บทที่ ๖ ไร้ทางเลือก 1
ศศิกานต์รู้สึกเบื่อเหลือเกินที่ต้องอุดอู้อยู่แต่ที่บ้าน พักนี้คนรักของเธอดูไม่ค่อยสนใจใยดีสักเท่าไหร่ โทรศัพท์ไปหาก็ไม่รับสาย เคยมาหาที่บ้านเกือบทุกเย็นก็แทบไม่มาให้เห็นหน้าเลย นี่ถ้าไม่มีผู้กองหนุ่มคอยแวะเวียนมาบ่อยๆ เธอคงเหงามากแน่
คิดแล้วก็อยากกลับไปทำงานเหลือเกิน อันที่จริงเธอไม่ได้เป็นอะไรมากเสียหน่อย แต่นพนทีก็ยังยืนยันที่จะให้หยุดพักผ่อน แน่นอนว่าหญิงสาวไม่อาจคัดค้านชายหนุ่มได้ นพนทีไม่ใช่คนว่าง่ายนัก ยิ่งเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับสวัสดิภาพของคนอื่น เขาก็ยิ่งเข้มงวดและไม่ยอมใจอ่อนให้
เสียงรถยนต์ที่ดังอยู่หน้าบ้าน พาให้ศศิกานต์รีบลุกจากโซฟาอย่างรวดเร็ว ด้วยคิดว่าผู้มาเยือนอาจจะเป็นตรัย หญิงสาวผิดหวังเล็กน้อยโดยที่ไม่รู้ตัว เมื่อเห็นว่าร่างสูงที่โซซัดโซเซเข้ามาภายในบ้านคือจีรศักดิ์ แฟนหนุ่มของเธอ
“วิว! อยู่ไหนวิว!”
จีรศักดิ์เอะอะเสียงดังลั่น ศศิกานต์จึงรีบเปิดประตูบ้านให้เขา
“ทำไมต้องเสียงดังด้วยล่ะจี แล้วนี่ไปดื่มเหล้ามาเหรอ ไหนบอกว่าเลิกแล้วไง” หญิงสาวถามขณะเข้าไปช่วยพยุงชายหนุ่ม
“เปล่าน่า! จีไม่ได้ดื่มเหล้าอะไรเล้ย แค่จิบน้ำส้มมา ฮ่าๆๆ” คนเมาหัวเราะอย่างอารมณ์ดี แต่เธอไม่ได้คิดอย่างนั้น
“เมาขนาดนี้แล้วยังขับรถมาอีกนะ จีทำตัวไม่น่ารักอีกแล้ว”
“ทำไม?” จีรศักดิ์ตวัดสายตามองหญิงสาว “เพราะจีไม่ใช่ไอ้ตำรวจหน้าหล่อหุ่นโคตรเท่ห์แบบไอ้หมอนั่นใช่มั้ย?!” แล้วตัดพ้อด้วยแววตาวาวโรจน์
“ทำไมพูดแบบนี้ล่ะจี วิวไม่ได้คิดกับผู้กองตรัยแบบนั้นสักหน่อย”
“เหอะ! อย่ามาทำเป็นพูดดีเลย อย่าคิดว่าจีโง่นะวิว วิวชอบไอ้ผู้กองนั่น ทำไมจีจะดูไม่ออก!” จีรศักดิ์พาลไปเรื่อย
“จีเมามากแล้วรู้ตัวมั้ย” ศศิกานต์เขย่าแขนชายหนุ่มแรงๆ “วิวว่าจีกลับไปพักที่บ้านก่อนเถอะ เดี๋ยววิวเรียกแท็กซี่ให้ ส่วนรถจีก็ทิ้งเอาไว้ที่นี่ก่อน สร่างเมาแล้วค่อยกลับมาเอาก็แล้วกันนะ” ว่าแล้วก็ตั้งท่าจะผละออกจากบ้าน ไปรอเรียกรถแท็กซี่ที่ผ่านไปมาอยู่เกือบทั้งวัน ทว่าจีรศักดิ์คว้าข้อมือเธอไว้ แล้วดึงเข้าสู่อ้อมแขนทันที
“ให้จีอยู่กับวิวก่อนก็ได้นี่นา” ชายหนุ่มยิ้มกริ่ม สายตาที่ใช้มองสาวสวยในอ้อมกอดบอกชัดเจนถึงความปรารถนา “ถ้าวิวไม่ได้ชอบไอ้ผู้กองนั่นจริงๆ วิวก็น่าจะยอมนอนกับจีได้แล้วนะ เราคบกันมานานแล้วด้วย”
คำพูดที่ตรงไปตรงมาจนเกินไป ส่งผลให้ใบหน้าขาวเนียนเปลี่ยนเป็นสีแดงเรื่อด้วยความโกรธระคนอับอาย ศศิกานต์ขืนตัวแรงๆ เพื่อออกจากอ้อมกอดของจีรศักดิ์ แต่ทำไม่สำเร็จ
