1 รองเท้าที่หายไป (6)
“ไม่ได้ เราต้องคุยกันเดี๋ยวนี้!”
“เรื่องมากจริง” หญิงสาวทำปากขมุบขมิบ
“เธอว่าอะไรนะ ?” ชายหนุ่มเลิกคิ้ว
“บอกว่าเรื่องมากจริง ได้ยินชัดหรือยัง ยังไม่แก่เลยหูตึงซะแล้ว”
คำของนลินทำเอาเจ้าของบ้านขมวดคิ้วเข้าหากันยุ่งด้วยความไม่พอใจ
“นี่แม่คุณ! ตอนนี้เธอกำลังอยู่ในบ้านของฉัน กรุณาอย่าซ่าให้มากนัก รู้ซะมั่งใครเป็นเจ้าของ ใครเป็นผู้อาศัย”
น้ำเสียงจริงจังของอีกฝ่ายทำให้นลินหน้าตึงขึ้นมา เธอล่ะเกลียดจริง ๆ พวกที่ชอบข่มคนที่ด้อยกว่า
“รู้แล้วน่า ไม่ต้องมาย้ำหรอก อีโธ่ เป็นแค่เจ้าของบ้านทำเป็นเบ่งคับจอ”
เอากับยัยมะนาวสิ!
ปวาฬหรี่ตามองหญิงสาว “อย่างน้อยฉันก็จับเธอโยนออกไปข้างนอกได้”
นลินเชิดหน้าขึ้น ทำเป็นไม่ได้ยิน “มีอะไรก็รีบ ๆ ว่ามาสิ”
ชายหนุ่มมองหญิงสาวอย่างตำหนิ แต่เขาก็ใจเย็นที่จะคุยกับเธอ
“เธอต้องเรียนรู้ และปฏิบัติตามกฎระเบียบที่ฉันตั้งขึ้นในระหว่างที่เธอพักอยู่ที่นี่”
นลินย่นจมูกให้กับเจ้าของบ้าน “ถ้า....”
“ถ้าเธอไม่ปฏิบัติตามก็ขนสัมภาระของเธอกลับไปได้เลย” ชายหนุ่มดักคออย่างรู้ทาง แต่นลินกลับเบ้ปาก ทำหน้าไม่พอใจ
‘อีตาบ้านี่เป็นน้าในไส้ของแกจริง ๆ หรือวะยัยสิกา หรือคุณตาท่านไปเก็บเด็กกำพร้ามาเลี้ยง นิสัยถึงได้ต่างจากแกลิบโลก’ นลินบ่นในใจ พอเงยหน้าสบตากับเจ้าของดวงตาดำขลับ หญิงสาวก็เชิดหน้าขึ้น
“ว่ามา” เจ้าหล่อนบอกเสียงแข็งก่อนทิ้งตัวนั่งกอดอกขัดสมาธิลงบนพื้นไม้กระดานขัดมัน เพื่อรอฟังข้อตกลงของอีกฝ่ายอย่างไม่พอใจเท่าไหร่นัก
ปวาฬหรี่ตามองวงหน้าหวานที่บอกบุญไม่รับและท่านั่ง ‘สุดแสนจะร้อยเรียบ’ ด้วยใบหน้าเรียบสนิท
“ใส่กระโปรงนั่งแบบนั้นจะดีเหรอ?”
“มันเรื่องของฉัน”
“งั้นฉันจะถือว่าเธออ่อย” ชายหนุ่มบอกหน้านิ่ง นลินเลยรีบเปลี่ยนอิริยาบถเป็นนั่งพับเพียบทันที
“พูดมาสิ ฉันรอฟังอยู่”
“ข้อแรก... ฉันต้องการความสงบ เพราะกลางวันฉันทำงานที่นี่”
นลินพยักหน้า เขาจะทำงานอะไรก็ช่าง ไม่เกี่ยวกับเธอทั้งนั้น เพราะสิ่งที่เธอต้องการ คือความสงบเช่นกัน “รับรองว่าฉันไม่ทำเสียงดังรบกวนสมาธิของคุณแน่”
“ดี งั้นก็ถอดมันออกซะ” คนออกคำสั่งชี้นิ้วไปที่ข้อเท้าเธอ
“ถอดไอ้เนี่ยเหรอ” นลินย้อนถามอย่างไม่แน่ใจ เพราะสร้อยข้อเท้าห้อยลูกกระพรวนไม่ได้เสียงดังสนั่นน่ารำคาญอะไร แต่ปวาฬก็พยักหน้าแล้วให้เหตุผล
“รำคาญเสียงลูกกระพรวน”
คนถูกออกคำสั่งเม้มปากอย่างขัดใจ เพราะสร้อยข้อเท้าเป็นหนึ่งในเครื่องประดับที่เธอชื่นชอบ และไม่เคยคิดที่จะถอดมันออกเลย
“คุณบอกว่าต้องการความสงบ เพราะกลางวันจะทำงานที่นี่ใช่มั้ย?”
