บท
ตั้งค่า

3 ไม่ใช่

“ช่วยข้าด้วย”

“เจ็บ พี่ใหญ่ พี่รอง ท่านแม่ ข้าเจ็บเหลือเกิน”

น้ำเสียงที่ทั้งเล็กและแหบพร่าของเด็กหญิงร้องเรียกให้ผู้คนที่อยู่ในบริเวณใกล้ ๆ วิ่งกระวีกระวาดเข้ามาประคองร่างเล็กของนางให้ลุกขึ้น

“คุณหนูหกยังไม่ตาย คุณหนูหกยังไม่ตาย”

“นายท่าน คุณหนูหกยังไม่ตาย คุณหนูหกยังมีชีวิตอยู่ขอรับ”

“ตี้เอ๋อร์” ครั้นได้ยินว่าบุตรสาวยังมีลมหายใจ ผู้เป็นบิดารีบปรี่เข้าไปประคองร่างเล็กของเด็กหญิง ใบหน้าของนางซีดเซียว มุมปากมีคราบโลหิตสีแดง อาภรณ์สีชมพูสดใสเวลานี้เต็มไปด้วยคราบโลหิตเลอะไปทั้งร่าง และเริ่มกลายเป็นสีดำแล้ว

“เจ็บ...ข้าเจ็บ” ฉีหลิงตี้ทรมานเจ็บปวด ทั้งลำคอเล็ก ๆ ของนางแสบร้อนไปหมด

“ตี้เอ๋อร์บอกมาว่าเกิดอะไรขึ้น บอกพ่อมาเดี๋ยวนี้ เหตุใดแม่และพี่ชายเจ้าจึงกลายเป็นเช่นนี้” ฉีอ้าวคาดคั้นเอาความจริงจากบุตรสาว

“ข้าเจ็บ” นางเจ็บปวดทรมานไปทั้งร่างกาย แต่กระนั้นก็ยังถูกบังคับคาดคั้นให้พูดแต่ว่าเกิดอะไรขึ้น

“นายท่าน พบจดหมายขอรับ ฮูหยิน...ฮูหยินเป็นผู้วางยานายน้อยทั้งสองคนและคุณหนูขอรับ”

“ไม่ใช่”

เด็กหญิงพยายามจะบอกความจริง นางมั่นใจว่าท่านแม่ไม่มีวันทำเช่นนั้นเด็ดขาด

“นายท่าน ท่านพาคุณหนูหกไปรักษาก่อนเถอะขอรับ”

ว่าแต่ว่า พวกเขาเรียกนางว่าคุณหนูหกงั้นเหรอ นางคือคุณหนูสามต่างหาก เหตุใดนางจึงถูกพวกเขาเรียกว่าคุณหนูหกกัน จวนโหวมีคุณหนูคุณชายสามคน นางคือบุตรสาวคนที่สาม เด็กหญิงสะลึมสะลือ ความทรงจำบางอย่างพรั่งพรูเข้ามาในสมองน้อย ๆ ของนาง ผสมปนเปกับความทรงจำเมื่อตอนบ่ายจนปวดไปทั้งศีรษะ สุดท้ายนางก็สลบไปในที่สุด

พอนางลืมตาขึ้นมาอีกคราก็พบว่า ตนเองนั้นกลับมานอนอยู่ในห้องนอนเดิมของตนที่จวนโหว หัวเล็ก ๆ ของเด็กหญิงปวดระบมไปหมด ทั้งยังรู้สึกได้ว่าลำคอเจ็บแสบ แม้แต่กลืนน้ำลายยังทำได้ยากลำบาก ความทรงจำบางอย่างหลั่งไหลเข้ามาในสมองมากขึ้นเรื่อย ๆ จนทำให้ฉีหลิงตี้รำคาญ

ไม่รู้ว่าหลับไปนานเท่าไร แต่นางจำได้ว่านางฝัน ในห้วงของความฝันนั้น นางฝันถึงมารดาที่งดงามของนางและพี่ชายทั้งสองคน ฝันถึงตอนที่กำลังนั่งสนทนากันอยู่นั้น จู่ ๆ ร่างกายของพวกเขาก็เต็มไปด้วยโลหิต มีโลหิตไหลออกมาจากร่างกายของพวกเขาไม่หยุด ตัดสลับไปกับโลกอีกโลกหนึ่งที่นางไม่เคยเห็น หัวสมองยังคงมึนงงและปวดหนึบ โลกที่นางไม่เคยเห็นมาก่อนนั้นคือสิ่งใดกันแน่

