บทที่ ๓ ตามหาเพื่อเอาคืน 2
ปุษยาคิดอย่างหวาดหวั่น ก่อนจะพาตัวเองลุกขึ้นตรงไปที่ประตู สิ่งแรกที่รับรู้ได้คือมือของเธอถูกมัดเอาไว้ แต่สิ่งที่ร้ายกว่านั้นคือห้องๆ นี้ถูกล็อกจากด้านนอก แน่นอนว่าเธอคงไม่มีเรี่ยวแรงพังประตูออกไปได้แน่
ร่างบางทรุดตัวนั่งลงบนพื้นตามเดิม หยาดน้ำตาไหลรินออกมาจากดวงตาคู่สวยไม่ขาดสาย เสียงร้องไห้สะอึกสะอื้นของเธอ ดังก้องอยู่ท่ามกลางความมืดที่แสนเงียบงัน แม้ว่าห้องที่อยู่ในตอนนี้จะมิดชิด จนแม้แต่ลมก็ยังเล็ดลอดเข้ามาได้ยาก แต่ก็น่าแปลกนักที่เธอรู้สึกหนาวสะท้านไปทั้งตัว
เสียงรถที่แล่นเข้ามาจอดทำให้ปุษยาใจหายวาบ ถ้าหากพอมีทางเลือก เธออยากให้ตัวเองถูกขังเอาไว้ที่นี่ตามลำพังต่อไปเสียยังดีกว่า แต่ในเมื่อรู้ดีแก่ใจว่าตัวเองอยู่ในสถานะจำเลย หญิงสาวก็ยิ่งร้องไห้หนักขึ้นอีก
เสียงฝีเท้าหนักๆ ที่ดังอยู่บนพื้นเริ่มใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ปุษยาถอยหลังไปนั่งอยู่ตรงมุมห้อง เนื้อตัวสั่นระริก ดวงตาที่เต็มไปด้วยน้ำสีใสจ้องมองไปที่ประตูด้วยความระทึกใจ หากผู้มาเยือนคือตำรวจหรือพลเมืองดี มันคงเป็นเรื่องที่น่ายินดีอยู่ไม่น้อย
แต่ดูเหมือนสิ่งที่หวังไว้จะห่างไกลความจริงเสียเหลือเกิน เพราะเมื่อประตูถูกเปิดออก เธอก็พบร่างสูงใหญ่ยืนจังก้าอยู่ตรงนั้น ในมือเขามีวัตถุสีดำมะเมื่อมติดมาด้วย และแน่นอนว่ามันเลือกเธอเป็นเป้าหมาย
“ลุกขึ้น...” น้ำเสียงแข็งกระด้างสั่งขึ้น
“แกเป็นใคร! ต้องการอะไรจากฉัน!” หญิงสาวไม่ได้ทำตามคำสั่ง
“ลุกขึ้น!” ชายนิรนามตะเบ็งเสียงดังลั่น “แต่ถ้าอยากตายก็นั่งอยู่ที่เดิมนั่นแหละ นับหนึ่งถึงสามฉันจะลั่นไกทันที”
“ยะ...อย่านะ! อย่ายิง! ฉัน...ฉันลุกแล้ว” ปุษยารีบขยับตัวลุกขึ้นยืน
“เดินตามฉันมา อย่าตุกติกนะ ฉันเป็นพวกมือไวซะด้วยสิ” เขาออกคำสั่งอีกครั้ง ก่อนจะเดินนำเธอออกจากห้องไป ปุษยาค่อยๆ ก้าวตามไปอย่างระมัดระวัง เมื่อออกมาพ้นประตูห้อง ร่างบางก็ลังเลอยู่ครู่หนึ่งว่าจะเดินตามเขาไป หรือควรจะวิ่งหนีไปอีกทางเผื่อว่ามันจะเป็นทางออก
และแล้วเธอก็เลือกที่จะหนี!
ปุษยารีบวิ่งไปอีกทางทันที ความมืดทำให้เธอชนข้าวของล้มลงหลายครั้ง เมื่อเห็นประตูบานใหญ่อยู่ไม่ไกล แรงฮึดก็ทำให้เธอรีบประคองตัวเองลุกขึ้น เมื่อยืนอยู่หน้าประตูเรียบร้อย เธอก็หันหลังเพื่อใช้มือที่ถูกมัดเอาไว้ลองเปิดประตูดูก่อน รอยยิ้มยินดีผุดขึ้นเต็มใบหน้า เมื่อพบว่ามันไม่ได้ถูกล็อกเอาไว้ แต่เมื่อเปิดประตูออก ความหวังทั้งหมดก็มลายหายไปจนหมดสิ้น
ห้องที่อยู่ตรงหน้าเธอคือห้องนอนขนาดใหญ่...
