บท
ตั้งค่า

บทที่ ๙ จัดการขั้นเด็ดขาด 2

“เธอ...จะทำยังไง”

“ฉันอยากให้เธอไปเยี่ยมผู้ชายคนนั้นที่โรงพยาบาล แล้วเธอจะต้องเป็นคนแรกที่เขาตื่นขึ้นมาเจอด้วย”

“อะไรกัน! ทำไมฉันต้องทำแบบนั้นด้วยล่ะ...ไม่เอานะ ฉันสาบานกับตัวเองแล้วว่าจะไม่ยอมยุ่งเกี่ยวกับหมอนั่นอีก!”

“ถ้างั้นเธอก็ต้องติดคุก เพราะหลังจากฟื้นขึ้นมา...เขาต้องให้การกับตำรวจไปตามตรงอยู่แล้ว”

“ยัยวิ! ฉันอยากให้เธอช่วยหาทางแก้ปัญหานะ! ไม่ใช่มาซ้ำเติมกันแบบนี้!”

“ฉันบอกแล้วนะว่าถ้าจะให้ช่วยก็ต้องทำตามที่ฉันบอก!” กวิตาชักเริ่มอารมณ์เสียขึ้นมาบ้างแล้ว “ทางเดียวที่จะทำให้เธอรอดพ้นจากทุกข้อหาก็คือทำให้เขาเปลี่ยนคำให้การกับตำรวจให้ได้!”

“หมายความว่ายังไง?” ปุษยาสนใจสิ่งที่เพื่อนสาวเสนอ แต่เธอไม่เข้าใจว่าต้องทำอย่างไรดี

“เธอต้องทำให้เขารู้ว่าเธอไม่ได้ต้องการให้เรื่องมันลุกลามใหญ่โตขนาดนี้ เธอต้องเลิกทำตัวเป็นคุณหนูปุษยา พนิตนนท์มนตรี...แล้วเปลี่ยนตัวเองเป็นผู้หญิงธรรมดาๆ คนนึง เพื่อขอร้องให้เขายอมยกโทษให้ แล้วถ้าโชคดีเขาอาจจะยอมตกลงขัดขวางเรื่องการแต่งงานด้วยนะปาย”

“เธอรู้จักผู้ชายอย่างหมอนั่นน้อยเกินไป เธอคิดว่าเขาจะยอมแพ้ฉันเหรอ ไม่มีทางหรอก!”

“ใช่! ฉันอาจจะรู้จักเขาน้อยเกินไป แต่ฉันรู้จักความไม่ยอมคนของเธอดี!” กวิตาตวาดให้ปุษยาสำนึก “คงไม่มีผู้ชายคนไหนอยากให้ผู้หญิงทำตัวอยู่เหนือกว่าไปซะทุกอย่างหรอก ฉันมั่นใจเลยล่ะว่าที่เรื่องมันเป็นแบบนี้ก็เพราะความถือดีของเธอนั่นแหละ! ขนาดตัวเองทำเกินไปแท้ๆ ยังจะมัวเกี่ยงโน่นเกี่ยงนี่อยู่อีก...เธอรู้สึกผิดเป็นบ้างมั้ยปาย!?” กวิตาคิดไม่ถึงเหมือนกันว่าจะกล้าพูดรุนแรงกับปุษยาถึงเพียงนี้

“ยัยวิ! นี่ตกลงว่าเธอเป็นเพื่อนฉันมั้ยฮะ!”

