บท
ตั้งค่า

บทที่ ๕ ข่าวร้าย 2

ปุษยาอายุยี่สิบห้าปีแล้ว คุณปิยะรู้ดีว่าด้วยวัยเพียงแค่นี้ เธอคงคิดไม่ถึงว่าตัวเองจะถูกบังคับให้แต่งงาน แต่หากจะปล่อยให้เธอทำตัวเหลวไหลไปวันๆ ก็ไม่ใช่เรื่องที่สมควรเช่นกัน เพราะจนถึงตอนนี้ เธอก็ยังใช้ชีวิตไปเรื่อยเปื่อย เอาเวลาที่มีไปทิ้งกับการช้อปปิ้ง ดูหนังฟังเพลง ซึ่งนิสัยเหล่านี้คงสายเกินจะแก้ได้แล้ว และคนผิดก็ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นคุณปิยะกับคุณวิมลเองที่คอยตามใจลูกสาวคนเดียวมาตลอด

ฉะนั้นหากจะช่วยให้ปุษยาเป็นผู้ใหญ่ขึ้น คงมีแค่ทางเดียวคือการจับเธอแต่งงานเสีย เมื่อปุษยาต้องไปใช้ชีวิตกับคนอื่น เธอก็จะรู้ว่าควรเปลี่ยนแปลงตัวเองอย่างไร นอกจากพ่อแม่แล้ว คงไม่มีใครตามใจเธอไปเสียทุกอย่าง ทันทีที่เวลานั้นมาถึง เธอก็จะรู้ว่าทุกช่วงเวลาของชีวิตนั้นมีค่ามากกว่าการเที่ยวเล่นไปวันๆ

คุณปิยะไม่รู้หรอกว่าความคิดนี้ผิดหรือถูก แต่เมื่อก่อนที่เขาทำตัวไม่เอาไหน หลังจากได้ใช้ชีวิตร่วมกับคุณวิมล เขาก็เริ่มมีความเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น ยิ่งเมื่อได้กลายเป็นพ่อคน คุณปิยะก็ยิ่งต้องหนักแน่นและทำหน้าที่ผู้นำครอบครัวให้ดีที่สุด ด้วยเหตุนี้เองที่ทำให้เขามั่นใจว่าการแต่งงานจะต้องช่วยปุษยาได้

“คุณพ่อคะ...คุณพ่อ” กวิตาเรียก “คุณพ่อเป็นอะไรไปหรือเปล่าคะ”

“อ๋อ...เปล่าๆ พ่อกำลังคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยน่ะ หนูวิมีอะไรเหรอลูก” คุณปิยะสะดุ้งหลุดจากภวังค์

“คือวิคงต้องขอตัวกลับก่อนน่ะค่ะ วันนี้ต้องเข้าบริษัทไปดูงานกับคุณพ่อด้วย”

“ถ้างั้นก็ขับรถดีๆ นะลูก ว่างๆ ก็แวะมาอีกนะ”

“ค่ะคุณพ่อ...ยังไงวิฝากลาคุณแม่ด้วยนะคะ สวัสดีค่ะ”

กวิตายกมือไหว้อย่างนอบน้อมอีกครั้ง ก่อนจะเดินจากไปด้วยความเร่งรีบ ขณะที่คุณปิยะเหลือบมองหาภรรยาอยู่พักหนึ่ง เมื่อไร้วี่แววก็อดไม่ได้ที่จะตามขึ้นไปสมทบด้วยคน ไม่ลืมบอกกับตัวเองว่าต่อให้ปุษยาจะร้องไห้คร่ำครวญเพียงใด เขาก็จะไม่ยอมปล่อยวางเรื่องนี้แน่

“คุณพี่...” คุณวิมลเปิดประตูห้องลูกสาวออกมาก็พบสามียืนลังเลอยู่

“ลูกเป็นยังไงบ้างคุณ คงจะขอร้องให้คุณช่วยมาพูดกับผมล่ะสินะ” คุณปิยะปั้นหน้าขรึมใส่ภรรยา บอกเป็นนัยน์ว่าเขาจะไม่ยอมอ่อนข้อให้แน่

“เปล่าค่ะ” คุณวิมลยิ้มน้อยๆ “ลูกบอกว่าจะยอมพิจารณาขอเสนอของเราค่ะ แต่ลูกไม่อยากให้เร่งรัดอะไรมากนัก อยากลองขอศึกษานิสัยใจคอว่าที่คู่ชีวิตดูก่อน”

“อะไรนะ…ล้อผมเล่นใช่มั้ยคุณวิมล”

“วิมลพูดจริงๆ นะคะ ลูกปายบอกแบบนี้จริงๆ แล้วที่สำคัญลูกรู้สึกผิดมากนะคะที่พูดจาก้าวร้าวกับคุณพี่ไป”

“ไม่อยากเชื่อเลยว่าเด็กดื้ออย่างคุณหนูปุษยาจะยอมง่ายๆ แบบนี้”

“อย่ามองลูกในแง่ร้ายนักสิคะคุณพี่”