ไม่ใช่ทางออกอย่างที่คิดไว้เลยสักนิด!
เสียงปรบมือที่ดังขึ้นทางด้านหลัง เรียกให้ปุษยารีบหันกลับไปมองทันที ไฟสีส้มสลัวภายในห้องที่ส่องกระทบไปยังร่างชายนิรนามคนนั้น ทำให้ดวงตาของเธอเบิกโพลงยิ่งขึ้น ใบหน้างามซีดเซียวลงถนัดตา เพราะจำได้ดีว่าผู้ชายที่ยืนพิงกรอบประตูอยู่นั้นคือใคร...
“นาย!”
“เยี่ยมมากเลยคนสวย เธอติดกับเข้าจนได้”
นพนทียิ้มกริ่ม แววตาไล่มองหญิงสาวตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า
สภาพของปุษยาไม่ได้ดูแย่อะไรมากนัก มีเพียงชุดเดรสแนบเนื้อที่สวมอยู่เท่านั้นที่ค่อนข้างมอมแมม ส่วนแผลถลอกที่หัวเข่าก็ยังมีเลือดซึมออกมาอยู่เล็กน้อย บนแก้มขาวนวลมีคราบดินติดอยู่บ้าง แต่มันไม่ได้ทำให้ความสวยของเธอลดน้อยลงแต่อย่างใด
“นาย! นายกล้าดียังไง ถึงจับตัวฉันมาไว้ที่นี่! ไอ้คนสารเลว ไอ้ชั่ว!” ปุษยาก่นด่าอย่างไม่เกรงกลัว ทว่าสายตานั้นจ้องมองไปที่ปืนในมือของนพนทีอยู่เกือบตลอดเวลา
“ไม่ต้องชื่นชมผมขนาดนั้นก็ได้ครับคุณปุษยา”
ชายหนุ่มไม่ยี่หระกับคำพูดของหญิงสาว
“นายรู้จักชื่อฉัน! เพราะแบบนี้สินะถึงคิดลักพาตัวฉันมาเรียกค่าไถ่!”
“แล้วคุณคิดว่าไงล่ะ”
“ต้องใช่แน่ๆ ...นายมันก็แค่ไอ้ผู้ชายหิวเงินคนนึง คิดเหรอว่าวิธีนี้จะช่วยให้นายรวยทางลัดได้” ปุษยายิ้มเยาะ แล้วเอ่ยต่อ
“ถึงนายจะได้เงินค่าไถ่จากครอบครัวฉัน แต่นายก็หนีความผิดไม่พ้นหรอก นี่คงไม่รู้สินะว่าคุณพ่อฉันสามารถทำอะไรได้บ้าง...นายไม่ได้ตายดีแน่ไอ้สารเลว!”
นพนทีขยับตัวยืนตรง ไม่ได้โต้ตอบคำพูดของหญิงสาว แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเขาพอใจที่ถูกต่อว่า ร่างสูงก้าวเข้ายืนในห้อง พร้อมกับจัดการปิดประตูลงเสีย ปุษยาถอยหลังโดยอัตโนมัติ กวาดสายตามองหาทางหนีที่อาจจะพอมีอยู่บ้าง ซึ่งสุดท้ายมันก็ไม่มีอยู่เลย
“อย่าเข้ามานะ!”
