วิวาห์พระจันทร์

124.0K · จบแล้ว
อาคาเซีย/แวววิวาห์/สลิลโรส/ผิงอัง
115
บท
5.0K
ยอดวิว
7.0
การให้คะแนน

บทย่อ

ว่ากันว่า... ในคืนที่พระจันทร์เต็มดวง สามารถขอพรให้ความรักสมหวังได้ นลิน ที่อกหัก จึงขอพรรักจากพระจันทร์ เธอขอ ‘งานวิวาห์’ จากพระจันทร์ในตอนที่กำลังเมาหนัก!ก็ไม่รู้พระจันทร์หมั่นไส้เธอ หรือเปล่า ถึงได้ส่ง ปวาฬ น้าชายของเพื่อนสนิทให้เข้ามาในชีวิตเธอหากความรักของเธอจะราบรื่น คงดีหรอก แต่มันก็ไม่เป็นเช่นนั้น! เจอหน้ากันครั้งแรก เธอกับเขาก็ไม่ลงรอยกันเสียแล้วพระจันทร์เจ้าขา... เธออยากได้ ‘คู่รัก’ ไม่ใช่ ‘คู่กัด’มันต้องมีอะไรผิดพลาดแน่ ๆปวาฬหรี่ตามองวงหน้าหวานที่บอกบุญไม่รับและท่านั่ง ‘สุดแสนจะร้อยเรียบ’ ด้วยใบหน้าเรียบสนิท“ใส่กระโปรงนั่งแบบนั้นจะดีเหรอ?”“มันเรื่องของฉัน”“งั้นฉันจะถือว่าเธออ่อย” ชายหนุ่มบอกหน้านิ่งนลินเลยรีบเปลี่ยนอิริยาบถเป็นนั่งพับเพียบทันที “พูดมาสิ ฉันรอฟังอยู่”“ข้อแรก... ฉันต้องการความสงบ เพราะกลางวันฉันทำงานที่นี่”นลินพยักหน้า เขาจะทำงานอะไรก็ช่าง ไม่เกี่ยวกับเธอทั้งนั้น เพราะสิ่งที่เธอต้องการ คือความสงบเช่นกัน “รับรองว่าฉันไม่ทำเสียงดังรบกวนสมาธิของคุณแน่”“ดี งั้นก็ถอดมันออกซะ” คนออกคำสั่งชี้นิ้วไปที่ข้อเท้าเธอ“ถอดไอ้เนี่ยเหรอ” นลินย้อยถามอย่างไม่แน่ใจ เพราะสร้อยข้อเท้าห้อยลูกกระพรวนไม่ได้เสียงดังสนั่นน่ารำคาญอะไร แต่ปวาฬก็พยักหน้าแล้วให้เหตุผล“รำคาญเสียงลูกกระพรวน”คนถูกออกคำสั่งเม้มปากอย่างขัดใจ เพราะสร้อยข้อเท้าเป็นหนึ่งในเครื่องประดับที่เธอชื่นชอบ และไม่เคยคิดที่จะถอดมันออกเลย“คุณบอกว่าต้องการความสงบ เพราะกลางวันจะทำงานที่นี่ใช่มั้ย?”“ใช่”“ตอนนี้คุณยังไม่ทำงาน และไม่ใช่กลางวันด้วย ฉันถอดพรุ่งนี้คงไม่มีปัญหา” หญิงสาวยักคิ้วให้กวน ๆ ทำเอาปวาฬถอนฉุน เขามองหญิงสาวด้วยความไม่พอใจ แต่นลินก็แกล้งทำไม่รู้ไม่ชี้“ไม่มีปัญหา ถ้าเธออยากงัดข้อกับฉัน”นลินแอบเบ้ปาก ปวาฬเลยบอกเงื่อนไขข้อต่อไป“ข้อสอง ห้ามเธอพาคนนอกเข้ามาวุ่นวายที่นี่เป็นอันขาด”“รักษ์สิกาล่ะ คุณนับเธอเป็นคนนอกด้วยหรือเปล่า?”“ไม่นับยัยสิกา”นลินไหวไหล่ “เรื่องนี้คุณสบายใจได้ ฉันไม่พา ‘ตัวภาระ’ มาเพิ่มให้คุณได้รำคาญลูกตาแน่”“ดี”“แค่นี้ใช่ไหมข้อตกลงของคุณ”ปวาฬส่ายหน้าช้า ๆ “ข้อสาม เธอต้องช่วยดูแลความสะอาดบ้านหลังนี้”“เฮ้ย! มากไปหรือเปล่า ฉันไม่ใช่คนรับใช้ของคุณนะ” หญิงสาวผลุดลุกขึ้นทันที