เด็กหญิงพยายามยันตัวเองลุกขึ้น อ้าปากคล้ายกับจะพูดอะไรบางอย่าง แต่กลับมิอาจเปล่งเสียงใด ๆ ออกไปได้ เพราะตอนนี้ลำคอของนางเจ็บปวดเกินไป

“ตี้เอ๋อร์ เจ้าฟื้นแล้ว”

บุรุษผู้หนึ่งวิ่งเข้ามาหานางทันทีที่ได้ยินเสียงความเคลื่อนไหว เมื่อเผชิญหน้ากัน เด็กหญิงจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าบุรุษตรงหน้าคือใคร คลับคล้ายคลับคลาเหมือนเป็นผู้ที่นางรู้จัก แต่ก็นึกไม่ออกอยู่ดี ทว่าพูดก็พูดเถิด บุรุษผู้นี้มีบางส่วนของใบหน้าคล้ายกับพี่ใหญ่ โดยเฉพาะดวงตาคู่นั้น

“...” เด็กหญิงอ้าปากพะงาบ ๆ คล้ายกับจะพูดอะไรบางอย่าง

“ไม่เป็นไรเด็กดี ไม่เป็นไร เจ้าปลอดภัยแล้ว” นางสลบไปสิบวัน เขานึกว่านางจะไม่ฟื้นขึ้นมาเสียแล้ว ผู้เป็นบิดาจับมือเล็ก ๆ ของเด็กหญิงเอาไว้แน่น

เมื่อพูดไม่ได้นางจึงคว้ามือของบุรุษตรงหน้าเอาไว้แทน พร้อมกันนั้นก็ใช้นิ้วเล็ก ๆ เขียนข้อความที่ฝ่ามือเขา

“ท่านเป็นผู้ใด แล้วท่านแม่กับท่านพี่ของข้าเล่า?” เด็กหญิงถามซื่อ ๆ

ฉีอ้าวอึ้งไปเล็กน้อยเมื่อบุตรสาวถามเช่นนั้น เขาออกจากบ้านไปตั้งแต่นางยังอายุแค่สามขวบ และนั่นก็ผ่านมาห้าปีแล้ว ไม่แปลกที่นางจะจำหน้าเขาไม่ได้

“พ่อเอง ข้าคือฉีโหว พ่อของเจ้า” ไม่คิดเลยว่าจะต้องมาแนะนำตัวเช่นนี้

พอรู้ว่าบุรุษตรงหน้าคือบิดา เด็กหญิงก็มีท่าทีตื่นตระหนก เสียมารยาทเสียแล้ว นางทำท่าจะลุกขึ้นมาคำนับบิดา ท่านแม่กำชับนางนักหนา หากพบหน้าท่านพ่อให้ทำความเคารพตามที่ร่ำเรียนมา

“ข้าผิดไปแล้วท่านพ่อ” นางขยับปากเป็นคำ ๆ แต่ยังมิมีเสียงใด ๆ เล็ดลอดออกมา

“ไม่เป็นไรตี้เอ๋อร์ ไม่เป็นไร เจ้าเพิ่งหายป่วย ไม่ต้องมากพิธี”

ครั้นเห็นบุตรสาวเติบโตมาเป็นอย่างดีเขายิ่งรู้สึกสะท้อนใจ เหตุใดเซียวหยาหลานจึงได้ตัดช่องน้อยแต่พอตัว ลงมือโดยไม่คิดหน้าคิดหลังให้ดี

ได้ยินจากท่านแม่มาว่า ท่านพ่อเป็นคนเข้มงวด นิสัยไม่แตกต่างจากท่านปู่ นางจึงได้รู้สึกเกรงกลัว โชคดีที่การเสียมารยาทในครั้งนี้ท่านพ่อไม่ถือสาหาความ เด็กหญิงกวาดสายตาไปรอบ ๆ กระนั้นก็ยังไม่เห็นท่านแม่และพี่ชาย พวกเขาไปไหนกัน? เด็กหญิงคว้ามือของผู้เป็นพ่อมาอีกรอบ

“ท่านพ่อ ท่านแม่และพี่ชายล่ะเจ้าคะ พวกเขาอยู่ที่ใดกัน พวกเราไปพักอยู่ที่เรือนพักร้อนนี่นา หรือพวกเขาแอบไปเที่ยว เหตุใดไม่ยอมมาหาข้า” ฉีหลิงตี้ทำตาปริบ ๆ อย่างคาดหวังในคำตอบของบิดา

“เด็กดี อย่าเพิ่งพูดอะไรเลย ดื่มยาแล้วนอนก่อนเถอะ ท่านแม่กับพี่ชายของเจ้าไปเที่ยวต่างเมือง อีกนานเลยกว่าจะกลับ” ผู้เป็นบิดาจำใจโกหก เหมือนว่านางจะจำไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นก่อนหน้านั้น โกหกไปก่อนน่าจะดีกว่า นางยังเด็ก พอกินแล้วนอนตื่นมาก็ลืมแล้วว่าเกิดอะไรขึ้น รอให้นางอาการดีขึ้นค่อยบอกความจริงแก่นางก็ยังไม่สาย

มือแกร่งของฉีโหวลูบศีรษะของบุตรสาวอย่างอ่อนโยน นึกเอ็นดูที่นางเริ่มเบะปากทำท่าเหมือนจะร้องไห้ที่ไม่ได้ออกไปเที่ยวด้วยกัน

พอรู้ว่าพวกเขาไปเที่ยวกันทั้งที่นางยังนอนป่วย ฉีหลิงตี้ก็เบะปากทำท่าจะร้องไห้อยู่รอมร่อ

“พวกเขาไปเที่ยวไม่บอกข้า พี่ใหญ่กับพี่รองสัญญาว่าจะอุ้มเจ้าขาวกลับมาที่บ้านให้ข้า พี่ใหญ่กับพี่รองผิดสัญญา” นางจำได้ จำได้ว่าเขาจะอุ้มลูกสุนัขที่โรงค้าม้ามาเป็นของขวัญให้นาง

พอคิดถึงเรื่องของเจ้าขาว ความทรงจำวันเกิดเหตุก็กลับคืนเข้าสู่สมองของนาง รวมถึงเรื่องราวเกี่ยวกับโลกที่นางไม่เคยเห็นก็หลั่งไหลเข้ามาด้วย ฉีหลิงตี้สับสนและปวดศีรษะ หัวสมองเล็ก ๆ ของนางคล้ายกับกำลังจะระเบิด เด็กหญิงยกมือขึ้นจับศีรษะของตนเอง แล้วเริ่มร้องโวยวายดีดดิ้น

“หมอ พ่อบ้านฉีไปตามหมอมาเร็ว!!!” ฉีอ้าวออกคำสั่ง ขณะประคองบุตรสาวมากอดเอาไว้ “เด็กดีนอนเถอะ หลับตาเสียเถิด ไม่เป็นไรแล้ว พ่ออยู่กับเจ้าแล้ว”

จำได้แล้ว นางจำเรื่องทุกอย่างได้แล้ว ท่านแม่กับพี่ชายไม่ได้ไปเที่ยวเล่นต่างเมือง รวมถึงความทรงจำในชาติที่แล้วก็หลั่งไหลเข้ามา ที่แท้โลกที่นางอยู่ในตอนนี้คือโลกในนิยายที่นางเคยอ่าน ท่านพ่อคือพระเอก แม่เลี้ยงของนางคือนางเอก ท่านแม่คือนางร้ายที่ปลิดชีพตนเองจนตาย ส่วนนางที่เป็นบุตรสาวนั้น...ก็คือตัวประกอบที่ไม่มีแม้กระทั่งชื่อปรากฏ

หยาดน้ำตาเอ่อคลอดวงตากลมโตของเด็กหญิง แล้วค่อย ๆ รินไหลอาบสองแก้มนวล

ไม่ใช่!!! ไม่ใช่ ท่านแม่ไม่ได้ปลิดชีพตนเอง ท่านแม่ไม่ใช่นางร้ายอย่างที่เขียนเอาไว้ในนิยาย ท่านแม่ของนางคือท่านแม่ที่แสนดีและน่าสงสารต่างหาก

“ไม่ใช่ ไม่ใช่” 
ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel