Chapter 3 : เสี่ยง (1)
เสียงการจราจรที่ดังแว่วมาแต่ไกล ทำให้ร่างสูงที่กำลังนอนคว่ำถึงกับซุกหน้าลงบนหมอน เพื่อหลีกหนีเสียงรบกวนเหล่านั้นและข่มตาให้หลับเพื่อชดเชยเวลาที่เสียไปเมื่อคืน
ชายผู้นี้มีชื่อว่า เฉิงลู่เสวียน อายุ 24 ปี และมีอาชีพเป็นบาร์เทนเดอร์ และนั่นทำให้การนอนหลับท่ามกลางผู้คนที่ใช้ชีวิตภายใต้แสงอาทิตย์ เป็นเรื่องยุ่งยากและทรมานสำหรับชายหนุ่ม
'น่ารำคาญ'
แต่มันยังคงดังอยู่จนเขาทนไม่ไหว บิดตัวไปมาอย่างยากลำบากโดยที่ดวงตาทั้งสองข้างยังปิดสนิท ก่อนจะเอื้อมมือคลำไปข้างๆ ตัว ซึ่งตอนนี้มีเพียงผ้านวมผืนใหญ่วางอยู่บนเตียงที่ว่างเปล่าเท่านั้น
'...'
ลู่เสวียนค่อยๆ ลืมตาขึ้นและกวาดมองไปรอบห้องด้วยความประหลาดใจ ทั้งที่เมื่อคืนเขาจำได้แม่นว่าพาหญิงสาวที่เมาหนักและถูกซ้อมกลับมาที่ห้องด้วย
'หายไปไหน?'
และเมื่อลืมตาตื่นเต็มที่ก็ยิ่งประหลาดใจกว่าเดิม เมื่อเห็นห้องเช่าที่เคยรกอย่างกับรูหนู ตอนนี้ดูเกลี้ยงตาเป็นระเบียบจนแทบจำไม่ได้
"อะไรวะเนี่ย?"
ลู่เสวียนอุทานอย่างหัวเสีย พร้อมกับลุกขึ้นจากเตียงคว้าเสื้อยืดที่ถอดไว้บนพนักเก้าอี้มาสวม ก่อนจะเดินสำรวจไปรอบๆ ห้องนอน จนกระทั่งเปิดประตูออกมาที่ห้องนั่งเล่น และพบว่าตรงมุมห้องมีใครบางคนกำลังหันหลังก้มๆ เงยๆ อยู่ก่อนแล้ว
9 ชั่วโมงก่อน
"เก็บกวาดตรงนี้เสร็จแล้ว ฉันไปก่อนล่ะ"
"กลับบ้านดีๆ นะ!!"
ชายร่างเล็กโบกมือลาคนอื่นๆ และสะพายกระเป๋าขึ้นบ่าเดินออกไปทางหลังร้าน ขณะที่พนักงานคนอื่นๆ ก็เริ่มทยอยออกไปจากร้านนี้ จนเหลือเพียง หลิวเจียงซิน หญิงสาวร่างเล็กเจ้าของร้าน และบาร์เทนเดอร์หนุ่มที่มักจะอยู่ช่วยกันเก็บร้านจนวินาทีสุดท้าย
ลู่เสวียนมองตามร่างเล็กของเจียงซิน ที่กำลังเดินตรวจตราความเรียบร้อยไปทั่วร้านด้วยแววตาครุ่นคิด จนกระทั่งเธอหันมาสบตากับเขาพอดี
"อะไร จะพูดอะไรก็พูดมาสิ?"
"เขาดูท่าจะสนใจเธอมากจริงๆ นะ"
"ใคร?"
"ไป่ฟู่เฉิน ลูกชายของตระกูลไป่หลง"
มือเล็กที่หุ้มด้วยถุงมือยางชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเอื้อมหยิบเศษทิชชูใต้โต๊ะใส่ถุงขยะ และยังคงทำแบบนั้นต่อไปราวกับไม่ได้ยินที่เขาพูด
"เขาก็ดูเป็นคนดี..."
"แต่ฉันไม่ชอบ"
เธอหันมาสบตากับเขาด้วยแววตาจริงจังและหนักแน่น เพื่อยืนยันคำพูดของตนดังเช่นทุกครั้ง
"ไม่ว่ากับใครก็ตาม..."
.
.
"ต่อให้เขาจะหล่อ เก่ง หรือร่ำรวยมาจากไหน แต่ถ้าใช้ชีวิตกลางคืนแบบนี้ฉันของผ่านดีกว่า"
"..."
คำพูดของเจียงซินที่ยืนยันความคิดของตนอย่างหนักแน่น ทำให้ลู่เสวียนถึงกับพูดไม่ออก
"ไม่มีรักแท้เกิดขึ้นที่นี่หรอกนะ.. นายก็รู้"
แม้ว่ามันจะเป็นเพียงคำพูดบอกเล่าธรรมดา แต่สำหรับเขามันเปรียบเสมือนคลื่นลมลูกใหญ่ ที่พัดเข้ามาภายในใจอย่างรุนแรง และทำให้เขาจมดิ่งอยู่กับคำพูดเหล่านั้นของเธอนานนับนาที จนกระทั่งเสียงของเจียงซินเอ่ยขึ้นอีกครั้ง
"นี่ลู่เสวียน พอแล้วล่ะเดี๋ยวที่เหลือฉันเก็บเอง"
แต่เขาก็ยังอยู่ที่เดิม และก้มหน้าช่วยเก็บขวดเบียร์ตามใต้โต๊ะต่อไป จนกระทั่งขวดใบสุดท้ายหมดลง
"ขอบใจมาก แต่บอกไว้ก่อนนะถึงอยู่เลยเวลาก็ไม่มีโอทีให้หรอก"
ใบหน้าหวานใสคลี่ยิ้มให้เขาและหยิบกระเป๋าขึ้นมาพาดบ่า ลู่เสวียนจึงยกมือขึ้นหมายจะลูบศีรษะของเธอเหมือนเช่นทุกวัน
ปี๊บ!! ปี๊บ! ปี๊บ!!!~
แต่เสียงสัญญาณกันขโมยดังขึ้นจากข้างร้าน ทำให้เขาต้องยอมละมือจากศีรษะของเธอด้วยความเสียดาย และเกิดน้อยใจขึ้นมากะทันหัน เมื่อเธอแสดงความโล่งใจออกมาอย่างชัดเจน
"ไปเถอะ ฉันจะปิดร้านแล้วเจอกันพรุ่งนี้นะ"
เขาพยักหน้าด้วยความจำนน และรีบวิ่งออกไปดูรถของตนทันที
ซอยหน้าร้านแคบๆ ที่เชื่อมกับถนนเส้นหลักในเมือง มีรถยนต์ส่วนบุคคลสีดำคันเก่าของเขาจอดอยู่เพียงคันเดียว โดยที่ข้างกันนั้นก็มีร่างเล็กนอนคุดคู้อยู่บนพื้นอย่างหมดสภาพ
"คุณ...?"
ทันทีที่เขาพลิกร่างที่บอบช้ำให้หันมาเผชิญหน้า ก็ต้องประหลาดใจเมื่อเห็นว่าเธอคือลูกค้าสาวสุดห้าวของเขานั่นเอง
"อาป๊า"
ลู่เสวียนสำรวจร่างเล็กสั่นสะท้าน กำลังงอตัวด้วยความเจ็บปวดผ่านความมืด จนกระทั่งเหลือบไปเห็นโหนกแก้มแดงช้ำของเธอและดวงตาเลื่อนลอยที่ใกล้จะปิดเต็มที
"มารับหนูแล้วเหรอ..."
หญิงสาวเพ้ออย่างหนักและปัดป่ายฝ่ามือ ไปตามลำตัวและหน้าอกของลู่เสวียน จนเขาต้องปัดมือคู่นี้ออกหลายครั้ง ตอนนี้เธอคงคิดว่าเขาคือพ่อของเธอ และเรื่องนี้ก็ยากที่เขาจะรับมือได้เพียงลำพังเสียแล้ว
"บ้าน..."
เขาตัดสินใจพยุงเธอขึ้นจากพื้นอย่างทุลักทุเล เพื่อให้เข้าไปนั่งรอในรถ แทนที่จะอยู่บนพื้นสกปรกและเย็นเฉียบ ก่อนที่เขาจะรีบย้อนกลับไปที่ร้านเพื่อขอความช่วยเหลือจากเจียงซิน
' Closed '
ทั้งป้ายปิดทำการหน้าร้านและประตูที่ถูกลงกลอนหนาแน่นทำให้ลู่เสวียนตัดสินใจต่อสายหาเจียงซิน แต่ไม่ว่าอย่างไรเธอก็ไม่ยอมรับสายเขาเสียที ความร้อนใจกับปัญหาที่จู่โจมเข้ามาโดยไม่ทันตั้งตัว ทำให้เขาต้องวิ่งกลับมาที่รถเพื่อมุ่งหน้าไปยังบ้านของเธอ
ตลอดระยะเวลาหลายสิบนาทีที่อยู่บนรถกลายเป็นเรื่องสูญเปล่า เมื่อมาถึงหน้าบ้านของเจียงซินที่ถูกแบ่งโซนชั้นล่างเป็นร้านขายกาแฟ ก็พบว่าไฟทั้งหลังปิดสนิทไม่มีวี่แววของสิ่งมีชีวิตใดๆ อยู่ภายในบ้านหลังนี้
"คลื่น... ไส้"
"หืม?"
สู่เสวียนที่กำลังคิดไม่ตก หันไปมองหญิงแปลกหน้าที่เริ่มขยับตัวด้วยท่าทีกระสับกระส่าย ก่อนที่ดวงตาปรือแคบของเธอจะเบิกโพลงขึ้นมากะทันหัน
"จา...อ้วกก!!"
"เฮ้ยยย จะอ้วกบนรถไม่ได้!!"
เขาร้องโวยวายและพยายามหาถุงหรือแก้วในรถแต่ไม่เจอ จนต้องยอมฝ่าฝืนกฎหมายเรื่องความสะอาด เพื่อเปิดประตูรถให้เธออาเจียนข้างถนนหน้าบ้านของเจียงซิน
"อึก!!"
ร่างเล็กที่โงนเงนโน้มตัวออกไปนอกประตูรถ โดยมีเพียงสายรัดนิรภัยรั้งไว้ไม่ให้ตกลงไป
"เฉิง...เหยี่ยน ลูบ..."
"ให้ตายเถอะ!"
เขาสบถและถอนหายใจหนักหน่วงด้วยความเซ็ง ก่อนจะเอื้อมมือไปลูบหลังให้เธออย่างไม่มีทางเลือก
5 นาทีผ่านไป
ลู่เสวียนตัดใจที่จะต่อสายหาเจียงซิน เพราะตอนนี้สายของเธอได้เข้าสู่ระบบฝากข้อความเรียบร้อยแล้ว และอีกอย่างตรงเบาะข้างคนขับที่ผู้หญิงคนนี้นั่งอยู่ ก็ไม่มีเสียงโอกอากดังออกมาจากปากของเธอแล้ว
ความเงียบสงบภายในรถที่เกิดขึ้น ก็ทำให้ลู่เสวียนที่กำลังวางโทรศัพท์ไว้บนคอนโซลก็เริ่มสังหรณ์ใจพิกล เขาเปลี่ยนจากลูบหลังให้หญิงสาว ก่อนจะเปลี่ยนเป็นสะกิด และออกแรงเขย่าในที่สุด
"คุณ"
"..."
"โอเคหรือปะ...เปล่า!?"
ดวงตาคู่เรียวเบิกกว้างด้วยความพรึงเพริด เมื่อเห็นว่าผู้หญิงคนนี้หลับหมดสติไปเป็นรอบที่สอง
'นี่มันวันอะไรวะ!?'
ลู่เสวียนตบพวงมาลัยอย่างแรงด้วยความหงุดหงิด เมื่อนาฬิกาหมุนเลยเวลานัดคืนนี้ของเขาไปกว่าครึ่งชั่วโมง
'ทำไมไม่รับสายล่ะเจียงซิน?'
'แล้วดึกป่านนี้ ยังไปเที่ยวเล่นที่ไหนอีก!!?'
เวลาบนหน้าปัดดิจิตอลบอกเวลาตีสามยี่สิบแปด ทำให้ลู่เสวียนยอมตัดใจดึงผู้หญิงคนนี้กลับเข้ามาในรถ ปิดประตูและขับออกมาจากหน้าบ้านของเจียงซิน โดยมีเสียงเคาะกระจกดังขึ้นทุกๆ 3 - 5 นาที
โป๊ก!!
'อะไรอีกเนี่ย?'
คิ้วเข้มขมวดจนแทบจะชนกัน เมื่อหันไปยังต้นเสียงและเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังหลับคอตก และหัวฟาดกระจกทุกครั้งที่เขาหักพวงมาลัยเพื่อเลี้ยวรถ
"เจ็บ..."
'ไม่เจ็บก็ให้มันรู้ไป นอนดีๆ ไม่เป็นหรือไงฮะ?'
"...เหยี่ยน ลูบ"
'ให้ลูบอะไรอีก อยากจะอ้วกอีกแล้วเหรอ?'
"ลูบ"
'เข้าใจแล้ว จะจอดข้างทางให้แล้วกัน'
"ลูบ... หัวหน่อย..."
เท้าที่กำลังจะแตะเบรกรีบถอนมันออกอย่างไว และหันมามองใบหน้าแดงช้ำที่หลับคอพับไม่รู้เรื่อง ก่อนจะปิดเพลงในรถเพื่อเงี่ยหูฟังเสียงพึมพำของเธอ
"...ลูบ...ที"
.
.
"เฉิง..."
บนถนนที่ว่างเปล่ามีเพียงรถคันเดียว ที่กำลังวิ่งด้วยความเร็วที่แทบจะหยุดนิ่ง
ลู่เสวียนมองดูมิสคอลที่ไม่ได้เมมชื่อไว้ ซึ่งเป็นหมายเลขเดิมกว่าแปดสายด้วยใบหน้าสุดเซ็ง ก่อนจะเอนหลังพิงเบาะและหลับตาลง เพื่อข่มความหงุดหงิดของตน
"ลูบ...หัวหน่อย~"
แต่มันยากจะสงบใจลงได้โดยง่าย เมื่อความเงียบภายในรถถูกทำลายลง ด้วยเสียงอ้อนของผู้หญิงแปลกหน้าคนนี้..
คนที่ทำให้ช่วงเวลาหลังเลิกงาน ที่เขาจะได้อยู่กับผู้หญิงที่ชอบถูกทำลายลง...
คนที่พรากมื้อดึกแสนเย้ายวน จากเจ้าของมิสคอลที่เพิ่งเจอกันคืนนี้...
และยังเป็นคนแปลกหน้า ที่ไม่รู้แม้แต่ชื่อ แต่กำลังอ้อนให้เขาลูบหัวเธอมานานกว่าสิบนาที...
.
.
และเธอจะเป็นคนที่เขาพากลับบ้านด้วยคืนนี้!!
แม้มันจะเป็นกฎเหล็กข้อที่ 1. 'ห้ามพาใครมาค้างที่ห้อง' แต่ลู่เสวียนก็ทำลายมันลงด้วยมือของตัวเอง
และข้อที่ 2. 'ห้ามนอนกับผู้หญิงที่ไม่มีสติ ห้ามพรากผู้เยาว์ และห้ามขืนใจเด็ดขาด' ถึงเธอไม่ใช่ไทป์ที่เขาชอบ แต่ไม่ใช่เรื่องง่ายที่เขาจะข่มตาให้หลับลงได้
เพราะเธอเอาแต่ร้องโยเยให้เขาลูบหัวตลอดเวลา พอจะพาไปนอนโซฟาก็ไม่ยอม ร้องโวยวายหาคนที่ชื่อเฉิงเหยี่ยนไม่หยุด จนในที่สุดก็ต้องพาเข้ามานอนในห้องด้วยกัน
'หลับได้แล้ว'
ลู่เสวียนทำได้เพียงภาวนาในใจ ขณะลูบศีรษะทุยของเธอที่บวมเพราะกระแทกกระจก และมองดูรอยช้ำมันวาวที่แก้มเพราะยาลดอาการฟกช้ำด้วยแววตาอ่อนใจ
"ขา... "
"หืม?"
"ปวด"
"ว่าไงนะ ได้ยินไม่ถนัด?"
"ปวด...ขา~"
"ฮะ!?"
"ปวด..."
.
.
"ฉานปวดขา เฉิงเหยี่ยนนน!!"
"ขะ...เข้าใจแล้ว!!
เส้นความอดทนของลู่เสวียนขาดผึง เขาจับร่างเล็กหมุนเพื่อหันขาทั้งสองข้างมาหาตน และเริ่มบีบนวดผ่านกางเกงวอร์มตัวใหญ่ด้วยน้ำหนักมือที่แรงสุด
"ปวดขาข้างไหนว่ามาเลย คืนนี้ไม่ต้องหลับต้องนอนกันแล้ว!!!"
และนั่นคือความทรงจำสุดท้ายของเขา ก่อนที่จะหลับไปพร้อมกับขาของเธอ
13:57 น.
เวลาที่ล่วเลยไปลู่เสวียนยังคงยืนอ้าปากหาว และเฝ้ามองแผ่นหลังเล็ก ที่ชุ่มไปด้วยเหงื่อจนซึมออกมานอกเสื้อสีเทา...ของเขา
"ทำอะไร?"
เสียงเข้มที่แผดดังทำให้เธอสะดุ้งสุดตัว และหันมาพร้อมกับเล่มหนังสือนิตยสารในมือที่มีบางส่วนเปียกชุ่ม
"ฉะ...ฉันทำให้คุณตื่นหรือเปล่า?"
"ถามว่ากำลังทำอะไร?"
"อ๋อ!! ขอโทษนะ ฉัน…ทำน้ำหกใส่มันก็เลย... ว้าย!!!"
ลู่เสวียนดึงนิตยสารออกจากมือของเธอ และคว้าแขนเล็กพยายามลากตัวเธอออกไปจากห้องนี้
"เดี๋ยวๆๆ จะพาฉันไปไหน!!!?"
"เช้าแล้ว ออกไปจากที่นี่ซะ"
"ไม่ๆๆ อย่าเพิ่งไล่ ฟังฉันก่อนนะได้โปรด!!!"
คำพูดของเธอและแรงขืนตัวไม่ยอมออกไปจากห้อง ทำให้เขาถึงกับย่นคิ้วด้วยความประหลาดใจ ทั้งที่ความเป็นจริงเธอควรจะตกใจ ที่ตื่นขึ้นมาในห้องผู้ชายแปลกหน้า
แต่เธอกลับ...พยายามกลับเข้ามาในห้อง!?
"ต้องการอะไร?"
เขาเอ่ยถามเธอด้วยใบหน้าและแววตาที่ไม่พอใจอย่างที่สุด แตกต่างจากพ่อเทพบุตรเมื่อคืน แต่ก็ไม่น่ากลัวเท่ากับสิ่งที่ทำให้เธอต้องหนีหัวซุกหัวซนจนถึงตอนนี้
"ฉะ...ฉันขอเข้าเรื่องเลยแล้วกัน"
แรงฉุดของเขาหยุดลง แต่เครื่องหมายคำถามบนใบหน้ากลับเพิ่มมากขึ้นเป็นเท่าตัว
"ฉัน...ขอพักที่นี่กับคุณได้ไหม?"
ดวงตาใสซื่อที่กำลังกะพริบปริบๆ อย่างออดอ้อน แต่ทำให้ลู่เสวียนถึงกับเหงื่อตก ช่างเป็นคำขอของหญิงแปลกหน้าที่ชวนให้น่าหวาดหวั่นมากสำหรับเขายิ่งนัก
"ออกไป"
"ไม่เอาน่า อย่าใจร้ายกับฉันเลยนะคุณบาร์เทนเดอร์ ตอนนี้ฉันกำลังลำบากจริงๆ เมื่อคืนมีคนเอากระเป๋าฉันไปไม่เหลือเงินสักหยวน ไม่เชื่อเปิดกระเป๋ากางเกงฉันดูได้เลย!!"
"!!?"
ร่างสูงถอยหลังไปสองก้าวด้วยความหวาดหวั่น เมื่อเธอขยับตัวมาใกล้และพยายามคว้ามือเขา เพื่อมาสำรวจในกระเป๋ากางเกงของเธอ
"ไอ้ใบสีดำของ CC ที่คุณเห็นเมื่อคืนอ่ะ...ตอนนี้มันไม่อยู่แล้ว!"
"ไม่!"
แต่ดูเหมือนเขาจะไม่สนใจที่เธอพูดแม้แต่น้อย และยังเพิ่มแรงฉุดลากมากขึ้น จนเธอต้องทิ้งตัวลงนั่งจุมปุ๊กกับพื้น เพื่อถ่วงน้ำหนักให้มากที่สุด ก่อนจะถูกเขาเตะปลิวออกไปนอกห้อง
"พลีสสสสส!!!!"
สิ่งที่ประสบมาเมื่อคืนทำให้ลี่หมิงรู้ว่าโลกใบนี้ ไม่ได้ใจดีอย่างที่เธอจินตนาการไว้แม้แต่เศษเสี้ยว ทุกตรอกเต็มไปด้วยความแร้นแค้น อาชญากร คนไร้บ้าน แถมกลางคืนเธอก็ดันพาตัวเองไปอยู่ในที่เปลี่ยวๆ จนถูกซ้อมหมดสภาพอย่างเมื่อคืน
และถ้าย้อนเวลากลับไปได้ เธอจะไม่หัวเราะทุกคำพูดที่เฉิงเหยี่ยนเตือนไว้อีกแล้ว
'ไม่ได้นะลี่หมิง!!'
'เธอจะออกไปจากที่นี่ตอนนี้ไม่ได้เด็ดขาด!!'
ตอนนี้พ่อคงส่งลูกน้องมาปูพรมตามหาเธอไปทั่วเมืองแล้วแน่ๆ เพราะงั้น...
"ถ้าคุณตกลง ฉันสัญญาว่าจะเป็นผู้อาศัยที่ดี"
"เดี๋ยวนะ ใครบอกจะให้..."
"จะไม่เกะกะ จะทำความสะอาด ล้างจาน ซักผ้า"
"ออกไป..."
"จะทำกับข้าวให้คุณกินด้วย!!...ถะ...ถึงฉันจะทำไม่ค่อยเป็นก็เถอะ แต่จะพยายาม!!"
"…"
"เพราะงั้นให้ฉันอยู่ต่อเถอะนะ!!"
แม้ว่าใบหน้าของเขาตอนนี้จะส่อแววรังเกียจ ต่างจากใบหน้าหล่อเหลาเชื้อเชิญแขกเมื่อคืนอย่างสิ้นเชิง แต่เธอก็ไม่สนใจและยังคงวิงวอนขอร้องเขา ราวกับเป็นที่พึ่งสุดท้ายบนโลกใบนี้ที่เธอรู้จัก
"ให้ฉันนอนตรงไหนก็ได้!"
ลี่หมิงยังคงกอดขาเขาไว้แน่น และพยายามเอื้อมไปดึงประตูปิดป้องกันคนสอดส่องเข้ามาในห้อง แม้ว่ามันจะหลุดมือไปหลายครั้งก็ตาม
"จะเป็นโซฟา พื้น กะ...เก้าอี้นวมตัวนั้นก็ได้ ได้หมดเลยจริงๆ นะ!!!"