นิยายรักโรแมนติกนิยายรักนิยายปัจจุบันกัปตันแต่งงานสายฟ้าแลบรักแรกพบแก้แค้นโรงแรม/มหาลัยโรแมนติกพระเอกเก่ง

ปฐมบท วิวาห์พระจันทร์

มือหนาวางปากกาหมึกซึมลงบนหน้าสมุดบันทึก ก่อนลุกขึ้นเดินมานั่งบนขอบลูกกรงระเบียงบ้านเรือนแพ เพื่อรับลมเย็นจากทะเลที่พัดเอาความเย็นชุ่มชื้นมาให้ เส้นผมยาวรุงรังปราศจากสิ่งผูกมัดสยายไปตามแรงลม ชายหนุ่มเอนหลังพิงเสาในท่าสบาย หากกิริยาผ่อนคลายนั้นกลับขัดแย้งกับจิตใจอย่างสิ้นเชิง

ดวงตาอ่อนล้าซึ่งได้รับการพักผ่อนไม่เพียงพอเงยหน้ามองท้องฟ้ามืดคล้ำ มีพระจันทร์แหว่งเว้าที่ยังทอแสงอ่อนในอาการเหม่อลอย สิ่งที่เขาเห็นและสัมผัสได้ก็คือ พระจันทร์โดดเดี่ยวเหมือนเขาไม่มีผิด

มีผืนฟ้า มีดวงจันทร์ แต่ไร้ซึ่งดวงดาว...

ใช่แล้ว ดวงดาวหายไป หายไปจากท้องฟ้า และหายไปจากหัวใจของเขา ยังมีเรื่องสำคัญที่ ‘ตัดสินใจ’ ไม่ได้ และมันก็เป็นเหตุให้เขาข่มตาไม่ลงติดต่อกันมาหลายคืน

ชายหนุ่มหลุดจากภวังค์เมื่อเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เขาเอื้อมมือหยิบโทรศัพท์ที่วางบนโต๊ะทำงานมากดรับสาย

“ว่าไง มีอะไรให้รับใช้หรือคุณหลาน?” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้น เมื่อเห็นชื่อแสดงบนหน้าจอโทรศัพท์

“เสียงลมแรงจัง... นี่เที่ยงคืนกว่าแล้ว น้าวาฬยังไม่เข้านอนอีกเหรอ?”

“เรานั่นล่ะทำไมถึงยังไม่นอน มีเรื่องอะไรหรือเปล่า ถึงโทรหาน้าดึกป่านนี้ ?” ปวาฬย้อนถามด้วยน้ำเสียงเนือย ๆ พยายามฟังเสียงที่ลอดเข้ามาในโทรศัพท์

“สิกานอนไม่หลับค่ะ พอดีมีเรื่องไม่สบายใจนิดหน่อย ต้องการความช่วยเหลือจากน้าวาฬด้วย คือว่า....”

เสียงใส ๆ ปลายทางเล่าเรื่องยาวเหยียด ระหว่างฟังหลานสาวเล่าเรื่อง ชายหนุ่มก็เดินไปพิงขอบลูกกรงระเบียงตามเดิม

“เมื่อไหร่?”

“พรุ่งนี้ค่ะ ส่วนเรื่องเวลา เดี๋ยวสิกาจะโทรมาบอกอีกครั้ง น้าวาฬช่วยไอ้นาวด้วยนะ” รักษ์สิกา หรือสิกา ผู้เป็นหลานอ้อนเสียงหวานกว่าปกติ

“อือ...ไม่มีปัญหา หาก ‘ไอ้นาว’ เพื่อนเราอยากมาพักอยู่ที่นี่จริง ๆ” ผู้เป็นน้ารับคำ ไม่สนใจรายละเอียดของผู้ต้องการความช่วยเหลือเท่าไหร่นัก

“ขอบคุณค่ะน้าวาฬ รักน้าวาฬจังเลย”

น้ำเสียงสดใสของรักษ์สิกาไม่มีแววของคนง่วงนอนทำเอาปวาฬขมวดคิ้ว เขารู้จักนิสัยหลานสาวจอมแสบดี ถ้าป่านนี้ยังไม่หลับไม่นอน เป็นไปได้ว่าเจ้าหล่อนอาจกำลังเต้นแย้ว ๆ อยู่สถานบันเทิงที่ไหนสักแห่งก็เป็นได้

“ป่านนี้แล้วไม่กลับบ้านอีกเหรอ?”