“เอาล่ะ...ฉันขอโทษที่พูดแรงไป ยังไงก็แล้วแต่เธอล่ะกันนะปาย ฉันช่วยแนะนำได้แค่นี้แหละ” แล้วกวิตาก็ไม่ได้พูดอะไรอีกเลย เมื่อส่งปุษยาถึงบ้านพนิตนนท์มนตรีเรียบร้อยแล้ว เธอก็ขับรถกลับไปโดยไม่ได้พูดอะไรสักคำ ซึ่งนั่นเป็นเพราะเธอรู้สึกแย่มากที่เผลอตัวต่อว่าปุษยาไป ทั้งที่จิตใจเพื่อนกำลังสับสนและบอบช้ำ

ปุษยายืนอยู่หน้าบ้านจนกระทั่งกวิตาลับหายไปจากสายตา หญิงสาวก้มหน้าลงมองพื้นด้วยจิตใจที่ว้าวุ่นเหลือแสน กัดริมฝีปากบางสวยแน่นเพื่อระงับอาการสั่นระริก ก่อนจะเงยหน้าขึ้นกลอกตาไปมา เพราะเธอจะไม่ยอมให้น้ำตาต้องไหลรินเพื่อเรื่องบ้าๆ พวกนี้อีก

“ฉันจะไม่ยอมลดตัวลงไปเกลือกกลั้วกับนายอีกแน่ อันที่จริงถ้านายตายไปซะก็คงจะดี ฉันจะได้ไม่ต้องมากลัวเรื่องไม่เป็นเรื่องอยู่แบบนี้” ใช่ว่าปุษยาไม่สำนึกผิด เพียงแต่เธอจะยอมสำนึกผิดไม่ได้อย่างเด็ดขาด

ผู้ชายคนนั้นไม่สมควรเป็นฝ่ายชนะ...

ร่างบางหันหลังเดินกลับเข้าไปในบ้าน บุพการีทั้งสองที่นั่งรอถามไถ่เรื่องการพบกันครั้งแรก ระหว่างผู้ชายที่เลือกให้เองกับมือและลูกสาวเพียงคนเดียว มองไปที่ปุษยาด้วยความไม่เข้าใจ เพราะแทนที่เธอจะหงุดหงิดกลับมา มันกลับกลายเป็นความเศร้าสลดโดยที่เจ้าตัวเองก็คงไม่รู้

“เป็นยังไงบ้างลูกปาย พ่อหนุ่มคนนั้นเขาดีกับลูกหรือเปล่าจ้ะ” คุณวิมลถามอย่างมีความหวัง

“อืม พ่อคิดว่าเขาคงถูกใจลูกบ้างใช่มั้ย ไม่มากก็น้อยนั่นแหละน่า...ใช่มั้ยลูก?” คนเป็นสามีเองก็อยากรู้ไม่แพ้กัน แต่เมื่อเห็นลูกสาวยืนจ้องมองมานิ่งๆ ก็พอเดาออกแล้วว่าการพบกันครั้งแรกอาจทำให้เธอไม่ประทับใจนัก และปุษยาก็ยืนยันอย่างนั้นจริงๆ

“เขาไม่ชอบปายค่ะ...เขาบอกว่าปายไม่เหมาะสมกับเขา เขาอยากให้ปายช่วยบอกคุณพ่อคุณของเขาด้วยนะคะว่าเราคงแต่งงานกันไม่ได้ และปายก็เห็นด้วยกับผู้ชายคนนั้นค่ะ” หญิงสาวโกหกคำโต “ปายหวังว่าคุณพ่อคุณแม่คงเข้าใจแล้วนะคะ ได้โปรดอย่าทำให้ปายต้องอับอายมากไปกว่านี้เลย ผู้ชายคนนั้นไม่ไว้หน้าปายเลยสักนิด”

“ลูกแน่ใจนะ?” คุณปิยะไม่ค่อยมั่นใจกับคำบอกเล่าของลูกสาวนัก

“ถ้าไม่เชื่อปายก็ไม่เป็นไรค่ะ คุณพ่อลองไปถามเขาดูเอาเองก็ได้” ปุษยาทำใจดีสู้เสือ เพราะหากบิดาทำอย่างนั้นจริง เธอคงตกที่นั่งลำบาก “แต่ปายจะไม่ลืมเลยว่าคุณพ่อคุณแม่เชื่อใจคนอื่นมากกว่าลูกตัวเอง” ฉะนั้นเธอจึงไม่ลืมหยอดคำพูดนี้ทิ้งเอาไว้ ก่อนจะเดินหนีขึ้นชั้นบนไปเงียบๆ