“หลังจากที่คุณด่าผมว่าสารพัด คุณยังคิดอีกเหรอว่าผมจะฟังคำสั่งคุณ” นพนทีย่างสามขุมเข้าหาเธอ โยนปืนในมือทิ้งลงบนพื้น แล้วจัดการปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตออกทีละเม็ด
“ไอ้บ้า! ฉันบอกว่าอย่าเข้ามาไง...นายคิดจะทำอะไรของนายกันฮะ!” คนตัวเล็กเริ่มตัวสั่นหนักขึ้น พอๆ กับที่ชายหนุ่มก้าวเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ
“อย่ามาทำเป็นไร้เดียงสาไปหน่อยเลย คุณน่าจะรู้ดีนะว่าผมคิดจะทำอะไร อย่างคุณน่ะคงโชกโชนระดับเทพเลยล่ะสิ” นพนทีจงใจทำให้หญิงสาวโมโห ปล่อยเสื้อให้หลุดจากตัวลงไปกองอยู่ที่พื้น ไม่ลืมจัดการปลดเข็มขัดออกจากกางเกงด้วยอีกอย่าง ซึ่งการกระทำนั้นทำให้ปุษยาแทบสติแตก
“ช่วยด้วย!” หญิงสาวร้องตะโกนดังลั่น ตั้งท่าจะวิ่งหนีขึ้นไปบนเตียงเพื่ออ้อมไปยืนฝั่งตรงข้าม
ความโชคร้ายพุ่งพรวดเข้ามาหาเธออย่างรวดเร็ว เพราะยังไม่ทันได้ทำตามที่ใจคิด เอวบางก็ถูกวงแขนแกร่งคว้าเอาไว้ได้ทัน นพนทีพลิกร่างบางให้นอนหงาย ก่อนตวัดขาขึ้นคร่อมทับเธอเอาไว้ สองมือที่แข็งแรงราวคีมเหล็กกดไหล่เธอติดกับเตียงนอน
“ปล่อยนะ!” ปุษยาทำได้แค่เพียงออกคำสั่ง เพราะมือทั้งสองของเธอถูกมัดไพล่หลังเอาไว้
“ผมปล่อยคุณไปแน่ แต่นั่นมันหลังจากที่เราเสร็จธุระกันแล้ว”
ชายหนุ่มไม่พูดเปล่า แต่ยื่นใบหน้าเข้าไปใกล้เธอจนรับรู้ได้ถึงลมหายใจอันร้อนระอุ ปุษยาพยายามบิดกายหนีและตั้งท่าจะก่นด่าอีกระลอกใหญ่ นพนทีจึงตัดรำคาญด้วยการบดจูบลงบนเรียวปากนุ่มนิ่มสีกุหลาบ หญิงสาวดิ้นรนเต็มกำลัง แต่เมื่อมือใหญ่เลื่อนขึ้นประคองใบหน้าให้อยู่กับที่ การขัดขืนของเธอก็ไร้ประโยชน์ไปในทันที
นพนทีไม่ได้รู้ตัวเลยว่าจูบที่ร้อนแรง และเต็มไปด้วยความโหยหาของตัวเอง กำลังทำให้อีกฝ่ายแทบหมดลมหายใจ เรียวลิ้นอุ่นสอดเข้าไปในโพรงปากนุ่มอย่างกล้าๆ กลัวๆ แต่เมื่อมั่นใจว่าสามารถทำให้เธอคล้อยตามได้สำเร็จแล้ว เขาก็ดูดดื่มความหวานจากริมฝีปากสวยได้ตามความต้องการ
ปุษยารู้สึกว่าทุกอย่างทั้งอึดอัดและว่างเปล่าในเวลาเดียวกัน นพนทีตะโบมจูบเธอราวกับว่าชีวิตนี้ไม่เคยได้จูบกับใครมาก่อน มือหนาลูบไล้อยู่ตรงต้นขาขาวเนียน และเลื่อนเข้าไปใต้กระโปรงของชุดเดรสสั้นอย่างใจร้อน เพื่อสัมผัสกับเนินเนื้อสวยงามของหญิงสาว
ร่างบางสะดุ้งสุดตัวเมื่อรู้สึกว่ากำลังถูกรุกล้ำหนักขึ้น สมองสั่งการให้ร้องตะโกนขอความช่วยเหลือ แต่ริมฝีปากของเธอกลับนิ่งสนิท ปล่อยให้ชายนิรนามไล้เล็มราวกับว่ามันเป็นของหวานที่เขาโปรดปราน แม้กระทั่งตอนที่ชายหนุ่มยอมถอนจูบ แล้วเคลื่อนตัวลงเพื่อกัดเบาๆ ที่ยอดทรวงภายนอกอาภรณ์ เธอก็ยังลืมไปเสียสนิทว่าควรใช้โอกาสนี้ร้องขอให้คนช่วย
นพนทีหายใจแรงๆ เมื่อเพลิงราคะลุกโชนขึ้นราวกับต้องน้ำมัน การที่เขาไม่ได้แตะต้องผู้หญิงมานานหลายปีนั้น ทำให้ร่างกายมีปฏิกิริยารวดเร็วขึ้นอีกเท่าตัว นึกอยากจะกระชากชุดแนบเนื้อนี้ออกไปโดยเร็ว แล้วฝากฝังตัวเองลงในกายเธอ เดินหน้าอารมณ์สวาทไปตามครรลองโดยไม่สนใจสิ่งใดทั้งนั้น แต่มันจะเป็นแบบนั้นไม่ได้ เพราะที่ทำมาทั้งหมดเป็นแค่การสั่งสอนให้ปุษยากลัวเท่านั้น เขาไม่ได้ตั้งใจจะล่วงเกินเธอจริงๆ
แม้จะรู้อยู่แก่ใจว่าไม่อาจล่วงเกินเธอได้ แต่จะให้หยุดทุกอย่างลงอย่างง่ายดายก็เป็นเรื่องยาก นพนทีตั้งใจว่าจะฉกฉวยความสุขจากตัวหญิงสาวอีกสักหน่อย ทั้งที่รู้ดีว่ามันอาจจะเกิดการผิดพลาดได้ก็ตาม
“อื้อ...”
เสียงแหบพร่าของปุษยาทำให้หัวใจชายหนุ่มกระตุกวาบ แรงอารมณ์ที่พยายามควบคุมกระจัดกระจายไปอีกครั้ง คราวนี้เขาไม่มัวแต่กังวลอะไรอีกแล้ว รีบจัดการดึงทึ้งเสื้อผ้าออกจากร่างบางทันที
ปุษยาปล่อยให้น้ำตาไหลออกมาไม่ขาดสาย แม้ร่างกายจะไม่อาจขัดขืนได้ แต่หัวใจเธอนั้นเต็มไปด้วยความหวาดกลัว และอยากผลักไสชายหนุ่มให้ออกห่างจากตัวเหลือเกิน ดวงตากลมโตปิดสนิทลงอย่างจำใจ เมื่อมือหนาปลดบราเซียออกพ้นตัว
ทรวงสวยสีหวานถูกปลายลิ้นชื้นตวัดไล้เล็ม ยังผลให้ขนอ่อนบนร่างกายลุกชันด้วยความเสียวซ่าน หญิงสาวแอ่นกายโค้งขึ้นโดยไม่รู้ตัว ราวกับต้องการให้ชายหนุ่มสัมผัสอย่างแนบชิด
นพนทีเลื่อนมือที่ลูบไล้เนินสวยอยู่ขึ้นกอบกุมทรวงอกอวบ บีบเคล้นมันอย่างเบามือและหนักหน่วงขึ้นตามแรงอารมณ์ เรือนกายกำยำเกร็งแข็งขึ้น ไอร้อนจากตัวเขาแผ่กระจายอยู่เหนือตัวเธอ ซึ่งนั่นทำให้ปุษยายิ่งแต่ระทดระทวยมากขึ้นทุกที
นพนทีเลื่อนมือลงไปเพื่อจะปลดกางเกงออกจากตัว เสียงสะอื้นเบาๆ ทำให้เขาชะงักค้าง และซบหน้านิ่งลงบนอกเปลือยของหญิงสาว ความจริงแล้วในเวลาแบบนี้ ต่อให้นึกถึงความถูกต้องและเหตุผลมากแค่ไหน ชายหนุ่มก็คงไม่คิดจะหยุดตัวเองลงง่ายๆ แต่มันก็น่าแปลกนักที่เสียงสะอื้นของเธอกำลังหยุดเขา
นพนทียันตัวเองลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว เดินถอยห่างจากปุษยาไปสองสามก้าว ขณะพยายามบังคับสายตาให้เลิกจ้องมองร่างเปลือยงดงามของเธอ มือทั้งสองกำเข้าหากันแน่นเพื่อข่มอารมณ์ ใบหน้าคมคายที่กำลังร้อนผ่าวเบือนหนีไปทางอื่น แล้วยกมือเสยผมลวกๆ จากนั้นก็ก้มลงคว้าเข็มขัดและเสื้อขึ้นมาถือไว้
“หวังว่า...” เมื่อพบว่าเสียงของตัวเองสั่นเกินไป ชายหนุ่มจึงหยุดกระแอมเบาๆ รวบรวมสติก่อนเอ่ยต่อ “หวังว่านี่จะเป็นบทเรียนที่ดีสำหรับคุณนะ จำไว้ว่าอย่าใช้อิทธิพลของตัวเองทำร้ายคนอื่นอีก”
“เลวที่สุด! ทำไมถึงทำกับฉันแบบนี้!” ปุษยาคว้าผ้าห่มที่อยู่ใกล้มือมาปิดบังเรือนร่าง ไม่ลืมต่อว่านพนทีด้วยน้ำเสียงขมขื่น
“ช่วยไม่ได้ คุณอยากให้คนของคุณมาทำร้ายเลขาฯ ผมก่อนเอง”
“อะไรกัน! ผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่...”