“เฮ้อ! ผมก็ไม่ได้อยากคิดแบบนี้หรอก แต่ก็เอาเถอะ...ลูกยอมตกลงก็ดีแล้วล่ะ ส่วนเรื่องที่จะให้คบหาดูใจกันก่อนตกลงแต่งงาน ผมคิดเอาไว้แล้วล่ะ แต่เท่าที่ผมรู้จักกับครอบครัวนั้นมา ลูกหลานทุกคนเป็นคนดี แล้วก็เอาการเอางานกันทั้งนั้นเลยนะ...รู้สึกว่าลูกสาวจะแต่งงานกันไปหมดแล้ว เหลือแค่ลูกชายคนโตที่ยังเอาแต่ทำงาน ไม่ยอมหาสะใภ้ให้พ่อแม่ซะที”

“แล้วคุณพี่มั่นใจเหรอคะว่าฝ่ายโน้นเขาจะไม่ขัดข้อง”

“ผมเองก็ไม่มั่นใจเต็มร้อยนักหรอก คุณน่าจะรู้ดีนี่ว่าลูกสาวเราไม่มีอะไรเลย นอกจากความรวยแล้วก็ความสวย ส่วนนิสัยใจคอก็ออกจะดื้อรั้นเอาแต่ใจ” คุณปิยะนึกถึงเวลาที่ปุษยาแผลงฤทธิ์แล้วก็อดขยาดไม่ได้

“ถ้างั้นก็ต้องลุ้นแล้วว่าพ่อหนุ่มคนนั้นจะปราบลูกสาวเราอยู่หมัดมั้ย”

“ผมคิดว่าเขาต้องทำได้แน่ ผมเคยได้ยินกิตติศัพท์ของเขามานาน ผมคิดว่าคงไม่มีใครเหมาะสมกับลูกปายเท่ากับเขาอีกแล้วล่ะ...นี่ถ้าไม่มีอะไรขัดข้อง เร็วนี้ๆ ผู้ใหญ่ทางโน้นก็คงมาทาบทามลูกสาวเรา” คุณปิยะหันไปส่งยิ้มให้ภรรยา และพากันกลับลงมาชั้นล่างอย่างเงียบๆ โดยไม่รู้เลยว่าปุษยาได้ยินการสนทนาของทั้งคู่ทุกอย่าง

‘อย่ามั่นใจในตัวของผู้ชายคนนั้นนักเลยค่ะคุณพ่อ เพราะปายคิดว่าคงไม่มีใครหน้าไหนทนปายได้แน่ แล้วเราจะได้เห็นกันค่ะ ปายรับรองได้เลย’

ปุษยายิ้มมีเลศนัย ไม่ได้เตรียมใจรับความพ่ายแพ้เลยแม้แต่น้อย...

นพนทีเดินลงมาชั้นล่าง หลังจากอาบน้ำล้างหน้าแล้วอีกรอบ คุณธาดากับคุณมณีนั่งคุยกันไปเรื่อยเปื่อยกันตามประสาคนว่างงาน วางแผนจะไปเที่ยวต่างประเทศกันทันทีที่จัดการธุระสำคัญเรียบร้อยแล้ว ชายหนุ่มเดินเข้าไปสมทบด้วยอีกคน

“อะไรกันครับ แอบวางแผนจะไปเที่ยวปารีสกันสองคน ไม่คิดจะชวนผมเลยเหรอ”

“พ่อกับแม่รู้หรอกน่าว่าชวนยังไงแกก็คงไม่ไป ห่วงงานซะเหลือเกินนี่” คุณธาดาตอบทันควัน ก่อนหันไปสบตากับภรรยา เป็นเชิงบอกให้เริ่มสนทนาเรื่องสำคัญได้เลย คุณมณีลอบตำหนิสามีผ่านทางสายตาที่โยนธุระเรื่องนี้มาให้กับนาง ทว่าก็ยอมเอ่ยปากอย่างไม่ขัดข้อง

“นที...แม่มีเรื่องสำคัญจะพูดกับลูกจ้ะ”

“ทำไมต้องทำหน้าตาจริงจังด้วยครับคุณแม่ มีอะไรพิเศษเหรอครับ” นพนทีหันไปรับถ้วยกาแฟร้อนจากจ๋อม แล้วถามขึ้นยิ้มๆ

“จะว่าพิเศษมันก็ใช่นะลูก คือ...แม่อยากพูดกับลูกเรื่องแต่งงานน่ะ”

“แต่งงาน!” ชายหนุ่มแทบพ่นกาแฟดำกลับออกมา แต่ควบคุมตัวเองไว้ทัน “ทำไมถึงพูดเรื่องนี้อีกล่ะครับ ผมบอกแล้วไงว่าไม่คิดจะแต่งงานกับใครทั้งนั้น ผมยังไม่เจอคนที่ใช่นะครับคุณแม่ อีกอย่าง...ผมไม่อยากปวดหัวเพราะพวกผู้หญิงอีกแล้วด้วย”