“วิวไม่คิดเลยนะว่าจะได้ยินคำพูดน่าเกลียดแบบนี้จากปากจีอีก! เราคุยกันรู้เรื่องแล้วไม่ใช่เหรอ?” หญิงสาวรู้ดีว่าไม่ควรถือสาคนเมา แต่คำพูดที่ยิ่งกว่าดูถูกทำให้อดไม่ได้จริงๆ
“ทำไมวิวต้องทำเป็นรังเกียจจีด้วย! เราเป็นแฟนกัน จะกอดกันจูบกันหรือมีเซ็กส์กันมันไม่เห็นจะแปลก รู้มั้ยว่าผู้หญิงที่หวงตัวเกินไปมันน่ารำคาญนะ”
“จี!” เธอตะเบ็งเสียงเรียกชื่อเขาด้วยความไม่พอใจสุดขีด “เลิกพูดจาดูถูกกันได้แล้วนะ เมามากก็รีบกลับบ้านไปเถอะ วิวไม่อยากทะเลาะด้วยแล้ว”
“จีพูดขนาดนี้แล้ววิวยังคิดไม่ได้อีกเหรอว่าควรทำตัวยังไง...ผู้หญิงคนอื่นคบกันจีแค่ไม่กี่วันก็ยอมเสนอตัวให้แล้ว”
“นี่หมายความว่าจีมีผู้หญิงอื่นงั้นเหรอ” ศศิกานต์หน้าชา
“ใช่...ถ้าวิวยอมทำหน้าที่แฟนให้สมบูรณ์แบบ จีคงไม่ต้องไม่หาความสุขจากผู้หญิงอื่นหรอก” ชายหนุ่มยอมรับเพราะความมึนเมา ก่อนขยับอ้อมแขนกอดหญิงสาวให้แนบแน่นขึ้น
“จีโทษว่าเรื่องนี้เป็นความผิดของวิวเหรอ”
“ก็ใช่น่ะสิ!” สิ้นคำพูดของจีรศักดิ์ ศศิกานต์ก็ใช้พละกำลังทั้งหมดผลักเขาออกห่าง ความไว้ใจและความรักที่มีให้ชายหนุ่มมานานหลายปี ตอนนี้แทบไม่มีหลงเหลืออยู่เลย ไม่น่าเชื่อจริงๆ ว่าคำพูดพวกนี้จะสร้างความโกรธเกลียดขึ้นในหัวใจเธอได้มากมายเพียงนี้
“ออกไปจากบ้านวิวเดี๋ยวนี้!” ศศิกานต์ตวาดเสียงดัง หยาดน้ำตาแห่งความเสียใจหลั่งรินออกมาไม่ขาดสาย “แล้วต่อไปนี้จีก็ไม่ต้องมาที่นี่อีก...นับตั้งแต่วินาทีนี้เป็นต้นไป เราสองคนจบถือว่าจบกัน!” แม้จะพูดออกมาด้วยความมั่นใจ แต่หัวอกกลับร้าวรานจนแทบยืนไม่ไหว
จีรศักดิ์กำหมัดแน่นเมื่อได้ยินสิ่งที่คาดไม่ถึง จริงอยู่ที่เขาดื่มเหล้ามาเยอะมาก แต่มันไม่ได้ส่งผลให้มึนเมาถึงขนาดไม่เข้าใจคำพูดอีกฝ่าย ศศิกานต์อยู่ในฐานะคนรักของเขามานานหลายปี ตลอดเวลาที่ผ่านมาเธอไม่เคยปล่อยเนื้อปล่อยตัวให้กับเขาเลยสักครั้ง แม้ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ที่เป็นใจมากแค่ไหน เธอก็เอาชนะความถูกผิดได้เสมอ
จีรศักดิ์ต้องพยายามอย่างมากที่จะไม่รวบรัดเธอ เพราะคิดว่าต้องมีสักวันที่เขาจะได้ในสิ่งที่ต้องการ แต่เมื่อมีผู้ชายที่เพอร์เฟ็กต์อย่างตรัยเข้ามาเกี่ยวข้อง ความเชื่อที่จะได้ครอบครองตัวเธอในเร็ววันก็เริ่มสั่นคลอน เขาเป็นผู้ชายเหมือนกัน มีหรือที่จะอ่านสายตาผู้กองหนุ่มไม่ออก
ตรัยเองก็คิดกับศศิกานต์ไม่ต่างไปจากเขานักหรอก แต่หากจะต่างก็ตรงที่ตรัยดูจริงใจกับหญิงสาวมากกว่า ต่างจากจีรศักดิ์ที่คบหากับเธอ เพียงเพราะต้องการเงินและความสาวความสวย
