1 รองเท้าที่หายไป (3)
“ดีมาก...” เสียงทุ้มของอีกฝ่ายกระซิบที่ใบหู แต่ความใกล้เกินจำเป็นกลับทำให้หญิงสาวหายใจสะดุด กลิ่นกายหอมสะอาดของเขาทำเอาเธอฟุ้งซ่าน
“เย็นไว้มะนาว...เย็นไว้” หญิงสาวบอกตัวเองในใจ ทั้งพยายามตั้งสติ
ดวงตากลมโตราวนางเนื้อระวังภัยยังจับจ้องไปที่ชายหนุ่มตาไม่กะพริบ พอเขาปล่อยเธอ ทันเท่าความคิดหญิงสาวก็ฝังเขี้ยวกับมือหนาของอีกฝ่ายทันที!
“โอ๊ย!” ปวาฬขบฟันกรามเข้าหากัน เขาออกแรงบีบต้นแขนของหญิงสาวเพื่อกระตุ้นให้เจ้าหล่อนปล่อยทันที
นลินรีบปล่อยทันที พอเป็นอิสระได้เธอก็ถอยไปอยู่อีกฟากของชานเรือนที่ไม่มีลูกกรงระเบียงกั้น
เอาสิ ถ้าโจรร้ายนี่เข้ามา เธอจะโดดน้ำหนี ต่อให้ว่ายน้ำไม่เป็นก็เถอะ!
แต่เหตุการณ์กลับไม่เป็นอย่างที่คิด เพราะโจรร้ายเพียงสลัดมือไปมาพร้อมส่งสายตาไม่พอใจมาให้เท่านั้น
“ดุกว่าเจ้ารถถังซะอีก”
“คุณว่าฉันเป็นหมาเหรอ?”
พอถามออกไปนลินต้องชะงัก เพราะผู้ชายท่าทางเหมือนศิลปินเถื่อนรายนี้รู้จักเจ้ารถถังด้วย
“เธอ... พูดเองนะ”
นลินเม้มปากเข้าหากัน มองฝ่ายตรงข้ามอย่างพิจารณา เรียกว่าตั้งแต่หัวจรดเท้าทีเดียว
ผมเผ้าของเขายาวรุงรังเพราะไม่ได้รวบ หรือไม่ก็...ไม่เคยหวีเลย แถมใบหน้ายังมีหนวดเคราขึ้นรกลูกตา นลินเห็นใบหน้าเขาไม่ถนัดตานักเพราะฝ่ายนั้นหันหลังให้ตะเกียงน้ำมัน
แต่ที่เธอสำรวจได้ถนัดตาที่สุดก็คือเสื้อผ้าที่เขาใส่ เป็นเสื้อคอกลมสีสะอาดตา แขนยาวถึงข้อมือ ส่วนท่อนล่างเป็นกางเกงเลสีทึบผูกเอวที่ชาวประมงชอบใส่ออกหาปลา
นลินได้แต่ยืนจ้อง ‘คนแปลกหน้า’ ตาไม่กะพริบ ยังไม่ทันได้พูดอะไรเสียงโทรศัพท์ของโจรบ้ากามก็ดังขัดจังหวะเสียก่อน หญิงสาวมองผู้มาเยือนตาวาว ขณะที่ร่างสูงเดินท้าวสะเอวไปนั่งที่เก้าอี้โยกในอิริยาบถสบายราวกับเป็นเจ้าของบ้าน
“อือ... เจอแล้ว” น้ำเสียงของเขาเนิบ ๆ
“แปลกใจมากเลยคุณหลาน มีอะไรจะแก้ตัวมั้ย?”
ประโยคหลังรู้สึกว่าอีตาโจรบ้ากามกำลังไม่พอใจอะไรสักอย่าง... นลินหัวใจเต้นตุ้ม ๆ ต่อม ๆ มองอีกฝ่ายอย่างระวังภัย ทั้งนี้เป็นเพราะผู้ชายคนนี้มองมาที่เธอเป็นระยะ ๆ นั่นเอง พอฝ่ายนั้นลุกขึ้นเท่านั้น นลินก็หันรีหันขวางพร้อมเบียดกายเข้าหาต้นเสา
“สิกาขอคุยกับเธอ” ชายหนุ่มเอ่ยขึ้นพร้อมยื่นโทรศัพท์ให้
“ฮะ?” นลินหน้าเหวอ แต่ก็ก้าวขาไปหาอีกฝ่ายโดยดี ทว่า....
“ว้าย!”
หญิงสาวลื่นเสียหลัก ดีว่าปวาฬคว้าตัวไว้ได้ทัน และมันก็ทำเอาร่างแบบบางถลาเข้าอกหนาของเขาทันที
ใบหน้าขาวนวลที่ซีดเผือดในตอนแรกเปลี่ยนเป็นแดงก่ำ นลินรีบยันกายออกห่างจากคนที่คว้าตัวเธอไว้อย่างหวงเนื้อหวงตัว เพราะมือหนาของฝ่ายนั้นแตะอยู่ที่เอวบางของเธอ ที่สำคัญมือเธอก็คว้าคอเสื้อของเขาอยู่
“หน้าตาไม่น่าซุ่มซ่ามเลยนะ”
นลินมองหน้าอีกฝ่ายด้วยสายตาไม่พอใจ ยังไม่ทันได้เปิดปากพูด ปวาฬก็ส่งโทรศัพท์ให้อีกครั้ง หญิงสาวมองอีกฝ่ายอย่างชั่งใจ พอคว้าสิ่งที่เขายื่นให้เธอก็ก้าวยาว ๆ ไปอีกมุมของระเบียงบ้าน
“ว่าไงสิกา?” หญิงสาวกรอกเสียงขุ่นใส่โทรศัพท์
“เจอหน้าน้าวาฬแล้วสินะแก”
แค่ประโยคเดียวทำเอานลินลอบผ่อนลมหายใจออกมา เพราะคนที่คุยกับเธอนั้นคือรักษ์สิกา
“ไม่เห็นมีเลย นอกจากผู้ชายหน้าตาน่ากลัว เขาเป็นคนสวนของน้าแกเหรอ?” นลินลดเสียงลงเกือบเป็นกระซิบในประโยคท้าย ทำเอารักษ์สิกาหัวเราะคิกคัก
“ไม่ใช่ย่ะ นั่นน่ะน้าชายของฉันเอง”
“ฮะ!” นลินอุทานเสียงสูง พลางปรายตาไปมองผู้ชายที่ย่อตัวเล่นกับเจ้าซ่าหริ่ม
“แกอำฉันเล่นใช่มั้ยสิกา?” หญิงสาวถามเสียงต่ำเอามือป้องปาก หวังว่านี่เป็นเรื่องตลกที่รักษ์สิกาสร้างขึ้นมาเท่านั้น
“ฉันจะอำแกทำไมวะ นั่นน่ะน้าชายแท้ ๆ ของฉันเอง”
คำยืนยันของเพื่อนรักทำเอานลินนิ่งไปชั่วขณะ เธอหน้าจ๋อยลงทันใด
“เวรเลย ใครจะไปรู้ นึกว่าโจรบ้ากาม”
“น้อย ๆ หน่อยย่ะ ไอ้โจรบ้ากามที่แกพูดถึงน่ะ น้าชายของฉันนะ”