“ลูกยังไม่เจอคนที่ใช่ แต่พ่อกับแม่หาให้ลูกเรียบร้อยแล้วนะ ผู้หญิงคนนั้นเหมาะสมกับลูกทุกอย่างเลย ถ้าไม่เชื่อก็ลองถามคุณพ่อดูสิ” คุณมณีขอแรงหนุนจากสามี ซึ่งอีกฝ่ายรีบยืนยันด้วยความเต็มใจ

“ใช่ ผู้หญิงคนนั้นสวยมาก ฐานะชาติตระกูลก็ดีด้วยนะ”

“แต่ผม...” นพนทีขยับจะค้าน หากมารดาไม่เอ่ยแทรกขึ้นเสียก่อน

“อย่าเพิ่งตัดสินใจตอนนี้สินที อย่างน้อยลูกก็น่าจะรอจนกว่าจะได้พบกับเธอก่อนนะ”

“จริงอย่างที่แม่แกพูดนะไอ้ลูกชาย ทางที่ดีรอเจอเธอก่อนดีกว่า พ่อรู้หรอกน่าว่าลึกๆ แล้วแกก็ยังอยากมีคนควงอยู่ ทำเป็นซ่อนเขี้ยวซ่อนเล็บไปอย่างนั้นเองแหละ...ใช่มั้ย?”

คุณธาดาจ้องหน้าลูกชายอย่างคาดหวังในคำตอบ แน่นอนว่านพนทีก็คือนพนที แม้ว่าเขาจะไม่ค่อยขัดใจใคร แต่สำหรับเรื่องนี้ ชายหนุ่มไม่มีวันยอมหรอก

“ผมไม่คิดจะแต่งงานครับ จริงอยู่ที่ผมเคยขาดผู้หญิงไม่ได้ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว คุณพ่อคุณแม่น่าจะรู้จักคำว่าถึงจุดอิ่มตัวดีนะครับ” นพนทีเอ่ยเสียงเครียด วางถ้วยกาแฟลงบนโต๊ะรับแขกด้วยท่าทางไร้อารมณ์ ก่อนจะผุดลุกขึ้นยืน

“นั่นแกจะไปไหน เรายังคุยกันไม่รู้เรื่องเลยนะ” คุณธาดารีบท้วง

“ผมว่าเราคุยกันรู้เรื่องแล้วนะครับ ผมไม่คิดจะแต่งงาน แต่ถึงจะแต่ง...ผมก็หาผู้หญิงของผมเองได้ ผมไม่รบกวนคุณพ่อคุณแม่หรอกครับ ผมหวังว่าเราคงจะไม่พูดถึงเรื่องนี้กันอีกนะครับ”

พูดจบนพนทีก็เดินจากมาทันที วันนี้เขาตื่นสายมากแล้ว ตั้งใจจะไม่ออกไปทำงาน แต่เมื่อได้ยินความประสงค์ของบุพการี ชายหนุ่มก็อดเบื่อหน่ายขึ้นมาไม่ได้ ท้ายที่สุดจึงตัดสินใจขึ้นไปแต่งตัวบนห้อง เพื่อเตรียมเข้าไปดูงานที่บริษัทเหมือนทุกวัน

“ทำยังไงดีคะคุณ ตอนแรกฉันว่าจะพูดจาให้เด็ดขาดซะหน่อย แต่พอเห็นลูกเดินหนีไปแบบนี้ก็ทำอะไรไม่ถูกเหมือนกัน ตกลงว่าเราต้องเป็นฝ่ายยอมแพ้อีกแล้วใช่มั้ยคะ” คุณมณีเอ่ยถามด้วยความร้อนใจ

“ไม่หรอกคุณ ผมไม่มีทางยอมแพ้ไอ้ตัวแสบอีกครั้งหรอก ผมมีไม้เด็ดเตรียมไว้แล้ว แต่คุณต้องช่วยผมเต็มที่หน่อยนะ” คุณธาดายิ้มอย่างมีเลศนัย ขณะยกแขนขึ้นโอบไหล่ภรรยา

“คุณจะทำอะไรคะ?”

“อย่าเพิ่งอยากรู้ตอนนี้เลยน่า เอาเป็นว่าคุณจะร่วมมือกับผมใช่มั้ย”

“แน่นอนค่ะ ฉันจะทำเต็มความสามารถเลย ขอแค่ให้ลูกชายคนเดียวของเรายอมแต่งงานก็พอแล้ว”

“ดีมากที่รัก ถ้าอย่างนั้นคุณฟังแผนของผมให้ดีนะ แล้วอย่าลืมจัดการให้แนบเนียนล่ะ” ว่าแล้วคุณธาดาก็ก้มหน้าลงกระซิบที่ข้างหูภรรยา คุณมณีตั้งใจฟังอย่างจดจ่อ และไม่คัดค้านแผนการของสามีเลยแม้แต่น้อย นั่นเป็นเพราะนางเองก็เห็นว่าเป็นแผนการที่ใช้ได้ และไม่ได้สร้างความเดือดร้อนให้ใคร เห็นทีพรุ่งนี้คงต้องเริ่มทำตามแผนแล้ว

ขืนชักช้าต่อไปทางฝ่ายหญิงอาจจะเปลี่ยนใจก็ได้…

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel