซอร์ไพรส์ไง ว่าแต่ช่วงนี้เธอทำอะไรอยู่ล่ะ” หลังจิบน้ำส้มเย็นเจี๊ยบที่มารดาของเพื่อนนำมาให้แล้วภีรมาสก็ถามเพื่อน เพราะตนอยากให้เพื่อนไปเป็นนางแบบด้วยกัน เพราะหน่วยก้านของแพรวพรรณใช้ได้ทีเดียว แต่ติดที่เจ้าตัวไม่ชอบงานแบบที่เธอทำ
“ก็วาดภาพขายเหมือนเดิมแหละ”
“นี่เธอกะยึดอาชีพนี้ไปตลอดเลยเหรอ”
“ก็แพรวไม่อยากออกไปทำงานข้างนอก ห่วงแม่อยู่คนเดียว”
“ก็จ้างเด็กสักคนสิ แล้วเธอก็ไปทำงานกับฉัน เงินดีมากเลยนะ”
“เป็นนางแบบน่ะเหรอ”
“ใช่ แต่ถ้าไม่ชอบ เดี๋ยวฉันให้พี่แอนหางานละครให้ เอาไหมล่ะ แต่เธอต้องไปเรียนการแสดงก่อนนะ เรียนสักเดือนสองเดือนก็น่าจะเล่นละครได้แล้ว”
“ไม่เอาหรอก แพรวไม่ชอบ”
