บท
ตั้งค่า

บทที่ ๑๐ ชัยชนะครึ่งแรก 2

“คือ...ลูกปายของอาทำกับนทีถึงขนาดนั้น นทีไม่คิดจะโกรธเคืองบ้างเลยเหรอลูก”

“ที่แท้ก็เรื่องนี้เองเหรอครับ”

นพนทียิ้ม และตอบสิ่งที่ตรงกันข้าม “ถ้าผมจะบอกว่าไม่โกรธก็คงจะโกหก อันที่จริง...ตอนแรกผมก็โกรธเหมือนกันนะครับที่ถูกทำร้ายทั้งที่ไม่มีความผิด แต่พอมาคิดๆ ดู...ถ้าผมอยู่ในสถานการณ์อย่างปุษยา ผมอาจจะหมดหนทางจนต้องทำแบบเดียวกันกับเธอก็ได้...เหตุผลนี้เองครับที่ทำให้ผมอยากจะช่วยเธอ”

“นี่ถ้าลูกเราคิดได้สักครึ่งของนทีก็ดีนะคะคุณพี่” คุณวิมลหันไปขอความเห็นจากสามี เมื่ออีกฝ่ายพยักหน้าเห็นด้วย นางก็หันมายิ้มหวานให้ว่าที่ลูกเขย “ถ้ายังไงอาฝากน้องด้วยนะลูก ถือซะว่าช่วยๆ กันนะจ๊ะ”

“ไม่ต้องห่วงหรอกครับ ผมรับรองว่าปุษยาจะต้องเปลี่ยนแปลงตัวเองได้แน่...ถ้าเธอได้แต่งงานกับผม” นพนทีดูมั่นใจเป็นอย่างมาก

คุณธาดามองลูกชายด้วยความภาคภูมิใจ เป็นโชคดีของปุษยาแล้วที่มาเจอนพนทีเอาตอนนี้ หากเขายังเป็นเหมือนเมื่อก่อน รับรองว่าปุษยาได้ชดใช้คืนอย่างสาหัส เพราะเสืออย่างนพนทีไม่เคยยอมให้ผู้หญิงมากระตุกหนวดง่ายๆ หรอก แต่คุณธาดาคงลืมไปแล้วว่าเสือก็คือเสืออยู่วันยังค่ำ ไม่มีทางเปลี่ยนเป็นลูกแมวแสนเชื่องได้แน่...

‘รอฉันอีกหน่อยนะปุษยา...เรากำลังจะได้เจอกันแล้ว’

นพนทีลอบยิ้มอย่างน่ากลัว แววตาคมเข้มขึ้นเพราะรู้สึกพึงพอใจในชัยชนะครึ่งแรกของตัวเอง ตอนอยู่ที่โรงพยาบาลเขารอคอยการที่จะได้พบกับปุษยาแทบไม่ไหว แต่ตอนนี้ไม่อีกต่อไปแล้ว อีกเพียงครู่เดียวเขากับเธอก็จะได้พบกันเสียที

แล้วมาดูกันว่าชายหนุ่มจะใช้วิธีไหนทำให้เธอยอมศิโรราบแก่เขา...

ปุษยานอนซมอยู่บนเตียงเพราะพิษไข้ ใบหน้าที่เคยสวยสดงดงาม ตอนนี้โทรมลงมากจนแทบดูไม่ได้ ผิวพรรณขาวเนียนที่เคยดูผุดผ่องยามต้องแสงไฟ ดูไร้ชีวิตชีวาราวกับเป็นคนละคน

ร่างบอบบางที่น้ำหนักลดฮวบฮาบลงถึงสี่กิโลภายในระยะเวลาไม่กี่วัน ทำให้แก้มที่เคยอวบอิ่มตอบขึ้นอย่างชัดเจน หญิงสาวพยายามประคองตัวเองเข้าไปล้างหน้าล้างตาในห้องน้ำ

เพราะตั้งแต่รู้สึกตัวตื่นขึ้นมาในตอนเช้า เธอก็ไม่ได้ก้าวขาลงจากเตียงเลย ในเมื่อไม่มีอาหารตกถึงท้อง ความจำเป็นที่จะต้องลุกเข้าห้องน้ำก็หายไปด้วย แต่ตอนนี้เธอรู้สึกแย่เหลือเกิน จึงคิดว่าการได้ล้างหน้าล้างตาคงพอช่วยได้บ้าง

‘แล้วฉันจะต้องการให้ตัวเองรู้สึกดีไปทำไมกัน...เพราะตอนนี้ก็แทบไม่อยากมีชีวิตอยู่ด้วยซ้ำ’