ร่างสูงที่ยืนโอนเอนอยู่ตรงหน้า สั่นเทิ้มหนักขึ้นเพราะความฉุนเฉียว ศศิกานต์เกือบถอนหายใจออกมา เมื่อเห็นเขาหันหลังเดินตรงไปที่ประตูบ้าน แต่เมื่อพบว่าจีรศักดิ์เพียงแค่เดินไปกดล็อกประตู เธอก็ใจหายวาบ เพราะพอจะเดาออกว่าการกระทำของเขานั้นหมายความว่าอย่างไร
“อยากเลิกก็เลิก! แต่ก่อนเลิกขอทำอะไรให้มันคุ้มค่าหน่อยก็แล้วกัน!” พูดจบชายหนุ่มก็สาวเท้าเข้ามาหาหญิงสาวทันที
“จี! อย่าทำอะไรบ้าๆ นะ จีกำลังเมามากนะ” ศศิกานต์พูดเสียงอ่อน เมื่อหลบไม่พ้นจากอ้อมแขนแกร่ง
“อย่ามาทำเป็นพูดดีไปหน่อยเลย! ผู้หญิงอย่างเธอน่ะฉันไม่คิดจะจริงใจด้วยหรอก ไอ้ที่คบไปวันๆ ก็เพราะเงินกับตัวเธอเท่านั้นแหละ!”
“จี...”
เมื่อได้ยินความจริง หญิงสาวก็ร้องไห้หนักขึ้น ร่างบางสั่นสะท้านอยู่ในอ้อมกอดเอาเปรียบ แม้กระทั่งตอนที่ใบหน้าคมคายโน้มลงมาซุกไซ้บริเวณซอกคอขาวผ่อง เธอก็ยังไร้เรี่ยวแรงที่จะขัดขืน
‘นี่สินะที่เขาเรียกกันว่าเสียใจจนไม่มีแรงจะยืนหยัด’
จีรศักดิ์ได้ใจมากขึ้นเมื่อเห็นศศิกานต์ออกแรงผลักไสเพียงเล็กน้อย ซึ่งแทบไม่มีผลอะไรกับเขาเลย มือหนาเลื่อนขึ้นลูบไล้แผ่นหลังบอบบางเบาๆ กดริมฝีปากลงบนไหล่มนภายใต้เสื้อเชิ้ตตัวเล็ก และเลื่อนใบหน้าขึ้นทาบทับริมฝีปากกับเธอ
กลิ่นเหล้าที่คละคลุ้งออกจากตัวชายหนุ่ม เป็นเหมือนตัวกระตุ้นให้หญิงสาวเริ่มดิ้นรนมากขึ้น ศศิกานต์เม้มริมฝีปากแน่น เพื่อไม่ให้อีกฝ่ายรุกรานสำเร็จ มือเล็กทุบตีแผงอกกว้างอย่างบ้าคลั่ง เมื่อความเจ็บปวดถูกแทนที่ด้วยความเกลียดชัง พละกำลังที่หดหายไปกลับคืนสู่ตัวเธอมากกว่าเดิมเสียด้วยซ้ำไป
“ปล่อยนะ!” ศศิกานต์บ่ายหน้าหลบเป็นพัลวัน พยายามสะบัดตัวให้หลุดจากพันธนาการของผู้ชายสารเลวตรงหน้า “อย่ามาแตะต้องตัวฉันนะ! ปล่อยเดี๋ยวนี้”
“อย่าทำเป็นไม่ต้องการไปหน่อยเลย! ทีเมื่อกี้ล่ะเคลิ้มเชียวนะ”
“คนสารเลว!” หญิงสาวก่นด่า ก่อนจะใช้โอกาสที่ชายหนุ่มคลายอ้อมกอด สะบัดฝ่ามือเล็กประทับลงบนแก้มขวาเต็มแรง
“กล้ามาก...” ใบหน้าคมที่หันตามแรงตบรีบหันกลับมาเผชิญหน้าแทบจะทันที “ใช้ความกล้าของเธอเวลาอยู่บนเตียงกับฉันดีกว่า!” ว่าแล้วจีรศักดิ์ก็ปล่อยหมัดหนักๆ พุ่งเข้าไปที่หน้าท้องของศศิกานต์เต็มแรง ร่างบางทรุดลงนอนงออยู่บนพื้น ใบหน้าบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บจุกแสนสาหัส
จีรศักดิ์ยืนมองอดีตคนรักด้วยความสะใจ ก่อนจะก้มลงช้อนร่างบางขึ้นสู่อ้อมแขน แล้วพาก้าวอาดๆ ตรงไปยังห้องนอน
