2 จอมบงการ (4)
“แล้วลาพักร้อนกี่วันล่ะ ยาวจนถึงงานแต่งพี่เลยหรือเปล่า?”
ปลายทางไม่รู้หรอกคำว่า ‘งานแต่ง’ ที่เขาพูดนั้นมันกรีดใจคนฟังแค่ไหน
“น่าจะถึง” เจ้าตัวตอบแบบแบ่งรับแบ่งสู้ แล้วย้อนถามกลับ “พี่ต้นมีอะไรหรือเปล่าคะ?”
“พี่ว่าจะรบกวนให้เราช่วยงานหน่อย”
“แหม พูดเหมือนมะนาวเป็นคนอื่นคนไกลเลยนะคะ” น้ำเสียงของหญิงสาวติดน้อยใจนิด ๆ
“ก็เพราะเป็นคนใกล้ตัวไงถึงต้องใช้คำว่ารบกวน” ภาณุมาศต่อคำ หัวเราะหึหึในลำคอ
“ท่าจะเรื่องสำคัญ”
“ใช่ สำคัญอย่างที่เราว่านั่นล่ะ คือพี่อยากให้เราช่วยเป็นเพื่อนเจ้าสาวให้หน่อย”
นลินชะงักงัน... หัวใจเต้นแรงตั้งแต่แรกแทบจะระเบิดเป็นเสี่ยงเมื่อได้ยินเรื่องรบกวนของชายหนุ่ม
ดวงตากลมโตฉายแววปวดร้าวออกมา ขอบตาร้อนผ่าว แล้วน้ำตาอุ่นก็เริ่มปริ่มขอบตา
แค่ได้รับการ์ดเชิญร่วมงานแต่งงาน เธอก็ช็อกจนวิญญาณแทบหลุดออกจากร่าง ไม่มีกระจิตกระใจจะหยิบจับอะไรเลยด้วยซ้ำ จนต้องลาพักร้อนแบบกะทันหัน และตอนนี้คนที่เธอรัก คนที่หักอกเธอ ก็โทรมาขอให้เป็นเพื่อนเจ้าสาวอีก
มันคือการประหารกันอย่างเลือดเย็นชัด ๆ!
นลินกำมือแน่นเพื่อระงับบางสิ่งที่ตีตื้นมาจุกคอ พร้อมทั้งพยายามควบคุมน้ำเสียงให้เป็นปกติที่สุด ก่อนจะถามออกไป “แล้ว... แล้วเจ้าสาวของพี่ต้น ไม่มีเพื่อนสนิทเลยหรือไง?”
“พี่ไม่ได้ถาม ดาให้พี่เป็นคนจัดการทั้งหมด งานแต่งเล็ก ๆ จัดแบบเงียบ ๆ รู้แค่ผู้ใหญ่สองฝ่าย แล้วก็บอกเพื่อนสนิทเท่านั้น”
คนฟังเม้มปากจนแดงก่ำ แต่หูยังฟังภาณุมาศพูด
“มะนาวช่วยพี่หน่อยนะ ขอร้องล่ะ ถือเป็นของขวัญแต่งงานให้พี่ละกัน เดี๋ยวงานแต่งพี่สะใภ้เสร็จพี่มีรางวัลให้เราด้วย”
นลินเงียบไปอีก แต่ใช้นิ้วมือกรีดน้ำตาที่ไหลลงมา มันเจ็บจนชาหนึบไปทั้งหัวใจเลยเชียว รางวัลอะไรนั่นไม่สำคัญเท่ากับการเผชิญหน้ากับชายที่รักในวันวิวาห์หรอก ที่แย่ไปกว่านั้นคือเธอจะปั้นหน้า ยังไงกับบทบาท ‘เพื่อนเจ้าสาว’
“มะนาว.... มะนาว ยังอยู่หรือเปล่า?”