เมื่อทบทวนความต้องการของตัวเองขึ้นมาได้ ร่างผอมบางจึงตั้งใจจะทิ้งกายนอนลงบนเตียงตามเดิม หากแต่เสียงปลดกุญแจที่ดังมาจากหน้าห้อง ทำให้เธอชะงักลงเล็กน้อย เมื่อนึกขึ้นได้ว่าอาจจะเป็นสาวใช้นำอาหารขึ้นมา ปุษยาก็ถอนหายใจ แล้วเอนกายลงนอนอย่างที่ตั้งใจไว้ตามเดิม

นพนทีพยักหน้าให้สาวใช้ลงไปอยู่ชั้นล่างตามที่ตกลงไว้กับเจ้าของบ้าน ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องของปุษยาอย่างเงียบกริบ แทบไม่มีเสียงฝีเท้าให้ได้ยิน สิ่งแรกที่เขาเห็นคือถาดอาหารที่วางอยู่ข้างเตียงนั้นไม่ได้รับการแตะต้องเลยแม้แต่น้อย มีเพียงน้ำดื่มเท่านั้นที่พร่องลงจนเกือบหมดแก้ว

คนที่อยากตายจริงๆ คงไม่สนใจดื่มน้ำแก้กระหายหรอก

พิจารณาเพียงครู่เดียวนพนทีก็เข้าใจ ปุษยาแค่พยายามใช้วิธีทรมานตัวเองเพื่อต่อต้านบุพการีเท่านั้น แต่ดูเหมือนผลที่ได้รับไม่ได้ออกมาดีนักหรอก สังเกตได้จากไหล่ของเธอที่มีกระดูกโปนขึ้นมา เสื้อกล้ามขนาดพอดีตัวดูหลวมขึ้นกว่าเดิม รวมทั้งกางเกงผ้าเนื้อนิ่มตัวที่เธอสวมอยู่นั่นก็ด้วย

นพนทีถือวิสาสะนั่งลงริมเตียงนอน ปุษยาเริ่มประหลาดใจ เพราะคิดว่าสาวใช้ไม่น่าจะกล้าทำตัวเสมอเธออย่างนี้ ดวงตาที่เพิ่งปิดลงปรือขึ้นช้าๆ ก่อนจะหันหน้าไปมอง

“นาย!”

“หวัดดีปุษยา...” ปกติรอยยิ้มของนพนทีนั้นจะดูมีเสน่ห์มาก แต่สำหรับตอนนี้มันช่างดูน่ากลัวเหลือเกิน

ปุษยามองอีกฝ่ายตาค้าง ใบหน้าที่ซีดเซียวอยู่แล้วนั้นดูแย่ขึ้นอีก ลมหายใจแทบขาดห้วงเพราะความตกใจ แต่ทันทีที่ตั้งสติได้ เธอก็รีบลนลานคลานลงจากอีกด้านของเตียงไปอย่างรวดเร็ว พละกำลังที่แทบไม่มีหลงเหลืออยู่เลยพาให้ร่างบางล้มฟุบลงบนพื้นห้อง เรี่ยวแรงที่จะยืนหยัดนั้นมีน้อยเต็มทน

นพนทีกระตุกยิ้มที่มุมปาก ลุกขึ้นจากเตียงแล้วยืนหันหน้าไปทางหญิงสาว มือทั้งสองข้างซุกอยู่ในกระเป๋ากางเกงด้วยท่าทางสบายๆ ไม่รู้สึกทุกข์ร้อนอะไรเหมือนกับอีกฝ่าย และเมื่อเห็นว่าปุษยาไม่อาจช่วยตัวเองให้ลุกจากพื้นได้ เขาก็ไม่อยากจะใจร้ายใจดำนัก

ปุษยาแทบจะคลานหนีอยู่แล้ว แต่คนตัวโตที่ว่องไวกว่ากลับตรงเข้ามาช้อนร่างผอมบางของเธอเอาไว้ในอ้อมแขนได้ทัน หญิงสาวใช้แรงเท่าที่พอมีดิ้นรนจนเหนื่อยหอบ พร้อมจ้องหน้าเขาอย่างมาดร้าย แต่รอยยิ้มของนพนทีกลับทำให้เริ่มทำหน้าไม่ถูก ทำไมเขาถึงได้ดูใจเย็นกับเธอนัก...