“อยู่ที่บ้านแล้วค่ะ ห้าว...” รักษ์สิกาอ้าปากหาวหวอดใส่โทรศัพท์ “ตอนนี้สบายใจล่ะ น้าวาฬก็เข้านอนได้แล้วนะคะ ราตรีสวัสดิ์ค่ะ”

“ราตรีสวัสดิ์” แล้วคนโทรมาก็กดตัดสาย

ปวาฬมองตัวเลขบนหน้าจอโทรศัพท์ ก่อนผ่อนลมหายใจออกมายาว เพราะเวลาล่วงเข้าวันใหม่เรียบร้อยแล้วนั่นเอง ดวงตาอ่อนล้าทอดสายตาผ่านแสงส้มของตะเกียงน้ำมันไปยัง ‘บางสิ่ง’ ที่ถูกสมุดบันทึกทับเอาไว้ ในสมองของเขากลับเต็มไปด้วยคำถามมากมายที่หาทางออกไม่ได้ ทั้งสับสน ทั้งใจหาย...

“มันก็แค่เวลานี้เท่านั้นปวาฬ อีกไม่นานนายก็จะก้าวผ่านมันไป...”

ชายหนุ่มให้กำลังใจตัวเองก่อนดับตะเกียงน้ำมันลง แล้วกลับเข้าที่พักตามคำแนะนำของหลานสาว...

##### 1

รองเท้าที่หายไป

นาฬิกาสายคาดสีขาวใสติดข้อมือฟ้องว่า ได้เวลาเคารพธงชาติในช่วงเย็นแล้ว...

ร่างบางสวมกางเกงขาสั้น เสื้อขาวผูกเอวเปิดไหล่ สวมรองเท้าส้นเข็มสีแดงสด ก้าวฉับ ๆ ด้วยความมั่นใจบนสะพานไม้ซึ่งกว้างเพียงสองไม้บรรทัด บนหลังของหญิงสาวสะพายเป้ใบโต สองมือเต็มไปด้วยกระเป๋าสัมภาระ ข้างหนึ่งคือกระเป๋าเสื้อผ้า ส่วนอีกข้างหนึ่งคือตะกร้าหวายใส่เพื่อนคู่ใจ

ด้วยความสนิทสนมกับรักษ์สิกามาตั้งแต่สมัยเรียนมัธยม ‘นลิน’ ถึงรู้ว่าแม่เพื่อนรักสุดเฮี้ยวมีบ้านเรือนแพตากอากาศ เพราะครั้งหนึ่งเธอเคยมาพักช่วงปิดเทอมภาคฤดูร้อนตอนเรียนมหา’ลัย แต่ก็ผ่านมาตั้งหลายปีแล้ว... แต่สาเหตุที่นลินตัดสินใจกลับมาที่นี่อีกครั้ง เพียงเพราะเหตุผลบางประการ

เธอต้องการที่เงียบสงบ เพื่อพักผ่อนสมอง และมีเวลาที่จะได้คุยกับตัวเอง มัวแต่ใจลอยคิดถึงโปรแกรมวันหยุดที่ไม่มีการวางแผน เธอจึงไม่ทันมองทาง แล้วเรื่องที่ไม่เคยอยู่ในหัวสมองจึงเกิดขึ้น!

พรึบ!

รองเท้าส้นเข็มที่สวมผลุบลงในร่องไม้ ส่งผลให้หญิงสาวเสียการทรงตัวกะทันหัน ดีที่ว่าเจ้าตัวใช้เท้าอีกข้างยันพื้นได้ทัน มิเช่นนั้น อาจจะ ‘หัวทิ่มดิน’ หรือไม่ก็หงายหลัง ‘ก้นจ้ำเบ้า’

“โอ๊ย!... ขาฉัน” หญิงสาวครางกับความซุ่มซ่ามของตัวเอง

พอลองขยับเท้า นลินก็รู้ว่าเธอยังไปต่อได้ พอหันกลับไปเพื่อสวมรองเท้า ก็พบว่ารองเท้าคู่โปรดติดร่องไม้สะพานอยู่ ครั้นจะวางสัมภาระลงแล้วมา ‘งัด’ รองเท้าออกก็ไม่ใช่ที่ เพราะกว่าจะแบกเป้ขึ้นหลังได้ พร้อมกับหิ้วเจ้าซ่าหริ่มใส่ตะกร้ามาก็เล่นเอาเหงื่อตก อีกอย่างสะพานไม้เล็กนิดเดียวเท่านั้น