ศศิกานต์อยากกรีดร้องออกมาอีกครั้ง เมื่อถูกโยนลงบนเตียงอย่างไม่ปราณี แต่อาการเจ็บจุกที่แล่นขึ้นมาเป็นริ้วๆ ทำให้เธอไม่อาจทำอะไรได้ นอกจากนอนกุมท้องร้องไห้อย่างคนไร้ทางสู้
ดวงตากลมโตปิดลงช้าๆ เมื่อเห็นชายหนุ่มกำลังดึงเสื้อออกทางศีรษะ สุดท้ายเธอก็ต้องเสียท่าให้กับผู้ชายสารเลวคนนี้ โชคดีไม่ได้มีกับทุกคน ฉะนั้นศศิกานต์จึงไม่คิดเลยว่าตัวเองจะหลุดรอดจากความอัปยศนี้ไปได้
หญิงสาวกัดริมฝีปากแน่นจนแทบห้อเลือด เมื่อรู้สึกได้ว่าร่างกำยำกำลังทาบทับลงบนตัว ลมหายใจที่เต็มไปด้วยกลิ่นแอลกอฮอล์แผ่กระจายอยู่เหนือตัวเธอ ก่อนที่ริมฝีปากร้อนระอุจะประทับลงบนพวงแก้ม ไล่เลยลงไปที่ซอกคอหอมละมุน ขณะที่ฝ่ามือหนาพยายามปลดกระดุมออกอย่างใจเย็น
“ไม่นะ...ไม่” ศศิกานต์เค้นเสียงลอดผ่านไรฟัน เมื่อชายหนุ่มจัดการปลดบราเซียออก แล้วก้มหน้าลงลิ้มชิมความอวบหยุ่นของทรวงอก เรียวลิ้นโลมไล้บนปลายถันอย่างโหยหา พร้อมเลื่อนมือข้างหนึ่งขึ้นเคล้นคลึงหนักหน่วง ส่งผลให้ร่างบางสั่นสะท้านขึ้นโดยอัตโนมัติ
“อย่านะ...ช่วยด้วย!” เมื่อจีรศักดิ์เริ่มดึงกางเกงขาสั้นให้หลุดออก ศศิกานต์ก็รวบรวมกำลังครั้งสุดท้ายเพื่อร้องขอความช่วยเหลือ ดูเหมือนเขาจะไม่ได้ห้ามปรามเธอเลย เพราะเสียงที่เล็ดลอดออกมานั้นแผ่วเบาเหลือเกิน หากไม่นับว่าโชคดีจริงๆ คงไม่มีใครมาบังเอิญได้ยินเข้าแน่
จีรศักดิ์ขยับกายลุกขึ้นยืน เพื่อจัดการถอดกางเกงยีนตัวเก่งออกให้พ้นทางบ้าง ทว่าแรงกระชากที่เกิดขึ้นจากทางด้านหลังทำให้ร่างสูงผงะหงาย เสียหลักเซไปทางด้านหลัง และเมื่อหันกลับมามอง เขาก็พบตรัยยืนกำหมัดอยู่ตรงนั้นด้วยสีหน้าโกรธขึ้ง
“ไอ้สารเลว!” ผู้กองหนุ่มปรี่เข้าไปหา ตะบันหน้าอีกฝ่ายไม่ยั้งมือ
ศศิกานต์อาศัยจังหวะนั้นดึงผ้าห่มขึ้นคลุมร่างเอาไว้ สองหนุ่มนัวเนียกันอย่างบ้าคลั่ง สีหน้าของตรัยบ่งบอกชัดเจนว่าโกรธแค้นเพียงใด แน่นอนว่าหญิงสาวสังเกตเห็นมันทั้งหมด และยังไม่รู้เลยว่าควรจะสรรหาคำพูดใดมาขอบคุณเขา ให้สมกับที่เขามาช่วยเธอเอาไว้ได้ทันเวลาพอดี
ตรัยต่อยจีรศักดิ์จนใบหน้ายับเยิน ส่วนตัวเขาถูกสวนกลับเล็กน้อย ส่งผลให้มีเลือดซึมที่มุมปาก แต่ก็ไม่ได้มากมายนัก ทันทีที่ใช้กุญแจล็อกข้อมือจีรศักดิ์ได้สำเร็จ การต่อสู้ของทั้งสองคนก็จบลงเพียงเท่านั้น ตอนแรกตรัยตั้งใจจะให้คนของเขามานำตัวจีรศักดิ์ไปที่สถานีตำรวจ แต่เมื่อนึกถึงสิ่งที่จะตามมาถึงศศิกานต์ในภายหลัง เขาก็ตัดสินใจว่าจะจัดการเรื่องนี้ด้วยตัวเอง แล้วรีบรุดเข้าไปประคองหญิงสาวไว้