คุณปิยะถอนหายใจแรงอย่างไม่พอใจ แน่นอนว่าถึงอย่างไรคนเป็นพ่อก็ย่อมเชื่อลูกสาวตัวเองเอาไว้ก่อน “ถ้าเขากล้าพูดกับลูกสาวเราแบบนี้ เห็นทีผมคงต้องเปลี่ยนใจซะแล้ว” อดีตนายตำรวจยศพลเอกเอ่ย แต่ก็ใช่ว่าจะตัดสินใจเด็ดขาด “แต่ผมคงต้องถามทางนั้นให้แน่ใจก่อน”

ปุษยาชะงักเท้าที่กำลังก้าวขึ้นบันได รู้สึกแน่นหน้าอกเหมือนมีบางอย่างบีบรัดอย่างรุนแรง เธอฝืนกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก คิดอยู่แล้วว่าคุณปิยะจะต้องทำอย่างนั้น เพราะท่านมีความยุติธรรมและไม่เคยตัดสินใครจากคำพูดเพียงอย่างเดียว

เธออยู่ที่นี่ต่อไปไม่ได้เสียแล้ว...

ปุษยารีบพาตัวเองเดินต่อไปที่ห้องนอน แล้วเปิดตู้เสื้อผ้าออกอย่างไม่ลังเล ใช้เวลาราวยี่สิบนาทีข้าวของที่สำคัญทุกอย่างก็ถูกยัดลงกระเป๋าเดินทางใบย่อมเรียบร้อย เธอตัดสินใจแล้วว่าจะเดินทางกลับไปที่อเมริกาอีกครั้ง และครั้งนี้จะไม่ยอมกลับมาประเทศไทยง่ายๆ ยกเว้นเสียแต่ว่าเรื่องการแต่งงานจะถูกยกเลิกไปแล้วจริงๆ

ปุษยาไม่รู้เลยว่าตัวเองกำลังทำพลาด เพราะตอนนี้คุณธาดาได้บอกทุกอย่างกับพ่อแม่ของเธอแล้ว...

นพนทีกระพริบตาสองสามครั้งเพื่อปรับเลนส์สายตาให้เป็นปกติ ตอนนี้ท้องฟ้าสว่างจ้าบ่งบอกว่าเป็นเช้าวันใหม่แล้ว ภายในห้องผู้ป่วยพิเศษแห่งนี้ไม่มีใครอยู่นอกจากคุณพยาบาล คุณธาดากับคุณมณียอมกลับบ้านไปตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว แน่นอนว่าทุกความร้ายกาจของปุษยาถูกเล่าให้พวกท่านฟังโดยละเอียดแล้ว รวมทั้งตรัยก็ด้วย...

นพนทีบอกให้ตรัยนำตัวชายฉกรรจ์ที่รุมทำร้ายเขามารับโทษให้ได้ เพียงแต่ขอร้องไม่ให้ตรัยเอาผิดกับปุษยา เพราะเขาต้องการจัดการกับว่าที่ภรรยาด้วยตัวเอง ตอนแรกตรัยไม่ยอมอย่างเด็ดขาด แต่เมื่อคนป่วยรบเร้ามากๆ เข้า เขาจึงปฏิเสธไม่ได้ จำต้องละเลยหน้าที่ตามที่อีกฝ่ายขอร้อง

คุณธาดากับคุณมณีเองก็โกรธจนตัวสั่น ถึงกับลั่นวาจาเด็ดขาดออกมาแล้วว่าจะไม่ให้นพนทีแต่งงานกับผู้หญิงที่ร้ายกาจอย่างนั้นอีก ทว่าทุกอย่างนั้นกลับตาลปัตรไปหมด เมื่อนพนทียืนยันเสียงแข็งว่าต้องการแต่งงานกับเธอ เหตุผลเพราะต้องการเปลี่ยนแปลงเธอให้ได้ อย่างน้อยก็เพื่อเพื่อนสนิทของคุณธาดาอย่างคุณปิยะนั่นเอง

‘อันที่จริงผมกับยัย...กับปุษยาเคยพบกันมาแล้วครับ ตอนแรกที่ผมเห็นชื่อนามสกุลเธอ ผมก็คุ้นอยู่เหมือนกัน แต่ตอนนั้นผมไม่ได้คาดคิดมาก่อนเลยว่าเธอจะเป็นลูกสาวของคุณอาปิยะ’

‘พ่อเองก็ลืมบอกแกไปซะสนิทเลย ขนาดเสนอให้แกไปรับแม่หนูที่บ้านเองแท้ๆ แต่ก็ไม่ได้บอกที่อยู่’

‘ช่างมันเถอะครับ ตอนนี้เธอจะเป็นใคร...มันก็ไม่สำคัญไปกว่าการที่เธอพยายามฆ่าผมหรอก’

‘ไม่ต้องห่วงหรอกนที พ่อจะไม่ให้แกเอาผู้หญิงร้ายกาจแบบนั้นมาเป็นเมียแน่ๆ พรุ่งนี้พ่อจะไปพบปิยะเอง เห็นทีคงต้องรายงานความประพฤติของลูกสาวให้รู้ซะหน่อยแล้ว’

‘คุณพ่อโทรไปบอกคุณอาคืนนี้เลยดีกว่าครับ ผมว่าปุษยาต้องกำลังคิดทำอะไรบางอย่าง หรือไม่ก็คิดหนีอยู่แน่ๆ...คนอย่างยัยนั่นไม่มีทางสำนึกผิดหรอกครับ’

‘แกแน่ใจนะว่าต้องการแบบนั้น? อันที่จริงพ่อว่าแกไม่ต้องยุ่งกับแม่หนูคนนั้นอีกจะดีกว่านะนที’

‘ทำตามที่ผมขอร้องเถอะนะครับคุณพ่อ ผมอยากจัดการเรื่องนี้เอง ส่วนเรื่องดคีผมคุยกับผู้กองตรัยไว้แล้ว ตอนนี้คุณพ่อแค่ช่วยให้ผมได้แต่งงานกับปุษยาโดยเร็วที่สุดก็พอ ผมมั่นใจว่าการแต่งงานจะเปลี่ยนแปลงเธอได้ และคนที่เหมาะสมกับเธอก็มีแค่ผมคนเดียวเท่านั้น...ถือซะว่าทำเพื่อคุณอาปิยะกับคุณอาวิมลเถอะครับ’

นพนทีนึกย้อนไปถึงตอนที่ตกลงกับคุณธาดา ป่านนี้ทางบ้านพนิตนนท์มนตรีคงจะรู้แล้วว่าปุษยาร้ายกาจแค่ไหน และชายหนุ่มมั่นใจเป็นหนักหนาว่าคุณปิยะกับคุณวิมลจะต้องเห็นด้วยกับสิ่งที่เขาเสนอไป

ตามหลักแล้วนพนทีควรจะเข็ดขยาดกับเธอ แต่นี่เขากลับแสดงสปิริตอยากจะช่วยเหลือเธอให้เป็นผู้เป็นคน คงไม่มีพ่อแม่คนไหนปฏิเสธความหวังดีนี้ได้ลงคอหรอก

ดูเหมือนนพนทีคิดได้ถูกต้องแล้ว เพราะทางด้านคุณปิยะนั้น ได้นำนำกุญแจไปล็อกประตูห้องทางด้านนอกเอาไว้ตั้งแต่กลางดึกแล้ว ไม่ว่าปุษยากำลังคิดจะทำอะไร เธอจะไม่มีทางทำมันสำเร็จได้อย่างแน่นอน ทางเดียวที่หญิงสาวเลือกได้ในตอนนี้คือต้องแต่งงานกับเขาอย่างเร็วที่สุด

นพนทียิ้มอย่างพึงพอใจ...เมื่อนึกถึงการแก้แค้นอันแสนหวานที่กำลังใกล้เข้ามาทุกที!

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel