วิวาห์พยศรัก

154.0K · จบแล้ว
ยิปซี อิ่มอุ่น อาทิตยา คันธมาลี ตะวันเปรมปรีดิ์
83
บท
2.0K
ยอดวิว
9.0
การให้คะแนน

บทย่อ

ชีวิตคู่เริ่มต้นแสนจืดชืด แต่ใครจะรู้เล่าว่า 'รักหน้าตาธรรมดา' คือของขวัญวิเศษในชีวิต

นิยายรักผู้ชายอบอุ่นโตมาด้วยพระเอกเก่งเศรษฐีรักหวานๆ

บทที่ 1.1

บ้านบริบูรณ์ปัญญา

“แต่งงาน!” ทรงฉัตร บริบูรณ์ปัญญา ประธานบริษัทเอสบีเอสเตรท บริษัทรับเหมาก่อสร้างอันดับหนึ่งในประเทศไทย อุทานด้วยความตกใจเมื่อได้ยินบิดา คุณทรงพุ่ม เอ่ยถึงหนทางการช่วยเหลือสภาพคล่องทางการเงินของบริษัทในเวลานี้

“คุณพี่พูดอะไรคะ” หญิงวัยกลางคนแย้งขึ้นมาด้วยสีหน้าตกใจไม่แพ้กัน นางคือคุณทิพย์ มารดาสุดที่รักของทรงฉัตรและภรรยาแสนดีของคุณทรงพุ่มนั่นเอง

“ทำไมต้องทำขนาดนี้คะ คุณพี่” คุณทิพย์ถามด้วยความสงสัย ทรงฉัตรถอนหายใจเบาๆ และรอฟังคำอธิบายจากปากของบิดาอีกครั้ง ถึงเหตุผลที่ว่า ทำไมเขาต้องแต่งงานแลกกับความอยู่รอดของบริษัท

“อรพิม คือหลานสาวของประธานบริษัท เอเอสคอนสตรัค เป็นเพื่อนเก่าของพ่อเอง”

“ดลยา” คุณทิพย์จำชื่อนี้ได้อย่างขึ้นใจ เบนสายตาไปมองสามีด้วยความอยากรู้มากขึ้นอีกว่า ดลยามาเกี่ยวข้องอะไรกับเรื่องนี้ และการใช้วิธีส่งหลานสาวมาเชื่อมความสัมพันธ์มีจุดประสงค์อะไรกันแน่ ที่สำคัญการยื่นมือให้ความช่วยเหลือนี้เกี่ยวพันอย่างไรกับครอบครัว และใครคือคนที่ได้ผลประโยชน์หรือเสียหายจากเรื่องนี้กันแน่

“เพราะอะไรผู้หญิงคนนั้นถึงยอมตกลงแต่งงานกับผมง่ายๆ เธอมีความผิดปกติอะไร หรือว่าหัวอ่อนจนใครว่าไงก็ว่าตามกัน” น้ำเสียงทรงฉัตรประชดเล็กน้อย

เขารู้ปัญหาของบริษัทในเวลานี้ดี และรู้ว่าบิดาเครียดแค่ไหนกับสิ่งที่เกิดขึ้น และรู้อีกว่าหากปัญหานี้ไม่ได้รับการแก้ไขจัดการอย่างเร่งด่วนแล้วจะเกิดอะไรขึ้น ชื่อเสียง ความเชื่อมั่นจากลูกค้า และพนักงานภายใต้การดูแลอีกนับร้อยจะต้องสูญเสียไป

ทุกอย่างเกิดขึ้นเพราะอิทธิพลของคนที่ไม่ซื่อสัตย์ ครอบครัวของทรงฉัตรสร้างธุรกิจนี้ด้วยความซื่อตรงและจริงใจ ทุกอย่างตรงไปตรงมาตามเงื่อนไขที่ตกลงในธุรกิจ ไม่เคยคิดเลยว่าวันหนึ่งจะถูกคนทำร้ายได้ขนาดนี้ แน่นอนว่าในฐานะประธานบริษัทที่สร้างมันมากับมืออย่างคุณทรงพุ่ม ไม่มีวันปล่อยให้ชีวิตลูกน้องนับร้อยนับพันเดือดร้อน รวมถึงไม่ยอมให้เอสบีเอสเตรทต้องปิดตัวลงเป็นอันขาด

“หรือว่าอยากรวมกับเรามาก เพราะหวังอะไรสักอย่างจนต้องส่งหลานสาวมาเป็นตัวเชื่อมคะคุณพี่” หญิงวัยกลางคนเอ่ยถามอีกคน

“บริษัทเรามีปัญหาข้อนี้เราทุกคนรู้ การที่ดลยายื่นมือมาช่วยถือเป็นเรื่องดี และดีมากที่สุดด้วย” คุณทรงพุ่มเอ่ย

“แค่ช่วยเรื่องเงินมา หรือเป็นพันธมิตรเรื่องธุรกิจก็น่าจะพอแล้วนี่คะ ทำไมยังต้องให้ลูกไปพัวพันด้วยอีก” คุณทิพย์แย้ง

ทรงฉัตรไม่รู้ที่มาที่ไปของความสัมพันธ์ในอดีต และไม่คิดจะสอบถามให้เข้าใจแต่อย่างใด เขาอดสงสัยไม่ได้ว่าทำไมผู้หญิงที่ชื่ออรพิม ถึงได้ยอมรับเงื่อนไขนี้แต่โดยดี เจ้าหล่อนไม่คิดแย้งเลยหรืออย่างไร

“ถ้าผมไม่โอเคจะเกิดอะไรขึ้นครับ พ่อ” ชายหนุ่มเอ่ย

“ก็ไม่เกิดอะไร แค่เอสบีเอสเตรทอาจจะเสียชื่อเสียง หรือเสียความเชื่อมั่นจากลูกค้าไป ส่วนโครงการประมูลต่างๆ ที่ใช้เงินหลักสิบล้านขึ้นไปก็หยุด เพราะว่าเราไม่มีกำลังพอที่จะทำอะไรแบบนั้นอีกแล้ว”

“เราขอให้แบงค์ช่วยได้ไหมครับ” ทรงฉัตรไม่ถนัดเรื่องของรายได้หรือการบริหารเรื่องเงิน แต่เท่าที่ฟังก็พอจะรู้ว่า บริษัทอยู่ในภาวะที่ล่อแหลมและไม่ควรเสี่ยงต่อสิ่งใดเป็นอันขาด เพียงแต่เงื่อนไขความช่วยเหลือแบบนี้มันสุดจะรับได้จริงๆ

“เรื่องนี้แกคิดว่าพ่อไม่ทำหรือไง เจ้าฉัตร” คุณทรงพุ่มหยิบเอกสารบางอย่างยื่นให้บุตรชาย จดหมายตอบของธนาคารที่บิดาแบกหน้าไปขอความช่วยเหลือ ทำให้ทรงฉัตรรู้เต็มอกว่า ตนคือทางออกเดียวของเรื่องนี้แล้วจริงๆ

“เพราะข่าวโปรเจคที่เรามีปัญหา ทำให้แบงค์กังวลว่าหากเราจัดการปัญหาไม่ได้ ก็เท่ากับเราไม่มีกำลังในการจัดการกับสิ่งที่ขอความช่วยเหลือไป มันก็ไม่แปลกที่แบงค์จะไม่เชื่อมั่นเราในตอนนี้ เพราะขนาดพ่อเองก็ไม่มั่นใจว่าจะสามารถผ่านวิกฤตนี้ไปได้หรือเปล่า”

“คุณพี่/คุณพ่อ” ทั้งศรีภรรยาและบุตรชายต่างก็กังวลกับเรื่องนี้ไม่แพ้กัน

โปรเจคที่เริ่มต้นมาอย่างดีและเป็นที่คาดหวังว่าจะทำกำไรมหาศาลให้บริษัท มีอันต้องดับฝันนั้นลงอย่างกะทันหัน วลีเด็ดที่ทำให้มั่นใจว่าเริ่มจะถูกโกงเป็นที่แน่ชัด ‘อยากได้ก็เอาลูกปืนไปกิน’ อิทธิพลมืดของผู้มีอำนาจทำให้คุณทรงพุ่มรู้ว่าไม่สามารถต่อกรได้ ทุกอย่างที่ลงทุนไปคือความสูญเปล่า แต่มันก็ไม่ควรกระทบกับสิ่งอื่นๆในบริษัท ทำให้ในฐานะท่านประธานจำต้องดิ้นรนหาทางออกก่อนที่ทุกอย่างจะสาย

“ให้น้องช่วยคุณพี่นะคะ ที่ดินริมหาดแถวเพชรบุรีน่าจะพอได้”

คุณทิพย์คิดถึงทรัพย์สินที่ตนถือโครงไว้เป็นอันดับแรก นางไม่ยอมให้ธุรกิจที่สามีสร้างมันมาทั้งชีวิตต้องจบลงแน่ รวมถึงชีวิตของ

ทรงฉัตรด้วยเช่นกัน ไม่มีวันยอมเด็ดขาดที่จะให้ลูกชายสุดที่รักไปแต่งงานกับหลานสาวของคนที่ได้ชื่อว่า เป็นเงาในหัวใจ ที่ไม่เคยลืมตลอดชีวิตการแต่งงาน

“ที่ดินตรงนั้นเป็นของญาติๆ พวกเขาจะยอมช่วยเราหรือ” คุณทรงพุ่มซาบซึ้งในน้ำใจภรรยาไม่น้อย

“น้องจะแบ่งส่วนของเราออกมาประกาศขาย ได้มากได้น้อยเราก็น่าจะพยุงบริษัทไปได้บ้าง” คุณทิพย์เอ่ยอย่างไม่เสียดายแม้แต่น้อย

ชีวิตการแต่งงานภายใต้การนำของคุณทรงพุ่ม ได้รับทั้งความรัก ความสุข และความอบอุ่นเสมอ สามีคือหน้าตาที่ภาคภูมิใจมาโดยตลอด ไม่ว่าชีวิตทั้งนอกบ้าน หรือในบ้าน คุณทรงพุ่มทำได้ดีไม่มีที่ติ ชีวิตของนางมีเสาหลักที่มั่นคงและน่าภูมิใจเช่นนี้ ต่อให้ต้องทุ่มเทแรงกายแรงใจเท่าไรเพื่อประคองวิกฤตนี้ให้ผ่านพ้น ถึงจะไม่เหลืออะไรเลยนางก็ยอมช่วยด้วยความเต็มใจ

“ที่ดินตรงนั้นจะขายได้เมื่อไรก็ยังไม่รู้ ผมเข้าใจว่าคุณหวังดีแต่เราไม่มีเวลารอขนาดนั้น” สายตาของชายวัยกลางคนสบตากับเจ้าของความคิดด้วยความซาบซึ้ง

“ต่อให้ถึงขายได้เร็วแต่มันก็แก้ปัญหาได้แค่เดือนนี้เท่านั้น แล้วเดือนต่อไปล่ะ เราจะทำอย่างไร” ประมุขของบ้านกวาดตามองสมาชิกทั้งสอง คุณทิพย์และทรงฉัตรพูดไม่ออก

“ถ้าไม่มีทางเลือกอื่น สิ่งที่คิดไว้ตอนนี้ก็คือขายทุกอย่างที่เรามีรวมถึงบ้านหลังนี้ เอามาเป็นเงินใส่ซองให้กับพนักงานของเราและปิดบริษัทซะ พ่อกับฉัตรคงพอจะมีบริษัทไหนรับเข้าทำงานเพราะมีประสบการณ์อยู่หรอก ส่วนคุณ” ชายวัยกลางคนหันมาหาคุณทิพย์

“ผมต้องขอโทษไว้ตรงนี้เลย ที่ทำให้คุณผิดหวังและไม่สามารถดูแลคุณให้มีความสุขสบายเหมือนเมื่อก่อน ถ้าคุณอยากจะกลับบ้านผมก็ไม่ห้าม”

“ไม่ค่ะ คุณพี่ น้องจะอยู่กับคุณพี่ที่นี่” คุณทิพย์น้ำตาคลอสงสารสามีจับใจ

“แล้วถ้าผมยอมแต่งงานล่ะครับ” นาทีนี้ทรงฉัตรเริ่มลังเลกับเงื่อนไขการแต่งงาน แม้จะไม่ได้มาจากความรักและเป็นเรื่องผลประโยชน์เกินร้อย แต่ก็อยากรู้ว่าครอบครัวจะได้อะไรกับการตัดสินใจครั้งนี้

“ทุกอย่างบริหารใหม่ภายใต้เงื่อนไขหกสิบสี่สิบ เราหกสิบทางโน้นสี่สิบ เราจะได้ทีมกฎหมายมือดีมาช่วยจัดการกับโปรเจคที่มีปัญหา”

“แล้วผมกับผู้หญิงคนนั้นล่ะครับ”

“แกกับหนูพิมจะช่วยกันดูแลบริษัทไงล่ะ”

“ผมหมายถึง เอ่อ ถ้าเราสองคนไปกันไม่รอดจริงๆ ผมจะต้องทนอยู่เพราะเรื่องนี้ไปตลอดชีวิตเลยเหรอครับ”