“วิวไม่ใช่แฟนผม เธอมีคนรักอยู่แล้วด้วย คุณน่ะทำพลาดเต็มๆ เลยรู้มั้ยคนสวย” ชายหนุ่มแสยะยิ้ม “ส่วนผม...ได้กำไรเต็มๆ เหมือนกัน”
“ไอ้บ้า! อย่าคิดนะว่าฉันจะไม่จัดการกับนาย!”
“เอาเลย อยากแจ้งตำรวจหรือทำอะไรก็เชิญ แต่รู้ไว้ด้วยนะว่าในห้องนี้มีกล้องซ่อนเอาไว้ ถ้าคุณเอาเรื่องนี้ไปบอกคนอื่น ผมก็จะเอาฉากเด็ดเมื่อกี้ไปลงอินเทอร์เน็ตทันที...บางทีผมอาจจะหารายได้เสริมด้วยการทำแผ่นซีดีของคุณขายในตลาดมืดด้วยนะ”
นพนทีว่าพลางเดินตรงไปที่มุมห้อง หยิบกล้องวิดีโอที่ตั้งอยู่ตรงนั้นขึ้นมา แล้วถอดม้วนเทปมาใส่เอาไว้ในกระเป๋ากางเกง ก่อนจะหันกลับมาจ้องมองใบหน้างามที่เต็มไปด้วยน้ำตาอย่างผู้ที่ถือไพ่เหนือกว่า
“ไอ้!...ไอ้บ้ากาม ไอ้คนวิปริต ไอ้หน้าตัวเมีย!” เมื่อคำด่าสุดท้ายหลุดออกจากปาก นพนทีก็พุ่งเข้าไปกระชากไหล่บางไว้แน่น
สีหน้าและแววตาของเขาดูจริงจังจนน่ากลัว หากย้อนเวลาได้ ปุษยาคงเลือกที่จะใช้คำพูดที่ไม่รุนแรงนัก แต่อีกใจเธอก็คิดว่าเขาเหมาะสมกับคำพูดพวกนี้ที่สุด
“ครั้งนี้ผมจะถือเสียว่าที่ได้ยิน มันเป็นเสียงสุนัขเห่าหอน แต่ถ้าผมได้ยินอีกครั้งล่ะก็...คุณจะได้เห็นแน่ว่าไอ้หน้าตัวเมียที่แท้จริงมันเป็นยังไง!” มือหนาผลักเธอออกห่างราวกับรังเกียจเสียเต็มประดา ก่อนจะถอยหลังลงจากเตียงนอนอีกครั้ง
“แต่งตัวให้เรียบร้อย ผมจะไปรออยู่ข้างนอก” นพนทีบอกขณะสวมเสื้อให้ตัวเอง “แล้วถ้าขืนชักช้าล่ะก็...ผมจะเข้ามาต่อฉากเด็ดเมื่อกี้ให้จบอย่างถึงพริกถึงขิงเลย” แล้วร่างสูงโปร่งก็เดินออกจากห้องไป ทิ้งให้ปุษยานั่งร้องไห้ด้วยความแค้นเคืองอยู่ตามลำพัง และขว้างปาข้าวของภายในห้องตามหลังชายหนุ่มไป
“ไอ้สารเลว! ฉันไม่มีทางยอมเป็นฝ่ายเสียเปรียบหรอก นายจะต้องชดใช้ในสิ่งที่ทำกับฉันอย่างสาสม!” ปุษยาประกาศกร้าว ร่างบางสั่นระริกด้วยความโกรธ แต่เมื่อนึกถึงคำขู่สุดท้ายของชายหนุ่ม เธอก็รีบคว้าเสื้อผ้าขึ้นมาสวมใส่ ภาพวาบหวามระหว่างเธอกับเขาผุดขึ้นแทบจะตลอดเวลา แน่นอนว่าคนอย่างปุษยาไม่มีทางยอมให้เรื่องนี้จบง่ายๆ แน่
ผู้ชายที่เธอไม่รู้แม้กระทั่งชื่อคนนั้น...จะต้องได้รับบทลงโทษ!