“อยู่ค่ะ สัญญาณไม่ค่อยดีเลยพี่ต้น” เจ้าตัวโกหกคำโต ทั้งที่ได้ยินอีกฝ่ายชัดถ้อยชัดคำ
“เอาเป็นว่าเราตกลง รับปากพี่แล้วนะ” ภาณุมาศสรุปเอาดื้อ ๆ
“ค่ะ” หญิงสาวรับปากไม่ค่อยเต็มเสียงนัก ก่อนกดปิดสายมือไม้สั่น
เท่านั้นน้ำตาที่กลั้นเอาไว้ก็เอ่อออกมาราวกับเขื่อนแตก หญิงสาวเอามือปิดปากเพื่อกั้นเสียงสะอึกสะอื้นแล้วซบหน้ากับหัวเข่า ปล่อยให้น้ำตาชำระความผิดหวังให้กับหัวใจแหลกสลายของตัวเอง…
เสียงสะอื้นไห้ดังเป็นระยะ ๆ ทำให้สมาธิของปวาฬถูกทำลายลง ชายหนุ่มวางดินสอในมือที่กำลังร่างแบบแล้วชะโงกหน้าออกมามองร่างบางที่นั่งคุดคู้พิงต้นเสา สิ่งที่เห็นก็ทำให้ชายหนุ่มนิ่วหน้า ไม่อยากจะเชื่อว่าเขาจะได้เห็น ‘ความอ่อนแอ’ จากผู้หญิงคนนี้ ทั้งที่เมื่อเช้ายังอวดดีอวดเก่งกับเขาอยู่เลย
คงเพราะ ‘หัวใจ’ ถูกทำร้ายละมั้ง ความอ่อนแอถึงฉายชัด ปวาฬลุกขึ้นจากเก้าอี้ทำงานทันที
เสียงฝีเท้าทำให้นลินเงยหน้าขึ้น เธอสบดวงของชายหนุ่ม ก่อนเช็ดคราบน้ำตาออกแล้วถามเสียงห้วน
“มีอะไร ?”
คนถูกถามมองที่ปลายจมูกแดงก่ำของหญิงสาว ก่อนเอ่ยเสียงเรียบ “นึกว่านางพรายที่ไหนมาคร่ำครวญอยู่หน้าระเบียง”
นลินลุกขึ้นยืน พร้อมทำหน้ายุ่งทันที “คุณว่าใคร?”
“ว่าเธอนั่นล่ะ แค่อกหักแหกปากยังกับญาติเสีย”
“มันเรื่องของฉัน ใครจะไปตายด้านเหมือนคุณล่ะ” นลินหันไปพาลใส่เจ้าของบ้าน แต่ชายหนุ่มก็เอาแต่เฉย “คุณเองก็ถูกหักอกมาเหมือนกันไม่ใช่เหรอ?”
เพราะกำลังโมโห หญิงสาวเลยถามออกไปโดยไม่ได้ยั้งคิด และนั่นก็ทำให้สายตาของปวาฬเปลี่ยนไป
“เธอรู้ได้ไง ?” ชายหนุ่มย้อนถามเสียงเย็น
“ก็....” นลินเกือบหลุดออกมาว่ารักษ์สิกาเป็นคนบอก ดีที่หยุดปากไว้ได้ทัน ไม่เช่นนั้นเพื่อนรักอาจเดือดร้อนก็เป็นได้ “ฉันรู้ละกัน”
คำตอบคลุมเครือ ทำให้ใบหน้าเรียบสนิทของอีกฝ่ายบึ้งตึงกว่าเดิม
“บอกมา เธอรู้เรื่องนี้ได้ไง ?”
ดวงตาวาวโรจน์ด้วยความไม่พอใจกับน้ำเสียงคาดคั้นของอีกฝ่าย รวมถึงการ ‘ต้อน’ ให้เธอจนมุมระเบียง ทำให้หญิงสาวรู้สึกใจสั่น และมันก็ทำให้เธอรู้สึก ‘กลัว’ ผู้ชายคนนี้ขึ้นมาอย่างหาเหตุผลไม่ได้