“ใช่”
“ตอนนี้คุณยังไม่ทำงาน และไม่ใช่กลางวันด้วย ฉันถอดพรุ่งนี้คงไม่มีปัญหา” หญิงสาวยักคิ้วให้กวน ๆ ทำเอาปวาฬถอนฉุน เขามองหญิงสาวด้วยความไม่พอใจ แต่นลินก็แกล้งทำไม่รู้ไม่ชี้
“ไม่มีปัญหา ถ้าเธออยากงัดข้อกับฉัน”
นลินแอบเบ้ปาก ปวาฬเลยบอกเงื่อนไขข้อต่อไป
“ข้อสอง ห้ามเธอพาคนนอกเข้ามาวุ่นวายที่นี่เป็นอันขาด”
“รักษ์สิกาล่ะ คุณนับเธอเป็นคนนอกด้วยหรือเปล่า?”
“ไม่นับยัยสิกา”
นลินไหวไหล่ “เรื่องนี้คุณสบายใจได้ ฉันไม่พา ‘ตัวภาระ’ มาเพิ่มให้คุณได้รำคาญลูกตาแน่”
“ดี”
“แค่นี้ใช่ไหมข้อตกลงของคุณ”
ปวาฬส่ายหน้าช้า ๆ “ข้อสาม เธอต้องช่วยดูแลความสะอาดบ้านหลังนี้”
“เฮ้ย! มากไปหรือเปล่า ฉันไม่ใช่คนรับใช้ของคุณนะ” หญิงสาวผลุดลุกขึ้นทันที หากใบหน้ากวน ๆ ของเจ้าของบ้านกลับเหยียดยิ้มที่มุมปาก
“ไม่มากไปหรอกมะนาว คิดดูสิ ค่าน้ำเธอก็ไม่ต้องเสีย ค่าไฟเธอก็ไม่ต้องจ่าย ไหนจะค่าอาหาร รวมทั้งค่าที่พัก เธอคิดจะมาอยู่ฟรี กินฟรีอย่างเดียวเลยหรือไง มันต้องมีสิ่งแลกเปลี่ยนกันบ้างสิ”
นลินแทบกระอักเมื่อเจอเหตุผลของอีกฝ่าย
“โหย นี่เค็มจนเกลือเรียกพี่เลยนะเนี่ย ไม่หล่อแล้วยังจะงกอีก”
ปวาฬเพียงไหวไหล่ไม่สนใจคำของหญิงสาวเท่าไหร่
“ก็ไม่ได้บังคับอะไร ถ้าเธอไม่อยากทำก็ไม่ต้องทำ แล้วก็... ไม่ต้องอยู่” เขาพูดอย่างผู้ถือไพ่เหนือกว่า
“ไม่ยุติธรรมกับฉันเลย คุณก็อยู่ที่นี่ด้วย ถ้าคุณแกล้งทำ บ้านรก ฉันไม่ต้องทำความสะอาดจนเหนื่อยเลยรึไง”
“นั่นมันเป็นเรื่องของเธอ”
“คุณนี่มัน!...” นลินหยุดแค่นั้นเพราะไม่รู้จะหาคำอะไรมาว่าอีกฝ่าย
“พูดดี ๆ นะ ถ้าไม่อยากนอนตากน้ำค้างข้างนอกคืนนี้”
“รู้แล้วน่า!“ นลินตะเบ็งเสียงหน้ายุ่ง “ทีนี้ฉันเข้านอนได้แล้วใช่มั้ย?”
