2 จอมบงการ (3)
ความเงียบแฝงตัวเข้ามาอีกครั้งเมื่อต่างฝ่ายต่างมีเรื่องต้องทำ เจ้าของบ้านยังคงนั่งขีด ๆ เขียน ๆ อยู่ที่โต๊ะทำงานในบ้านซึ่งตั้งตรงกับช่องหน้าต่างและลมเย็น ๆ พัดผ่านตลอด
ส่วนนลินพอคว้าหนังสืออ่านเล่นได้ เธอก็มาเอนหลังบนเก้าอี้โยกที่หน้าระเบียง พอกวาดสายตาไปตามตัวอักษรได้แค่สองสามบรรทัดเสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น พอเห็นชื่อนลินก็รับสายทันที
“ว่าไง ?”
“ได้ข่าวว่าแกก่อเรื่องวุ่นวายจนน้าชายของฉันปวดหัว”
“นี่พูดดี ๆ หน่อย ฉันไม่ได้ก่อเรื่องนะ เจ้าซ่าหริ่มต่างหากที่ทำ” หญิงสาวรีบแก้ต่างให้ตัวเอง พร้อมขยับตัวขึ้นนั่ง
“จะใครทำก็เหมือนกันนั่นแหละ แกก็ดูแลลูกชายดี ๆ ละกัน น้าวาฬเขารักภาพเขียนมาก นี่หากแกไม่ใช่เพื่อนฉันนะมีหวังคงโดนตะเพิดออกจากบ้านไปนานแล้ว”
คนฟังทำปากยื่น
“โอ๊ย ใครบอกว่าไม่โดนไล่เล่า ฉันโดนคุณน้าสุดที่รักของแกเฉดหัวส่งตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว แต่บังเอิญว่าฉันหน้าด้านหน้าทนถึงอยู่ต่อจนเช้าไง”
ผู้อยู่ปลายทางหัวเราะ เพราะรู้จักนิสัยของนลินและน้าชายของตัวเองดี
“แล้วคิดว่าอยู่ได้ไหมล่ะ ?”
“ถ้าบอกว่าอยู่ไม่ได้แกจะมารับฉันกลับหรือไง ?”
“เสียใจย่ะ ฉันคงไปรับไม่ได้หรอก เนี่ยยังอยู่ต่างจังหวัดอยู่เลย” น้ำเสียงที่ระบายออกมานั้นติดจะหงุดหงิด
“อ้าว คิดว่าอยู่ที่สำนักงานซะอีก”
“ยังจัดการธุระไม่เสร็จ เดี๋ยวต้องออกล่าตัวกัปตันคนโปรดคุณตาท่านอีก ถ้าแกมีอะไรก็โทรมาหาฉันละกัน แค่นี้ก่อนนะ”
“เฮ้ยเดี๋ยวก่อน สิกา” นลินเรียกเสียงดัง
“อะไรอีกละ เรียกซะเสียงดังเลย” น้ำเสียงปลายทางติดจะรำคาญนิด ๆ
“ฉันถามอะไรหน่อยสิ นายปลาวาฬเนี่ย เป็นน้าแท้ ๆ ขอแกหรือเปล่า? รึคุณตาท่านไปเก็บเด็กเหลือขอที่ไหนมาเลี้ยง”
นลินยิงคำถามที่ตัวเองสงสัยทันที หารู้ไม่เลยว่าตลอดเวลาที่คุยโทรศัพท์นั้น ปวาฬซึ่งนั่งทำงานอยู่ได้ยินบทสนทนาของเจ้าหล่อนตลอด
“แกเอาสมองส่วนไหนคิดวะไอ้นาว น้าแท้ ๆ สิ ถามทำไม หรือแกเกิดสนใจน้าฉันขึ้นมา เฮ ฉันเป็นแม่สื่อให้แกได้นะ แอบรู้มาจากคุณตาว่า ‘เพิ่งอกหัก’ ว่ะ”
นลินย่นจมูก มิน่าเล่าอารมณ์เจ้าของบ้านถึงได้ขึ้น ๆ ลง ๆ เหมือนสตรีวัยทอง ที่แท้ก็เพิ่งอกหักช้ำรักนี่เอง
“แกสนใจน้าฉันใช่ปะ ?” รักษ์สิกากระเซ้าอีกเมื่อนลินเงียบไป
“ไม่เอาด้วยหรอก ฉันไม่นิยมบริโภคผู้ชายประเภทนี้ ขืนกินเข้าไปมีหวัง อี๋ กระเพาะ ลำไส้ ของฉันต้องพังยับเยินแน่ ๆ เลย” นลินตอบแบบขำ ๆ แถมทำท่าขนลุกขนพอง
“อาหารไม่ย่อยหรือไงวะ ?”
“เปล่า อาหารเป็นพิษต่างหาก” ทั้งสองสาวพากันหัวเราะ จากนั้นรักษ์สิกาก็วางสายไปดื้อ ๆ
“ให้ได้อย่างนี้ซิ เพื่อนหนอเพื่อน” นลินส่ายหน้า แต่พอหันกลับไปก็บังเอิญสบตากับเจ้าของบ้านเข้า
สีหน้าของชายหนุ่มดูบึ้งตึงนัก นลินไม่กล้าทายว่าเขาไม่พอใจเรื่องอะไร ระหว่างคุยโทรศัพท์เสียงดังกับนินทาเขาในระยะเผาขน หรือสองอย่าง
หญิงสาวทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ก่อนคว้าหนังสือเล่มโปรดขึ้นมาอ่านต่อ ความเงียบแทรกเข้ามาได้ไม่นาน โทรศัพท์มือถือของนลินก็ดังขึ้นอีก เพราะมัวเพลินกับหนังสือในมือนลินเลยไม่ทันมองเบอร์ที่โทรเข้ามา
“มีอะไรอีกละ?”
“โกรธใครอยู่หรือเปล่า?”
เสียงทุ้มคุ้นหูในโทรศัพท์ทำเอานลินค้างไปอึดใจ
“พี่ต้น...” หญิงสาวเรียกชื่ออีกฝ่ายเสียงแผ่ว
หัวใจเต้นแรงผิดจังหวะขึ้นมา ทั้งดีใจ ทั้งแปลกใจที่ได้ยินเสียงของชายหนุ่ม นลินเอามือป้องปากเมื่อเหลือบไปเห็นเจ้าของบ้านยังคงก้มหน้าก้มตาทำงานอยู่ จากนั้นก็ลุกจากเก้าอี้โยกแล้วเดินไปหยุดที่ลูกกรงระเบียงบ้าน เพื่อไม่ให้เสียงสนทนารบกวนเจ้าของบ้าน
“อือ พี่เอง โทรไปที่บริษัท ทางนู้นบอกว่า คุณนลินลาพักร้อนค่ะ’”
ภาณุมาศทำเสียงล้อเลียนโอเปอเรเตอร์ในประโยคท้าย หากยามสภาพจิตใจของนลินเป็นปกติเธอก็คงหัวเราะให้น้ำเสียงทุ้มที่บีบจนเล็กนั่น แต่เวลานี้ ต่อให้ ‘เค้น’ เสียงหัวเราะก็ไม่มี
“พอดีช่วงนี้มะนาวเบื่อน่ะค่ะ
