บทที่ 3.2
พิธีส่งตัวเสร็จสิ้นแล้ว คุณทรงพุ่มกับคุณทิพย์ทำหน้าที่พ่อแม่สามีรับไหว้อรพิมเป็นสะใภ้อีกครั้ง แม้คุณทิพย์จะไม่ได้ยินดีกับการได้เธอมาเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว แต่เพราะบรรยากาศรอบข้างที่ทุกคนต่างยินดีกับบ่าวสาวทำให้นางต้องเล่นไปตามบท
“มาเป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว จะทำอะไรก็ขอให้นึกถึงครอบครัวเราไว้” คุณทิพย์พูดเป็นนัย
“อย่าลืมที่แม่บอกนะฉัตร ลูกสองคนจะได้มีทางเดินชีวิตที่มีความสุข” คำพูดมารดาเหมือนจะบอกให้ทรงฉัตรรู้ว่าควรทำอย่างไร
“พ่อดีใจที่ได้หนูพิมมาเป็นลูกสาวอีกคน ต่อไปนี้พ่อและเจ้าฉัตรจะดูแลหนูเอง” คุณทรงพุ่มจับมือสะใภ้ไว้และเอามือของทรงฉัตรมาวางทับ
“ถ้าจะให้ดีมีหลานให้พ่ออุ้มสักคนสองคน แค่นี้พ่อก็มีความสุขมากแล้ว”
ถ้าเป็นบ่าวสาวทั่วไปคงได้เขินอายสะเทิ้นกันทั่วห้องหอ แต่นี่อรพิมได้แต่ยิ้มที่มุมปากไม่รู้ว่าจะทำหน้าอย่างไร ในขณะที่ทรงฉัตรเองก็ได้แต่นิ่งไม่พูดไม่จาอะไรทั้งสิ้น
ยิ่งผู้ใหญ่ทยอยกันออกจากห้อง อรพิมยิ่งรู้สึกประหนึ่งกำลังจะขาดใจและเริ่มมองหาตัวช่วย พฤกษ์อยู่ที่ไหน คราวนี้ทำไมไม่เห็นเขามาอยู่ในห้องด้วย หญิงสาวพยายามมองหาจนเกือบจะเดินออกไปที่ประตู
“อย่าจ้ะ คนโบราณถือ บ่าวสาวต้องอยู่ในห้องหอคืนนี้ กลับเข้าไปเร็ว” ญาติผู้ใหญ่ทางคุณทรงพุ่มเตือนด้วยความเอ็นดู
อรพิมจำต้องอยู่ในห้องหอกับทรงฉัตรเพียงลำพัง กำลังคิดว่าจะเตรียมรับมือให้ผ่านคืนนี้ได้อย่างไรดี เจ้าบ่าวทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เดินหายเข้าไปในห้องน้ำสักพักก่อนจะออกมาในชุดนอน คืนนี้ทั้งสองใช้ห้องนี้เป็นเรือนหอชั่วคราวแล้วพรุ่งนี้จึงกลับไปที่บ้านบริบูรณ์ปัญญา
“ไม่อาบน้ำเหรอ เร็วเข้าผมจะนอนแล้ว” ทรงฉัตรเมื่อยและเหนื่อยมากอยากจะหลับใจจะขาดแล้ว แต่เขาเป็นคนนิสัยประหลาดเวลานอนต้องไม่มีเสียงอะไรดังใกล้ๆ ไม่เช่นนั้นจะนอนไม่หลับ
“จะนอนก็นอนไปสิ ไม่เกี่ยวกันสักหน่อย” อรพิมลุกขึ้นถอดมาลัยวางไว้ที่หัวเตียง
“เดี๋ยว” ชายหนุ่มเรียกพร้อมกับดึงตัวเข้าไปหา
อรพิมใจหายวาบเมื่อรู้ว่าเขากำลังรูดซิบด้านหลังลงอย่างรวดเร็ว อย่าบอกนะว่าจะทำอะไรเธอโดยที่ไม่ปล่อยให้ได้อาบน้ำก่อน
“อย่า” หญิงสาวสะบัดตัวหนีทันที
“ผมรูดซิบให้เพราะคิดว่าคุณทำไม่ได้แน่ รีบอาบน้ำแล้วมานอนซะ เวลานอนผมไม่ชอบให้มีเสียง อ้อ ไม่ต้องกลัวผมไม่ปล้ำคุณแน่ ถ้าคุณไม่ยั่วผมก่อน”
“นาย นี่มัน”
อรพิมไม่เสียเวลาต่อปากต่อคำกับทรงฉัตรอีกต่อไป ฝากไว้ก่อนเถอะถ้ามีโอกาสเมื่อไรจะเอาคืนแน่ เธอใช้เวลาอยู่ในห้องน้ำในนานที่สุด จนมั่นใจว่าอีกฝ่ายหลับไปแน่แล้วจึงค่อยออกมาและล้มตัวลงนอนบนเตียง ก่อนจะหลับไปด้วยความเหนื่อยล้าในที่สุด
ชีวิตแต่งงานของบ่าวสาวเป็นไปตามที่ตกลงกัน ต่างคนต่างอยู่และต่างคนต่างใช้ชีวิต อรพิมและทรงฉัตรเป็นเส้นขนานที่ไม่มีวันบรรจบกันได้ นอกจากนี้ปัญหาระหว่างแม่ผัวกับสะใภ้ก็ไม่จบสิ้นง่ายๆ เพราะท่าทีของคุณทิพย์ที่มีต่อหญิงสาว บ่งบอกชัดเจนว่าเป็นอย่างไร
“ออกจากบ้านแต่มืดทุกวัน กลับก็ค่ำเรียกว่าไม่ตะวันตกดินไม่ถึงบ้าน ขยันมากเกินไปหรือเปล่า” คุณทิพย์เอ่ยด้วยน้ำเสียงไม่เป็นมิตร เมื่อสวนกับศรีสะใภ้หน้าบ้าน
“หนูมีประชุมตอนบ่ายไม่ทราบว่าจะเสร็จกี่โมงคะ ถ้าเลิกดึกหนูจะทานเข้ามาเลย” อรพิมตอบแม่สามีด้วยน้ำเสียงนอบน้อม
“ปัญหามันไม่ได้อยู่ที่จะกินข้าวหรือไม่กิน แต่มันอยู่ที่เธอกับตาฉัตรทำงานที่เดียวกัน แต่ทำไมลูกชายฉันกลับบ้านแต่หัววัน ในขณะที่เธอถ้าไม่ใกล้ห้าทุ่มก็ไม่กลับ” นางมองด้วยสายตากำลังจับผิด “อย่าลืมว่าแต่งงานแล้ว ทำอะไรก็ควรจะนึกถึงหน้าตาฉัตรบ้าง เลิกงานแล้วก็กลับบ้านมาดูแลครอบครัวตัวเอง อย่ามัวแต่ไถลนอกบ้าน”
อรพิมถอนหายใจเบาๆ กับท่าทีของแม่สามี นับตั้งแต่แต่งงานเข้ามาการกินข้าวในบรรยากาศครอบครัวมีน้อยมาก และทุกครั้งที่กินข้าวคุณแม่สามีของเธอก็เอาแต่พูดถึงคนอื่นที่ไม่ได้ร่วมโต๊ะด้วย ซึ่งเป็นใครไปไม่ได้นอกจากนางเอกสาวคนสวยมุกดารานั่นเอง ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเบื่อสำหรับอรพิมเหลือเกิน
อรพิมสะสางงานที่บริษัทไปตามหน้าที่ พฤกษ์หอบเอกสารปึกใหญ่เข้ามาวางที่โต๊ะ อย่างน้อยชีวิตของอรพิมก็ไม่ได้น่าเบื่อไปเสียทุกเรื่อง ทนายหนุ่มยังเป็นเพื่อนที่ดีเสมอมา
“อะไร” อรพิมเงยหน้ามองกองเอกสารตรงหน้า
“งานที่คุณพิมสั่งไง กว่าจะได้ครบต้องเดินไปแจกยิ้มที่แผนกบัญชีทุกวันจนเมื่อยปากแล้ว” ชายหนุ่มทรุดตัวลงนั่งที่เก้าอี้ด้วยท่าทีเหน็ดเหนื่อย
“ก็ดีแล้ว แจกยิ้มแล้วได้งาน” อรพิมพูดด้วยรอยยิ้มพลางก้มหน้าก้มตาทำงานของตนเองต่อ
“นี่ทำอะไร” พฤกษ์ชะโงกหน้ามามองงานตรงหน้า
“ดูระบบบัญชี ตอนนี้กำลังให้ฝ่ายบัญชีแจ้งลูกค้าเรื่องการเปลี่ยนระบบเก็บเงินใหม่”
“มันแย่ขนาดนั้นเลยเหรอ” ทนายหนุ่มสงสัย
“ของเราไม่แย่แต่ของเดิมแย่มาก”
อรพิมไม่อยากบอกว่าหลายวันมานี้เจอจุดที่ทำให้บริษัทขาดสภาพคล่องทางการเงินหลายแห่ง ทั้งเรื่องที่ลูกค้าบางรายจ่ายเงินไม่ตรงตามกำหนดหรือบางคนจ่ายไม่ครบแล้วไม่มีการติดตามเท่าที่ควร ทำให้เมื่อเจอปัญหาใหญ่ทุกอย่างจึงเกือบสะดุด
“เขารู้กันบ้างไหม” พฤกษ์หมายถึงทรงฉัตรหรือคุณทรงพุ่ม
“คุณลุงรู้แต่ห้องข้างๆ ไม่รู้ รายนั้นถนัดวาดออกแบบอย่างเดียว ไม่สนใจทั้งสิ้นว่าเกิดอะไรขึ้น” อรพิมหมายถึงทรงฉัตรนั่นเอง
“จะไปไหนคุณพิม” ทนายหนุ่มร้องถาม เมื่อเห็นเจ้านายสาวลุกขึ้น
“ประชุม ฝากเอาเอกสารพวกนี้ไปให้ที่บ้านที ไว้เสาร์อาทิตย์ค่อยนั่งไล่ดูอีกที
“ฝากคุณฉัตรไปแล้วกัน”
“บ้านพิมไม่ใช่บ้านเขา พรุ่งนี้พิมจะไปนอนบ้าน” หญิงสาวรีบบอก
“แต่งงานไม่ถึงสองอาทิตย์จะกลับบ้านแล้วเหรอ” พฤกษ์มองหน้าอรพิมด้วยความแปลกใจ
“มีอะไรหรือเปล่า”
“บ้านเราก็มีอยู่บ้านคนอื่นให้เขาบ่นว่ามากๆ ก็ไม่ไหวเหมือนกัน”
“คิดมากน่า คุณพิม” ชายหนุ่มสังเกตว่าสีหน้าอรพิมดูไม่มีความสุขในเวลาที่พูดถึงครอบครัวของทรงฉัตรสักเท่าไร
“ไม่ต้องคิดอะไรทั้งนั้น นาทีนี้รีบทำงานให้เสร็จ งานเสร็จเมื่อไรพิมจะได้ชีวิตของพิมคืนมาเสียที เอาเอกสารไปให้ด้วยนะ” อรพิมพูดแค่นั้นแล้วเดินออกไปห้องประชุมทันที โดยมีสายตามองตามด้วยความห่วงใยของพฤกษ์
พฤกษ์มองกองเอกสารบนโต๊ะเจ้านายสาว แล้วนึกว่าควรทำอย่างไรให้ความรู้สึกของอรพิมดีขึ้น สายตาทนายหนุ่มมองไปที่ประตูเชื่อมระหว่างห้องของอรพิมและทรงฉัตร หรือว่างานนี้เขาจะเล่นบทกาวใจเสียเอง เผื่อว่าอะไรๆ อาจจะดีขึ้นก็ได้