เสียงแหลมสูงของเธอทำให้ลู่เสวียนปวดหูมาก จนต้องหันหน้าหลบเสียงทำลายโสตประสาทครั้งแล้วครั้งเล่า
"หรือถ้าคุณมีที่ไหนแนะนำให้ฉันไปพักชั่วคราวก็บอกเลยนะ ฉันไม่รบกวนนานหรอก"
"...?"
"ถ้าได้เงินแล้ว ฉันจะรีบย้ายไปอยู่ที่ใหม่ทันทีเลยสัญญา!!"
เธอเริ่มต่อรองอย่างดึงดัน โดยการมอบทางเลือกที่เธอไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะปริปากให้กับเขา ตอนนี้เม็ดเหงื่อเริ่มผุดขึ้นมาเต็มหน้าผาก เมื่อสบตากับดวงตาเรียวดุของเขา
'แง อย่ามองกันแบบนั้นสิ'
'ฉันก็ไม่คิดว่าตัวเองจะต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ซะหน่อย!!'
ดูเหมือนว่าคนอย่างเขาจะไม่ยอมให้เธอร่วมชายคาด้วยง่ายๆ ลี่หมิงพยายามใช้ความคิดอย่างหนัก และเพียงไม่นานในที่สุดสมองอันชาญฉลาดของเธอก็ผุดไอเดียหนึ่งขึ้นมาได้
"หรือว่าคุณ…"
.
.
"พอจะมีเงินให้ฉันยืมก่อนหรือเปล่า?"
มันอาจจะดูเหมือนอาชญากร ที่อยู่ๆ จะมาขอยืมเงินเขาทั้งที่พึ่งรู้จักกันแค่วันเดียว แต่เธอไม่มีทางเลือก ดูท่าแล้วเขาเองก็คงคาดไม่ถึงมองเธอด้วยแววตาตื่นตระหนก และคิ้วเข้มก็เริ่มขมวดเข้าหากัน จนดูน่ากลัวยิ่งกว่าเดิมเสียอีก
ทางด้านลู่เสวียน
เขาละสายตาจากร่างเล็กบนพื้น และกวาดมองรอบห้องที่เรียบร้อยราวกับได้ห้องเช่าใหม่ ลู่เสวียนก็ทำได้เพียงแค่พ่นลมหายใจยาวเหยียด และยอมปล่อยมือออกจากแขนของเธอแต่โดยดี
"ถ้าได้เงินมา ต้องรีบย้ายออกทันทีเข้าใจไหม?"
"ยะ... ย้าย อย่าบอกนะว่า!!?"
"อยู่ที่นี่ใช้ห้องนอนตอนฉันไม่อยู่ได้ แต่อย่าสร้างความเดือดร้อนก็พอ"
"คุณบาร์เทนเดอร์!!!!!"
ลี่หมิงแทบจะกรีดร้องออกมาด้วยความโล่งใจ แต่อีกฝ่ายก็เอ่ยทะลุกลางปล้องขึ้นมาเสียก่อน
"เฉิงลู่เสวียน"
"คุณเฉิง…ฉันเอ่อ…ฉันชื่อลี่หมิงยินดีที่ได้รู้จักนะคะ!!!!"
แม้ว่าใบหน้าของเขาตอนนี้ไม่ได้อยากรู้จักกับเธอแม้แต่นิด แต่ความเอื้อเฟื้อของเขาก็ทำให้ลี่หมิงดีใจ จนแทบจะหลั่งน้ำตาออกมาด้วยความโล่งอก
ร่างบอบบางรีบลุกขึ้นยืนโค้งตัวขอบคุณเขาหลายครั้ง จนอีกฝ่ายถึงกับกุมขมับ
"ขอบคุณมากนะคะ คุณมีพระคุณกับฉันมาก ฉันจะไม่มีวันลืมเลยแต่ขออะไรอีกอย่างได้ไหมคะ?!!"