“อย่าฝืนตัวเองแบบนั้นสิ ผมรู้ว่าความจริงแล้วคุณไม่อยากตายนักหรอก” ชายหนุ่มเอ่ยเสียงนุ่ม

“ปล่อยฉัน! นาย...นายเข้ามาที่นี่ได้ยังไง!” ปุษยาใช้หมัดเล็กๆ ทุบแผ่นอกกว้าง และหยุดนิ่งเมื่อหมดแรงไปแล้วจริงๆ

นพนทีไม่ตอบ แต่วางร่างบางลงบนเตียงอย่างระมัดระวัง “ผมจำคุณแทบไม่ได้เลย นี่ถ้าคนในแวดวงไฮโซหรือเพื่อนๆ คุณมาเจอเข้า พวกเขาก็คงทนมองดูสภาพทุเรศๆ ของคุณไม่ได้หรอก...จริงมั้ย?”

ชายหนุ่มไม่ลืมยึดข้อมือข้างหนึ่งเอาไว้ เมื่อเห็นหญิงสาวตั้งท่าจะถอยหนีไปอีกรอบ

“ฉันจะทุเรศหรือเป็นตายร้ายดียังไงมันก็ไม่เกี่ยวกับใคร!” ปุษยาเอนกายในท่ากึ่งนั่งกึ่งนอน “ปล่อยมือฉัน แล้วไสหัวออกไปจากที่นี่ได้แล้ว!” แต่สุดท้ายก็ต้องทิ้งตัวลงนอนราบไปบนเตียง เพราะฝืนร่างกายไม่ไหวอีก

“คุณนี่มัน...ยังปากดีไม่เลิกอีกนะ” นพนทียังคงปั้นหน้ายิ้มแย้ม

“ออกไป!”

“ผมเองก็ไม่อยากอยู่ในห้องอับๆ กับผู้หญิงเน่าๆ นานนักหรอก เพียงแต่ผมยังออกไปง่ายๆ ไม่ได้ จนกว่าเราจะคุยกันรู้เรื่อง”

“ฉัน...ไม่มีอะไรจะคุยกับนายทั้งนั้น...ออกไป...ออกไป!” ปุษยาบิดข้อมือหนี แต่ก็ไม่อาจหลุดพ้นจากความแข็งแรงจากมือใหญ่ที่เพิ่มแรงบีบรัดจนเจ็บร้าวไปเกือบทั้งแขน

“คุณรู้ไว้ด้วยนะว่าตอนนี้เราอยู่ในห้องนอนกันตามลำพัง แล้วคนในบ้านของคุณก็ถูกสั่งให้ไปอยู่ที่อื่นกันหมดแล้ว ถ้าผมทำอะไรคุณขึ้นมา...คุณคิดว่าจะรอดไปได้อีกงั้นเหรอ”

“นายต้องการอะไร!...ต้องการเอาคืนฉันก็เชิญเลย ฆ่าฉันให้ตายไปเลยสิ!”

“ฆ่าคุณให้ตายสักร้อยครั้งผมก็ยังไม่สะใจหรอก!” นพนทีกระชากไหล่บางแรงๆ”ผู้หญิงอย่างคุณมันต้องเจอกับความทุกข์ทรมานจนกว่าจะรู้จักสำนึกผิด”

“นายต้องการอะไรกันแน่!”

“ผมต้องการเจ้าสาวที่สมบูรณ์ที่สุดในงานแต่งงานที่จะมีขึ้นต้นเดือนหน้า!” นพนทีขึ้นเสียง “คุณต้องเป็นเจ้าสาวของผมด้วยความเต็มใจ และเลิกทำตัวเหมือนคนใกล้ตายแบบนี้สักที”

“แล้วทำไมฉันต้องทำตามที่นายบอกด้วย!”

“ก็เพราะว่าคุณไม่มีทางหนีผมไปไหนได้ยังไงล่ะ!” คำพูดของนพนทีทำให้ปุษยาชะงัก “ทางเดียวที่คุณจะหนีพ้นผมคือตายๆ ไปซะ! แต่คุณเองก็น่าจะรู้ดีแก่ใจนะว่าความตายไม่ใช่สิ่งที่คุณต้องการ คุณมันขี้ขลาดเกินไปปุษยา เพราะฉะนั้นทำไมเราไม่มาสู้กันอีกสักตั้ง...เอาให้มันรู้แพ้รู้ชนะไปเลย” ปุษยาจ้องหน้าชายหนุ่มด้วยความโกรธ แต่ข้อเสนอของเขาทำให้เธอเริ่มลังเลขึ้นมาบ้างแล้ว

“แต่งงานกับผมซะ! แล้วหลังจากเราแต่งงานกันครบหกเดือน ถ้าคุณสามารถเอาชนะผมได้ ไม่ว่าจะด้วยวิธีใดก็ตาม...ผมจะหย่าให้คุณ” นพนทีอธิบายเหตุผลให้เธอฟัง “ส่วนเรื่องความสัมพันธ์ของเรา ผมคงสัญญาไม่ได้ว่าจะไม่แตะต้องล่วงเกินคุณ มันอยู่ที่คุณแล้วล่ะว่าจะเอาตัวรอดยังไง”

“ไม่ยุติธรรม ยังไงนายก็เห็นแก่ตัวอยู่ดี!” ปุษยาต่อว่า

“ผมว่านี่ยุติธรรมที่สุดแล้วต่างหากล่ะ...ตอนนี้ขึ้นอยู่กับคุณแล้วว่าจะเอายังไง คุณจะเลือกเอาระหว่างความตาย หรือการมีชีวิตที่ต้องสู้กับผมจนกว่าจะรู้แพ้รู้ชนะ ผมก็แล้วแต่คุณ”

“แล้วถ้าฉันไม่เลือกอะไรเลยล่ะ”

“คุณก็จะเจอผมทุกวัน ในแต่ละวันก็จะถูกแก้แค้นหลายรูปแบบต่างกันไป เชื่อมั้ยล่ะว่าผมทำได้ เพราะแค่ต้องการเข้ามาพบคุณถึงในห้องนอน ผมก็ยังทำสำเร็จเลย นับประสาอะไรกับเรื่องอื่น”

“นาย!...”

“คิดเอาเองปุษยา ถ้าคุณเลือกที่จะสู้กับผมก็เริ่มเปลี่ยนแปลงตัวเองได้แล้ว ลุกขึ้นมาแต่งเนื้อแต่งตัวให้ดูมีชีวิตชีวาหน่อย แล้วก็ทานอะไรที่มันมีประโยชน์ให้เยอะๆ ...ทำให้ทุกคนเห็นว่าคุณคือนางพญาหงส์ที่ไม่มีทางกลายเป็นอีกาได้” นพนทีถอยลงจากเตียงนอน “เพราะตอนนี้คุณมีสภาพทุเรศกว่าอีกาซะอีกนะ”

“นี่นายกล้าว่าฉันเหรอ!“ ปุษยาแหวอย่างเหลืออด

“คุณจะคิดว่ามันคือคำชมก็ได้”

“นายนพนที!”

“แหม นี่ผมต้องดีใจมั้ยเนี่ยที่คุณจำชื่อผมได้” ชายหนุ่มจงใจกวนประสาท “และถ้าจะให้ดีก็ช่วยจำผมให้ขึ้นใจไปตลอดชีวิตเลยนะ”

“ไอ้บ้า! ไอ้...”

“หุบปาก! ถ้าไม่อยากเจ็บตัวก็อย่ามาใช้คำพูดหยาบคายกับผมอีก” นพนทีตะคอกลั่น “แล้วนับจากวันนี้ไปคุณต้องพูดกับผมให้มันสุภาพหน่อย ไม่งั้นผมจะลองพูดจาไม่สุภาพกับคุณบ้าง แล้วดูสิว่าคุณจะรู้สึกยังไง” ชายหนุ่มยื่นคำขาด สีหน้าและแววตาที่ดุดันทำให้ปุษยาคอแข็ง ไม่กล้าต่อกรอะไรอีก ทั้งที่ก่อนหน้านี้เธอไม่เคยคิดจะเกรงกลัวเขาเลยแม้แต่น้อย

“อีกสามวันผมจะกลับมาหาคุณอีกครั้ง ถ้าคุณกลับไปเป็นนางพญาหงส์แล้ว นั่นหมายความว่าคุณยอมรับข้อเสนอของผม แต่ถ้ายังทำตัวเป็นอีกาปีกหักอยู่แบบนี้ คุณก็จะได้เห็นดีกับผมทันที” นพนทียักไหล่ ก่อนจะนึกบางอย่างขึ้นมาได้ “อ้อ คุณคงไม่ลืมเรื่องวิดีโอนั่นใช่มั้ย ผมยังเก็บเอาไว้อย่างดีเลยนะ แล้วมันก็พร้อมที่นำมาเผยแพร่ทุกเมื่อเลยด้วย”

“นี่สรุปว่าฉันไม่มีทางเลือกเลยใช่มั้ย?” ปุษยาถามเสียงแข็ง

“มีสิ ผมบอกไปแล้วนะว่าคุณมีทางเลือกอยู่สองทาง...คือสู้ไม่ถอยกับตายอย่างไร้เกียรติ”

“นายมันเลวจริงๆ”

“ผมบอกไปแล้วอีกเหมือนกันว่าพูดจาอะไรให้มันสุภาพหน่อย ไม่งั้นผมจะช่วยปิดปากคุณให้เอง” ชายหนุ่มโน้มตัวต่ำใช้มือค้ำเตียงนอนเอาไว้ ชะโงกหน้าเข้าไปใกล้หญิงสาว “คุณรู้ดีน่าว่าผมทำได้” ก่อนจะยืดตัวยืนเต็มความสูงตามเดิม

“ดูเหมือนนาย...ดูเหมือนคุณจะมั่นอกมั่นใจซะเหลือเกินนะ”

“อยากให้ผมสาธิตหน่อยมั้ย”

“พอที! เลิกข่มขู่ฉันได้แล้ว คิดว่าฉันกลัวนักเหรอ”

“แล้วคุณกลัวมั้ยล่ะ”

“กลับไปซะ! ฉันอยากอยู่คนเดียว” ปุษยาไม่อยากต่อปากต่อคำอีก

“ผมไปก็ได้ แต่อย่าลืมล่ะว่าอีกสามวันเราต้องเจอกันอีกครั้ง”

นพนทียิ้มเย็นส่งให้เธอเป็นครั้งสุดท้าย สายตาที่จ้องมองมาดูมีเล่ห์เหลี่ยมชอบกล ซึ่งคนอย่างเขาเก็บอาการเก่งเกินกว่าจะทำให้อีกฝ่ายมองออกว่ากำลังคิดอะไร

“แล้วพบกันนะครับ...คุณหนูปุษยา พนิตนนท์มนตรี” นพนทีบอกอย่างสุภาพ ก่อนจะเดินออกจากห้องไปเงียบๆ ทิ้งให้ปุษยานั่งจมอยู่กับความคิดต่างๆ นานาเพียงลำพัง

ข้อเสนอของนพนทีไม่ได้ถือว่าเลวร้ายอะไรนัก แต่ก็ใช่ว่ามันจะไม่มีผลเสียสำหรับเธอเลย เพราะการแต่งงานจะเปลี่ยนสถานภาพของการเป็นสาวโสดไปทันที และหลังจากหย่าร้างกันขึ้นมา เธอก็จะถูกสังคมตราหน้าว่าเป็น ‘หม้าย’ ซึ่งปุษยาคิดว่ามันเป็นสิ่งที่ทำให้เธอและวงศ์ตระกูลเสียเกียรติ

แต่หากคิดในมุมหนึ่ง บรรดาไฮโซที่หย่ากับสามีมาใช้ชีวิตที่อิสระเพียงลำพังก็มีตั้งมากมาย ทำไมเธอจะต้องมานั่งคิดมากในเรื่องนี้นัก เพียงแค่ปล่อยข่าวลือที่ทำให้เธอเป็นฝ่ายได้เปรียบ สังคมจะหันไปสนใจที่ตัวนพนทีแทน แน่นอนว่าเธอจะต้องถูกมองว่าเป็นผู้หญิงที่น่าสงสาร ส่วนเขาก็กลายเป็นคนไม่ดีที่ทำให้เกิดเรื่องหย่าร้างขึ้นมา

หญิงสาวยิ้มกับตัวเอง...เมื่อสรุปในใจว่าความคิดของเธอนั้นเข้าท่าดี

ปุษยาสูดลมหายใจเข้าปอดแรงๆ จังหวะนั้นเองที่สาวใช้เปิดประตูเข้ามาในห้อง ซึ่งนพนทีคงเป็นคนจัดการส่งขึ้นมา หญิงสาวประคองตัวเองลุกขึ้นนั่ง สั่งให้สาวใช้ช่วยพาเธอไปอาบน้ำแต่งตัว

จากนั้นค่อยลงไปรับประทานอาหารข้างล่าง ให้สมกับที่ปฏิเสธมันมาหลายต่อหลายวันทั้งที่หิวใจแทบขาด ตอนนี้เวลาแห่งความอ่อนแอหมดลงแล้ว เธอต้องฟื้นฟูตัวเองให้พร้อมที่จะต่อสู้โดยเร็วที่สุด

ชัยชนะครึ่งแรกอาจเป็นของนพนที...แต่ปุษยาต้องทำให้ชัยชนะทั้งหมดมาอยู่ในมือเธอให้ได้!

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel