2 จอมบงการ (5)
“ก็... ก็ตอนที่จัดโต๊ะทำงานให้คุณ ฉันซุ่มซ่ามปัดกองหนังสือตกเลยเจอการ์ดแต่งงาน”
นลินตอบเอาตัวรอดไปอย่างนั้น แต่ที่พบการ์ดแต่งงานสอดอยู่กับสมุดบันทึกของเขา กับบทกลอนเขียนพล่ามพรรณนาถึงความรักที่ไม่สมหวังเอาไว้เป็นเรื่องจริง เธอไม่ได้อยากเสียมารยาทอะไรหรอกนะ แต่เป็นเหตุบังเอิญที่ไปเห็นเข้า มันก็เท่านั้น
พอตอบไปแล้วนลินก็อดชำเลืองตามองอีกฝ่ายไม่ได้ ปฏิกิริยาของปวาฬก็คือนิ่ง สีหน้าเคร่งขรึมดูเครียดกว่าเดิม
“พอใจแล้วใช่ไหม ทีนี้ก็หลีกทางซะ”
ถึงจะออกคำสั่ง แต่ปวาฬก็ยังยืนนิ่ง มองหญิงสาวด้วยสายตาไม่พอใจ
“ทีหน้าทีหลังอย่ามาวุ่นวายกับโต๊ะทำงานและของส่วนตัวอีก ฉันไม่ชอบ”
“อ้าว พูดงี้ไม่หล่อสิคุณ ใครเขาอยากยุ่งกับของคุณล่ะ คุณเป็นคนใช้ฉันทำความสะอาดปัดกวาดเช็ดถูเองนะ เพิ่งสั่งอยู่ไม่เท่าไหร่ก็ลืมละ ยังไม่ทันแก่ก็ลืมแล้ว ความจำสั้นนะเรา”
พอหลุดประโยคนี้ออกไปนลินต้องถอยประชิดต้นเสาระเบียงตัวลีบทันที เพราะปวาฬก้าวเข้ามาใกล้กว่าเดิมจนสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่น ดวงตาวาววับหยุดสายตากับริมฝีปากชมพูที่เคลือบเพียงลิปมันเอาไว้
ทว่าการมองของชายหนุ่มนั้นกลับทำให้นลินหายใจไม่ทั่วท้อง แม้เขาไม่ได้แตะต้องเธอเลย แต่การมองนั้นเหมือนถูก ‘จูบ’ ลงโทษด้วยสายตาก็ไม่ปาน
และมันก็เป็นเหตุให้หญิงสาวเม้มปากเข้าหากันโดยอัตโนมัติ
ปวาฬเหยียดมุมปากนิดหนึ่งก่อนเชยคางของหญิงสาวขึ้น การกระทำของเขาทำเอานลินยืนทื่อทำอะไรไม่ถูก ตั้งแต่จำความได้ไม่เคยมีผู้ชายคนไหนกล้าถึงเนื้อถึงตัวเธอ แบบอีตานี่เลย พับผ่าสิ!
“เธอจัดเป็นผู้หญิงที่มีเสน่ห์ น่ารัก น่าค้นหา แต่น่าเสียดาย…”
เสียงทุ้มของเขาเว้นเป็นระยะ ๆ พร้อมกวาดสายตามององค์ประกอบของโครงหน้า ตั้งแต่ดวงตาฉ่ำด้วยน้ำตา พวงแก้มใส จมูกแดงเรื่อ ริมฝีปากบาง ซึ่งทำเอานลินหัวใจเต้นตุ้ม ๆ ต่อม ๆ เพราะไม่รู้ว่านายปลาวาฬจะมาไม้ไหน แต่เธอก็กล้าพอที่จะสบตากับเขา แต่ก็เผลอกลั้นใจฟังว่าเขาจะพูดอะไรออกมา
“ปากร้ายไปหน่อย”
“ก็อย่ามายุ่งกับฉันสิ!” นลินพูดใส่หน้าพร้อมใช้สองมือผลักหน้าอกของเขาแล้วเดินหนีเข้าบ้านทันที
ปวาฬอมยิ้มมุมปาก พอกลับมาที่โต๊ะทำงานชายหนุ่มก็เหลือบไปเห็นหนังสือเล่มเล็กที่หญิงสาวทิ้งเอาไว้บนเก้าอี้โยก เขาหยิบมันขึ้นมาเพื่ออ่านชื่อหนังสือ
“Heart Smile อกหักไม่ตาย หัวใจยิ้มได้... เฮ้อ เอาเข้าไป” ชายหนุ่มส่ายหน้า ดูว่าหญิงสาวจะเป็นเอามาก ถึงขนาดพกคู่มืออกหักมารักษาหัวใจเลยเชียว ของอย่างนี้คู่มือไหน ๆ ก็ช่วยไม่ได้หรอก ถ้าไม่รู้จักสร้างภูมิคุ้มกันให้หัวใจตัวเอง
พอเดินกลับเข้ามาในบ้าน ปวาฬก็เห็นเจ้าของหนังสือนั่งหน้าบูดอยู่ข้าง ๆ เจ้าซ่าหริ่ม
“ถ้าจะใช้เจ้านี่ดามหัวใจ เปลี่ยนมาเป็นฉันดีกว่ามั้ย” ปวาฬยิ้มกริ่ม ก่อนจะโยนหนังสือใส่ตักหญิงสาว
“ความหล่อ ไม่ผ่านมาตรฐาน!”
“เธอเองก็สวยไม่ได้มาตรฐานเหมือนกันนั่นแหละ” ชายหนุ่มยักคิ้วให้ยิ้ม ๆ
คนถูกยั่วอารมณ์แทบจะกรี๊ด พอคว้าหมอนได้ นลินก็ปาใส่หน้าเจ้าของรอยยิ้มกวน ๆ แล้วผละไปทันที โดยไม่สนใจเสียงหัวเราะหึ ๆ นั่นซักนิด
ปวาฬส่ายหน้ากับพฤติกรรมของหญิงสาวก่อนกลับไปที่โต๊ะทำงานตามเดิม แต่ครู่เดียวเท่านั้นสมาธิของเขาก็ถูกทำลายเป็นครั้งที่สอง เมื่อกลิ่นหอม ๆ ของอาหารโชยเตะจมูก มันทำให้ท้องของเขาร้องหาอาหารขึ้นมาทันที
และมันก็เป็นเหตุให้เขาต้องลุกจากโต๊ะทำงาน เดินมาหาห้องครัวขนาดกะทัดรัดที่มีร่างบางกำลังสาละวนอยู่หน้าเตาปิกนิก
“ผัดอะไรน่ะ” ปวาฬชะเง้อคอยาว เพราะนลินหันหลังให้จึงบังกระทะหมด
“ผัดนรก” หญิงสาวตอบด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์เท่าไหร่นัก จากนั้นเธอก็ปิดหัวเตาตักมักกะโรนีผัดซอสใส่จาน แล้วนำมาวางเอาไว้ที่โต๊ะ
“ฟังชื่อแล้วไม่ค่อยปลอดภัยกับกระเพาะอาหารเท่าไหร่ ว่าแต่รสชาติมันจะแย่เหมือนชื่อหรือเปล่า?”
นลินไม่ตอบเพราะมัวแต่สนใจกับกระทะ พอหันกลับมาอีกที ปวาฬก็กินผัดมะกะโรนีของเธอแล้ว
“นี่! ฉันไม่ได้ทำเผื่อคุณนะ”
“งั้นเธอก็ทำใหม่สิ” ปวาฬตอบขณะที่เคี้ยวตุ้ยอย่างเอร็ดอร่อย แต่นลินแทบเต้น
“เฮ้ย เอามักกะโรนีของฉันมานะ”
“งกจัง คืนก็ได้” ชายหนุ่มส่งจานคืนให้หลังจากที่ตักมะกะโรนีใส่ปากไปอีกสามสี่คำ
“ทำไมเป็นคนแบบนี้วะ” นลินบ่นอุบ “ฉันกินต่อจากคุณไม่ลงหรอก คุณเอาไปกินเถอะ”
