บท
ตั้งค่า

1 รองเท้าที่หายไป (1)

นลินกวาดสายตามองบรรยากาศรอบตัว นอกจากต้นลีลาวดีที่ออกดอกขาวสะพรั่งต้นอยู่ในขอบบ่อปลายสะพาน สองข้างทางเต็มไปด้วยต้นไม้น้ำเค็มที่เธอไม่รู้จัก

ครั้นจะขอความช่วยเหลือจากชาวบ้านในละแวก เธอก็ไม่รู้จักใครสักคน อีกอย่างตั้งแต่รักษ์สิมาเอาเธอมาปล่อยไว้ที่นี่ เธอยังไม่เจอหน้าใครเลยนอกจากบ้านเรือนไทยที่ปลูกใกล้สะพาน

ดวงตากลมโตประดับด้วยขนตางอนยาวมองรองเท้าอีกครั้ง ริมฝีปากบางเคลือบลิปสติกสีแดงสดมันวาวขบเข้าหากันเมื่อรู้วิธีเอารองเท้าออกจากร่องไม้โดยไม่ต้องวางข้าวของที่หอบมาด้วยลง

“แป๊บเดียวนะ ซ่าหริ่มลูกรัก”

พูดกับเจ้าแมวเหมียวในตะกร้าหวายที่เริ่มอยู่ไม่เฉย นลินก็ถอดรองเท้าอีกข้างออก เธอใช้เท้าข้างที่ถนัดแหย่ลงไปในรองเท้าส้นสูงแล้ว ‘งัด’ รองเท้าออกจากสะพาน

ครั้งแล้วครั้งเล่าที่เธอพยายาม มันกลับไม่เป็นผลเอาซะเลย จนเธอหงุดหงิดขึ้นมา

“ให้มันได้อย่างนี้สิ!” เจ้าหล่อนระบายอารมณ์ด้วยการใช้แรงที่มากกว่าเดิม!!

ผลก็คือ รองเท้าคู่โปรดหลุดออกจากร่องไม้โดยดี แต่ทว่ามันลอยลิ่วข้ามกำแพงหายไปในบ้านเรือนไทยหลังโตอันมีดงต้นไม้ขึ้นหนาทึบ และนั่นก็ทำให้วงหน้างามเหยเกขึ้นมา

“ซวยแล้ว งานเข้าแล้วไงไอ้นาว” หญิงสาวบ่นตัวเองแล้วถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่

ครั้นจะหอบสัมภาระไปขอรองเท้าคืนคงไม่สะดวกแน่ ดังนั้นนลินจึงตัดสินใจสวมรองเท้าส้นสูงที่เหลือเพียงข้างเดียว มุ่งหน้าไปยังบ้านเรือนแพตรงหน้า

เมื่อลงมาถึงบ้านเรือนแพหลังงาม รอยยิ้มอย่างพึงพอใจปรากฏบนวงหน้า ถือว่าเป็นที่พักสุดแสนวิเศษในช่วงลาพักร้อนก็ว่าได้

พอวางหอบสัมภาระลง หญิงสาวก็นำลูกกุญแจที่ได้จากรักษ์สิกาไขประตูทันที เธอรู้ว่าที่นี่ไม่มีไฟฟ้าใช้ ใช่ว่าเป็นพื้นที่กันดารห่างไกลความเจริญ แต่เพราะเป็นรสนิยมของเจ้าของบ้านที่อยากลดภาวะโลกร้อน

นี่จึงเป็นเหตุจูงใจอีกข้อที่เธอเลือกมาพักที่นี่

พอเข้ามาในตัวบ้านได้หญิงสาวก็จัดการขนกระเป๋าเสื้อผ้าเข้ามาวางกองรวมกัน โดยไม่ลืมเปิดตะกร้าหวายแล้วอุ้มแมวตัวโปรดออกมา

“สำรวจบ้านใหม่ไปก่อนนะเจ้าลูกชาย เดี๋ยวมะนาวมา”

วางแมวสุดที่รักลงบนพื้นกระดานขัดมันแล้ว หญิงสาวก็หันไปค้นกระเป๋าเพื่อนำรองเท้าแตะออกมาสวม แล้วออกจากบ้านเรือนแพอีกครั้งโดยไม่ลืมปิดประตู

นลินวิ่งมายังจุดเกิดเหตุอีกครั้ง เธอชะเง้อคอยาวอยู่ข้างสะพานพักใหญ่ ยังเผื่อใจว่าจะได้เห็นรองเท้าคู่โปรดตกอยู่แถว ๆ นั้น แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่เห็นแม้เงา นั่นจึงเป็นเหตุให้เธอตัดสินใจไปยืนอยู่หน้ารั้วหน้าเรือนไทยหลังโต แต่บ้านก็เงียบกริบเหมือนไม่มีใครอยู่

“เอาไงดีหว่า?” หญิงสาวเกาคางเท้าสะเอวอย่างใช้ความคิดอยู่อึดใจ แล้วหล่อนก็ได้คำตอบ นั่นก็คือ ‘ปีนรั้ว’

แต่ยังไม่ทันได้ลงมือ เสียงเห่าของสุนัขตัวโตก็ดังขึ้นเสียก่อน มันวิ่งหน้าตั้งมาตะกายรั้ว นลินรีบถอยห่างจากรั้วทันที ขืนแตะต้องรั้วบ้านสิ...

อี๋ มีหวังเธอได้ถูกเจ้าขนปุยนี่ฉีกเนื้อแน่เลย ดูมันจะไม่เป็นมิตรกับคนแปลกหน้าเอาซะเลย

“ใจเย็นเพื่อนฝูง... ฉันแค่มาเอารองเท้าคืนเท่านั้น”

นลินบอกเจ้าสุนัขสีขาวขนปุยราวกับว่ามันเข้าใจภาษามนุษย์ แต่เจ้าสุนัขตัวโตก็ไม่ยอมหยุดเห่า ซ้ำยังแยกเขี้ยวใส่ นลินได้แต่เบ้ปากทำหน้ายุ่ง อยากได้รองเท้าคืนก็อยาก แต่เจ้าถิ่นมันแรง ยิ่งได้เจอเจ้าตัวโตนี้ด้วย มีหวังรองเท้าของเธอต้องถูกเจ้าตัวนี้ขย้ำเละแน่ พอนึกถึงรองเท้าคู่โปรดกลายเป็นที่ลับเขี้ยวของเจ้าสุนัขตัวนี้ ใบหน้าสวย ๆ ก็เหยเกขึ้นมา

เฮ้อ... คิดแล้วอยากร้องไห้

“โฮ่ง ๆๆ” เสียงเห่ารัวเป็นชุดทำเอานลินสะดุ้ง เมื่อทำอะไรไม่ได้หญิงสาวก็ยกมือในท่ายอมแพ้

“โอเค นายชนะ” พูดแค่นั้นเจ้าสุนัขก็เห่าเสียงดังกว่าเดิมอีก จนผู้มาเยือนอดไม่ได้ที่จะแยกเขี้ยวใส่

“เก่งไปเถอะแก เดี๋ยวให้เจ้าซ่าหริ่มจัดการซะเลย!!!”

หญิงสาวคาดโทษพร้อมทำท่าปาดคอตัวเอง ราวกับเป็นความผิดของเจ้าสุนัขผู้ซื่อสัตย์ที่ไม่ยอมให้เธอเข้าไปเก็บรองเท้า

พอทำอะไรไม่ได้เพราะเจ้าขนปุยเอาแต่เห่าลูกเดียว นลินจึงเดินคอตกกลับไป ดังนั้นเจ้าหล่อนจึงไม่เห็นสายตาของเจ้าของบ้าน ที่ถือรองเท้าส้นเข็มสีแดงด้วยหน้าตาบอกบุญไม่รับ!!!

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel