บทที่ 2.3
“คุณพิมอย่าคิดแบบนั้น ท่านหวังดีกับคุณพิมเสมอ คุณทรงฉัตรคือคนที่จะดูแลคุณพิมได้ตลอดชีวิตนะ”
“ดูแลอะไร คนแบบนั้นเหรอจะมาดูแลพิม” หญิงสาวปาดน้ำตาที่ร่วงหล่นให้แห้ง เรียกความเข้มแข็งของตัวเองให้กลับมา
“ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น สิ่งที่ท่านเลือกให้คือสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับคุณพิม จำไว้” พฤกษ์ย้ำคำเดิมหนักแน่น
“พิมจะมีพฤกษ์อยู่ด้วยตลอดไปใช่ไหม พฤกษ์จะไม่ทิ้งพิมไปอีกคนใช่ไหม” หญิงสาวสบตาเพื่อนตายเพียงหนึ่งเดียวที่ไม่เคยห่างไปไหน
“ผมเคยไปไหนจากคุณพิมหรือเปล่าล่ะ”
“สัญญานะ ว่าพฤกษ์จะไม่ทิ้งพิมเหมือนน้ายาอีกคน”
“ไม่สัญญา เพราะไม่เคยทำแบบนั้น เลิกร้องไห้ได้แล้ว ไปดูเรือนหอกันดีกว่าว่าจะจัดอย่างไรให้สวย ไปเร็ว” พฤกษ์เปลี่ยนความเศร้าให้เป็นรอยยิ้ม และรีบพาอรพิมไปจัดการเรื่องสำคัญที่รออยู่ให้เสร็จเรียบร้อย
เขาเข้าใจความรู้สึกของอรพิมเป็นอย่างดี และเข้าใจความต้องการของนายเหนือหัวเช่นดลยาด้วย ความลับบางอย่างที่ถูกปิดบังหากวันหนึ่งอรพิมได้รับรู้ สักวันจะเข้าใจว่านี่ คือสิ่งดีที่สุดที่มอบให้ เพียงแต่...
พฤกษ์ไม่รู้ว่าคนที่ได้รับเช่นทรงฉัตรจะคิดเหมือนกันหรือเปล่า และเรื่องความสัมพันธ์ของชายหนุ่มกับนางเอกสาวคนสวยนั่น จะกระทบกระเทือนกับการแต่งงานครั้งนี้หรือไม่ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นพฤกษ์พร้อมจะยืนเคียงข้างอรพิมเสมอ
คุณทรงพุ่มยกด้านซ้ายของชั้นบนให้เป็นเรือนหอของบ่าวสาว จัดการให้คนมาตกแต่งและซื้อเฟอร์นิเจอร์ใหม่มารับขวัญว่าที่สะใภ้ ซึ่งเรื่องนี้ก็เป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้คุณทิพย์รู้สึกไม่พอใจ เมื่อเห็นสามีสุดที่รักเอาใจใส่สะใภ้ที่ไม่ต้องการเหลือเกิน
“พอได้ไหมหนูพิม อยากได้อะไรอีกบอกพ่อ ไม่ต้องเกรงใจ”
“ที่จริงไม่ต้องทำอะไรเลยก็ได้นะคะ” อรพิมเอ่ยด้วยความเกรงใจ
“ความจริงอยากจะทำให้เหมือนห้องนอนเก่าของหนูด้วยซ้ำ แต่ว่าเวลามันจำกัดก็เลยทำได้เท่านี้ แล้วนี่พฤกษ์ไปไหนล่ะ หรือว่ากลับบริษัทไปแล้ว” ชายวัยกลางคนถามถึงทนายหนุ่ม
“พฤกษ์กำลังไปดูโต๊ะทำงานให้พิมค่ะ พอดีตัวที่บ้านมันใหญ่ไปเอามาไม่ได้”
ทนายหนุ่มเห็นเรือนหอของอรพิมแล้ว จึงจัดการสรรหาสิ่งที่จำเป็นต้องใช้มาใหม่ ให้เหมาะกับสภาพห้องนอนที่หญิงสาวจะมาพักอาศัยหลังเข้าพิธีแต่งงานในอีกไม่กี่วันนี้
“ตามสบายเลยนะ หนูพิม ต้องการอะไรเรียกเด็กได้ไม่ต้องเกรงใจ อีกสักประเดี๋ยวเจ้าฉัตรคงกลับมา ถ้าไงอยู่กินข้าวเย็นด้วยกันเลยแล้วกันนะ” ชายวัยกลางคนปลีกตัวไปห้องหนังสือ และปล่อยให้อรพิมจัดการเรือนหอต่อไปตามอัธยาศัย
คุณทิพย์ซึ่งรออยู่หน้าบ้านไม่ยอมขึ้นมาทักทายอรพิม รีบเดินมาที่รถทันทีที่ทรงฉัตรกลับถึงบ้าน ชายหนุ่มแปลกใจที่เห็นมารดามีท่าทีเหมือนอยากจะบอกอะไร เมื่อลงจากรถนางก็รีบบอกให้บุตรชายรู้ว่า
“เด็กนั่นคงอยู่กับเราไม่นานแล้วลูก” สีหน้าและน้ำเสียงนางมีความสุขอย่างเห็นได้ชัด
“แม่หมายถึงอะไรครับ” ทรงฉัตรไม่เข้าใจสิ่งที่มารดาเอ่ย
“อ้าว ก็แม่เมียแต่งของลูกไง วันนี้มาที่นี่ด้วย ฉัตรรู้ไหม มันไม่ได้มาคนเดียว แต่พาผู้ชายมาด้วยคนหนึ่ง ท่าทางสนิทสนมกันมาก หรือว่าผู้ชายคนนี้จะเป็นแฟนของแม่เด็กนั่น แบบนี้แม่ว่าเรามีทางออกแล้วนะ ตาฉัตร”
“เหรอครับ” ทรงฉัตรฟังแล้วรีบเดินขึ้นไปดูที่ห้องทันทีว่า อรพิมพาใครมาด้วยและคนที่มาเป็นใครกันแน่ ที่สำคัญสองคนนี้มีความสัมพันธ์กันอย่างไร
“ทำอะไร” ทรงฉัตรเปิดประตูห้องเข้ามาเห็นอรพิมอยู่เพียงลำพัง ในมือของหญิงสาวถือกระดาษและดินสอ
“คำนวนพื้นที่” เธอตอบโดยไม่มองหน้า
“พื้นที่อะไร” ชายหนุ่มตรงเข้าแย่งกระดาษในมือมาดูว่ามันคืออะไร
“แบ่งพื้นที่ใช้สอยให้ลงตัว” อรพิมเงยหน้าขึ้นมาตอบ
“เราควรแบ่งสัดส่วนทุกอย่างให้ลงตัวจะได้ไม่ต้องเกี่ยวข้องกัน เตียงนอนคุณจะนอนก็ได้ ฉันจะได้เตรียมถุงนอนหรือที่นอนมา ส่วนตู้เสื้อผ้าเป็นของคุณครึ่งหนึ่งโต๊ะทำงานฉันจะอยู่ตรงนี้ ของๆ คุณไปที่เก็บที่อื่น” เธอชี้ไปที่กองโมเดลซึ่งทำให้ทรงฉัตรโมโหจนทนไม่ไหว
“ที่นี่เป็นห้องนอนไม่ใช่ห้องทำงาน ไม่มีการทำงานในห้องนี้เด็ดขาดและผมก็จะไม่ย้ายอะไรทั้งสิ้น” ทรงฉัตรประกาศชัดเจน
“แต่คุณลุงอนุญาตให้ฉันทำอะไรก็ได้” อรพิมไม่ยอมเหมือนกัน
“จะทำอะไรก็เชิญ แต่อย่ายุ่งกับข้าวของส่วนตัวของผม” ชายหนุ่มไม่ยอมเช่นกัน
“ถ้างั้น ฉันก็ไม่อยู่ที่นี่” หญิงสาวเชิดหน้า
“เชิญ อยากได้ชื่อว่าถูกผู้ชายทิ้งตั้งแต่วันแรกที่แต่งงานก็เชิญ คงจะดีเหมือนกัน หลานสาวท่านประธานบริษัทใหญ่แต่งงานไม่ถึงวันก็ถูกเจ้าบ่าวปฏิเสธให้ร่วมเรือนหอ” ทรงฉัตรพูดชัดทุกคำ
“นาย มันไม่ใช่ลูกผู้ชาย” อรพิมโกรธจนตัวสั่น
“ผมพูดความจริง แค่วิวาห์สายฟ้าแลบก็ถูกสังคมตั้งคำถามว่าป่องหรือเปล่า คุณอ่านข่าวพวกนี้บ้างไหม”
“มีแต่คนนิสัยไม่ดีเท่านั้น ถึงคิดแบบที่คุณพูด” อรพิมแย้งกลับไป
“ตอนนี้ใครๆ ก็อยากเห็นงานแต่ง และวันงานคงมีนักข่าวมากันเยอะแน่ คุณควรเอาเวลาไปคิดดีกว่าว่าจะตอบคำถามยังไง ส่วนไอ้เรื่องห้องหอไม่สำคัญว่าใครจะนอนตรงไหน ต่อให้นอนเตียงเดียวกันผมก็ไม่พิศวาสที่จะทำอะไรคุณอยู่แล้ว”
“นาย!” อรพิมโกรธจนไม่รู้จะพูดคำไหนออกมา ท่าทางน้ำเสียงและสายตาของทรงฉัตรบ่งบอกว่าเขาเป็นต่อหลายขุม
“จบเรื่องเรือนหอ อีกเรื่องที่ผมต้องพูดกับคุณ” ทรงฉัตรสงบสติอารมณ์หันมาพูดกับเธอดีๆ
“คุณมีแฟนหรือเปล่า” เขาถามอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยจนอีกฝ่ายหน้าแดง
“เกี่ยวอะไรกับคุณด้วย”
ถ้าบอกว่าไม่ เขาจะเยาะเย้ยและเข้าใจว่าเธอไม่มีเสน่ห์จนต้องมาบังคับให้แต่งงานด้วย หรือถ้าบอกว่ามี ทรงฉัตรจะทำอย่างไรต่อไป
“ผมควรรู้ ในฐานะที่จะต้องเป็นสามีคุณในอีกสองวัน” ชายหนุ่มรอฟังคำตอบอย่างใจเย็น
อรพิมเป็นคนสวยคนหนึ่งเลยทีเดียว ไม่แปลกหากว่าเธอจะมีใครสักคนคบหา และแอบคิดว่าคนๆ นั้นคงต้องรับได้กับท่าทางนางพญาวางมาด หรือไม่ก็เทิดทูนว่าท่าทางเหล่านั้นมีเสน่ห์เสียเต็มประดา
“มีอะไรพูดมาตรงๆ ดีกว่า”
“ฝากบอกผู้ชายคนนั้นด้วยว่า กรุณาให้เกียรติในฐานะที่ผมเป็นสามีคุณ อดใจรอให้เราสองคนเลิกรากันจนเรียบร้อยแล้วค่อยมาวุ่นวาย ผมไม่ชอบให้ใครมาผลุบโผล่ทำตัวเป็นนินจาหรือมาตีท้ายครัวแบบนี้”
“พูดบ้าอะไร ฉันไม่เข้าใจ” อรพิมไม่เข้าใจว่าทรงฉัตรพูดเรื่องอะไรกันแน่
