บท
ตั้งค่า

1 รองเท้าที่หายไป (2)

หลังจากจัดการกระเป๋าสัมภาระและอาบน้ำเรียบร้อยแล้ว นลินก็เปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดนอนกระโปงสีฟ้าอ่อนยาวแค่หัวเข่าออกมายืนรับลมที่ระเบียงบ้าน โดยมีเจ้าซ่าหริ่มคลอเคลียอยู่ที่ขาไม่ห่าง

ความเงียบเข้ามาทำหน้าที่ พร้อมลมทะเลเย็นฉ่ำชื่นใจที่โชยผ่าน เส้นผมดำขลับราวเส้นไหมชั้นดีซึ่งถูกตัดสั้นประบ่าปล่อยปลิวไปตามแรงลมพัดผ่าน แล้วใบหน้าของ ‘ใครบางคน’ ก็วนเวียนเข้ามาในสมองเธอ...

หญิงสาวปิดเปลือกตาลงพักใหญ่เมื่อน้ำตาทำท่าว่าจะไหลลงมา แต่เธอก็ลืมตาขึ้นเมื่อเจ้าซ่าหริ่มเอาขามาเขี่ยสร้อยข้อเท้าซึ่งมีลูกกระพรวนเม็ดเล็ก ๆ เล่น

หญิงสาวเดินหนีไปทิ้งตัวนั่งบนเก้าอี้ไม้โยกเพื่อเอนหลังในท่าสบาย เธอไม่ได้มาเหยียบบ้านเรือนแพนี่หลายปีแล้ว จะว่าไปที่พักชั้นเลิศนี้แทบไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเลย ข้าวของเครื่องใช้ในบ้านยังถูกวางในตำแหน่งเดิม หากจะเพิ่มเข้ามาก็คงเป็นพวกอุปกรณ์วาดภาพ แล้วก็ภาพวาดเขียนสีที่แขวนไว้ตามฝาผนังและวางซ้อน ๆ กันที่มุมบ้าน

แต่ละภาพที่ถ่ายทอดลงบนผืนผ้าใบนั้นสามารถดึงดูดสายตาเธอได้เป็นนานสองนาน อาจเพราะความรู้สึกจากภาพวาดที่สะท้อนออกมานั้น คือความเหงาด้วยล่ะมั้ง

เธอถึงมองทุกรายละเอียดของแต่ละภาพไม่เบื่อ จนลืมไปเลยว่าตัวเองต้องทำอะไรต่อไป

ลมเย็น ๆ พาให้เปลือกตาของนลินเริ่มหนักขึ้นมา แค่เคลิ้มไปเท่านั้นเสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น

“ไงไอ้นาว เจอหน้าน้าวาฬหรือยังแก ?” คนโทรมายิงคำถามใส่ทันทีโดยที่นลินยังไม่ทันได้เปิดปากพูด

“ไม่เห็นหน้าใครเลยนอกจากเจ้าซ่าหริ่ม เนี่ย ฉันซื้อขนมมาติดสินบนน้าแกด้วยนะ”

“เฮ้ย! แกเอาเจ้าซ่าหริ่มมาด้วยเหรอ ทำไมฉันไม่เห็น ?” คนโทรมาถามด้วยน้ำเสียงตกใจ

“อือ ก็ไว้ที่เบาะหลังรถไง ถ้าฉันไม่เอามาด้วย แล้วใครจะเลี้ยงมัน แกนี่ก็ถามอะไรแปลก ๆ”

“เวรเลยไอ้นาว น้าวาฬเลี้ยงหมาไว้ด้วย ฉันกลัวเจ้ารถถังจะขย้ำลูกชายแกซะก่อนนะสิ“

จากที่อยู่ในอิริยาบถผ่อนคลาย นลินรีบลุกขึ้นจากเก้าอี้โยกทันที

“อ้าว เอาแล้วไง ทำไงดีล่ะ ?” หญิงสาวถามอย่างร้อนใจพลางเอามือกุมศีรษะตัวเอง

“ถ้าจะให้ฉันขับรถย้อนไปรับลูกชายแกละก็ ขอใจร้ายนะเพื่อน เพราะตอนนี้ฉันอยู่ต่างจังหวัดแล้ว” รักษ์สิการีบออกตัว

“รู้น่า ไม่รบกวนแกหรอกแค่นี้ก็เกรงใจมากแล้ว แกก็รู้ นอกจากมีแกเป็นเพื่อนแล้ว ก็มีแต่เจ้าซ่าหริ่มนี่ล่ะที่เป็นเพื่อน ฉันใจดำกับมันไม่ลงหรอก”

ประโยคท้ายนลินพูดด้วยน้ำเสียงสั่นน้อย ๆ ซึ่งปลายทางสัมผัสความรู้สึกนี้ได้ รักษ์สิการู้ดีว่าเกิดอะไรกับเพื่อนรัก นลินถึงต้องลาพักร้อนยาวเหยียดแล้วระหกระเหินมาถึงบ้านเรือนแพ

“เอาเถอะ ๆ ฉันจะบอกน้าวาฬให้ก็แล้วกัน ว่าอย่าปล่อยเจ้ารถถังมาที่แพ”

ได้ยินอย่างนั้นนลินก็โล่งอก “ต้องอย่างนี้สิ ขอบใจแกมากเลยนะ”

“อือ” คนโทรมารับคำในลำคอแล้วตัดสายทิ้ง

พอนลินหันหลังกลับไปเพื่ออุ้มเจ้าเหมียวที่เอาหน้ามาถูไถปลีน่อง เธอก็อุทานเสียงหลงออกมา เพราะหันไปเจอกับผู้ชายร่างใหญ่ซึ่งเดินเข้ามาในบ้านแบบเงียบ ๆ

โทรศัพท์ในมือตกสู่พื้นทันที!

ดวงตาคู่สวยเบิ่งกว้างด้วยความตกใจ หัวใจกระตุกวูบลงไปอยู่ที่ตาตุ่มเมื่อคำว่า ‘โจรบ้ากาม’ เข้ามาอยู่ในหัว หากยังไม่ทันได้กรี๊ดออกมา ผู้มาเยือนก็รีบเอามือปิดปากเธอเสียก่อน พร้อมทั้งรวบข้อมือไว้ด้วยมืออีกข้าง

ลมหายใจของอีกฝ่ายรดอยู่ที่ขมับ ร่างนั้นใหญ่โตเหลือเกิน ขนาดนลินคิดว่าตนเองสูงได้มาตรฐานหญิงไทยแล้ว พอเทียบกับชายคนนี้ เธอรู้สึกว่าตัวเล็กไปถนัดใจเลยเชียว

“ฉันไม่ใช่โจร เธอต้องรับปากก่อนว่าจะไม่แหกปาก ถ้าฉันปล่อย”

เชื่อคำโจรก็บ้าแล้ว!!!

นลินไม่รู้หรอกว่าเจ้าโจรร้ายรายนี้เข้ามาในเรือนแพได้อย่างไรทั้ง ๆ ที่เธอล็อกประตูลูกบิดเรียบร้อยแล้ว แต่เมื่อเจ้าโจรร้ายประชิดตัว เธอตกเป็นเหยื่อ ทางเลือกเดียวที่ต้องทำคือยอมปฏิบัติตามคำสั่งเท่านั้น ดังนั้นนลินจึงพยักหน้างึก ๆ ส่งไปก่อน

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel