Chapter 3 : เสี่ยง (2)
'อะไรอีกล่ะ!?'
ท้ายประโยคของลี่หมิง ทำให้คิ้วเข้มถึงกับขมวดยุ่งด้วยความรำคาญใจ จนเธอต้องรีบเอ่ยขึ้นเพราะคำขอของเธอข้อนี้ไม่ใช่เรื่องที่ยุ่งยากเท่ากับข้อแรกสักนิด
"อย่าบอกใครว่าฉันอยู่ที่นี่นะคะ"
"ทำไม?"
"ฉัน...หนีออกจากบ้านมา"
"หนีทำไม?"
"เพราะ..."
ลี่หมิงถึงกับชะงักเมื่อเจอคำถามนี้เข้า ในหัวของเธอกำลังประมวลผลอย่างหนัก และจะให้เขาล่วงรู้ถึงตัวตนที่แท้จริงไม่ได้เด็ดขาด
"ฉันไปติดหนี้ก้อนโตไว้น่ะสิ!!"
ใช่แล้ว...เพราะติดหนี้ก็เลยต้องหนีหัวซุกหัวซุน และนั่นก็คือตำตอบที่เธอคิดออกในเวลาคับขับแบบนี้
"เพราะถ้ากลับไปที่บ้าน ฉันต้องโดนเจ้าหนี้ฆ่าตายแน่!!!"
ลู่เสวียนส่ายหน้าอย่างไม่ใส่ใจกับการแสดงระดับฮอลลีวูดของลี่หมิง เขากวาดสายตามองไปรอบห้องเป็นครั้งสุดท้ายอย่างใช้ความคิด ก่อนจะหันหลังเดินไปหยิบผ้าขนหนูเข้าห้องน้ำไป
'รอดแล้วใช่ไหม?'
ลี่หมิงถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก ที่ลู่เสวียนไม่ได้ถามเซ้าซี้มากไปกว่านี้ ก่อนจะรีบหันกลับไปจัดห้องของเขาต่อจนเสร็จ โดยหวังว่ามันจะช่วยลบล้างความผิด ที่เธอเผลออาเจียนเรี่ยราดเต็มพื้นห้องของเขาเมื่อตอนสาย...
2 ชั่วโมงต่อมา
ณ ร้านเหล้าแห่งหนึ่ง
ที่ซ่อนตัวอยู่ภายในตรอกเล็กๆ ของย่านสถานเริงรมย์ ใกล้กับใจกลางมหานครเซี่ยงไฮ้
"ว้า ผมมาสายเหรอเนี่ย~"
พนักงานที่ทำหน้าที่เปิดร้านเอ่ยแซว เมื่อเห็นว่าลู่เสวียนมาถึงร้านก่อน และจัดโต๊ะแทนเขาไปเรียบร้อยตั้งแต่หัววัน
"เป็นอะไรหรือเปล่าเฮีย สีหน้าไม่ค่อยดีเลย?"
"ไม่มีอะไร ไปยกลังโซดามาให้ทีสิ"
ลู่เสวียนบอกปัดและก้มหน้าเช็ดเคาน์เตอร์บาร์ต่อจนเสร็จ พยายามหาอะไรทำเพื่อสลัดเรื่องวุ่นๆ ของผู้หญิงคนนั้น รวมไปถึงธุระที่เธอไหว้วานออกจากหัว และทำได้เพียงเฝ้ารอการมาของเจียงซิน เพื่อถามว่าเมื่อคืนเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับเธอหรือเปล่า ถึงได้ไม่รับสายเขาและยังไม่กลับบ้านทั้งที่ดึกดื่นขนาดนั้น
กรุ๊งกริ๊ง~
"สวัสดีครับ วันนี้ลมอะไรหอบมาครับคุณชายไป่?"
ชื่อนั้นที่ถูกเอ่ยเรียกทำให้ลู่เสวียนหูผึ่ง และใบหน้าราวกับหยกของเขาก็พลันเรียบตึงขึ้นมา เมื่อสบตาเข้ากับชายร่างสันทัดในชุดสูทสีเลือดหมูนามว่า 'ไป่ฟู่เฉิน'
"รบกวนหน่อยนะ วันนี้ผมจะมาฝากท้องที่นี่"
"เป็นเกียรติมากๆ เลยครับ!"
"ช่วยเอากล่องวัตถุดิบไปไว้ในครัวให้ทีนะ"
พนักงานหนุ่มค้อมศีรษะและแบกกล่องโฟม ที่อัดน้ำแข็งและของสดเกือบสิบกิโลเอาไว้จนแน่น และเดินเข้าไปในครัวอย่างขันแข็ง ต่างจากลู่เสวียนที่ยังคงยืนเช็ดแก้วไวน์ด้วยผ้าสะอาด ไม่แม้แต่จะปรายตามองหรือเอ่ยทักทายลูกค้าผู้นี้สักคำ
"คุณลู่เสวียน"
ต่างจากฟู่เฉินที่ตรงดิ่งมาหาลู่เสวียน ก่อนจะถอดหมวกออกวางไว้บนเคาน์เตอร์ และยืนเผชิญหน้ากับบาร์เทนเดอร์ด้วยรอยยิ้มกว้าง
"วันนี้ผมขอไวน์ แล้วก็เครื่องดื่มโปรดของคุณเจียงซินด้วยนะครับ"
พูดจบก็หยิบหมวกปีกใบหรูมาทาบอก และหันหลังเตรียมเดินขึ้นไปยังชั้นสอง สร้างความขุ่นใจให้กับบาร์เทนเดอร์หนุ่มไม่น้อย
"คุณฟู่เฉิน"
ฝีเท้าของเขาหยุดชะงักลงตามเสียงเรียกของลู่เสวียน ก่อนจะหันมาเผชิญหน้าด้วยรอยยิ้มที่ไม่สะทกสะท้านเช่นเคย
"ครับ?"
"คุณทำแบบนี้เพื่ออะไร"
"ขอโทษด้วย แต่ผมไม่เข้าใจว่าคุณกำลังหมายความว่าอะไร…"
"มายุ่งกับเจียงซินทั้งที่ตัวเองก็มีคู่หมั้นแล้ว"
เมื่อสิ้นคำพูดของลู่เสวียนแววตาของอีกฝ่ายก็เป็นประกายเพียงวูบเดียว ก่อนจะเลือนหายไปเมื่อเขากระพริบตา ดูเหมือนว่านี่จะเป็นครั้งแรกที่คำพูดของบาร์เทนเดอร์หนุ่ม สามารถทำลายหน้ากากภายใต้รอยยิ้ม ที่ไม่สะทกสะท้านต่อสิ่งใดของชายผู้นี้ได้สำเร็จ
"งานแต่งทางธุรกิจมันก็ขมขื่นแบบนี้แหละครับ..."
"...?"
"ผมก็เลยต้องมาตามหาหัวใจที่แท้จริงของตัวเอง...ที่นี่ไง"
ไป่ฟู่เฉินกระตุกยิ้มมุมปากและพยักหน้าเบาๆ เพื่อขอตัวเดินขึ้นไปชั้นสองในโซนวีไอพี โดยไม่เหลียวหลังกลับมามองลู่เสวียนอีกเลย ปล่อยให้บาร์เทนเดอร์หนุ่มมองตามแผ่นหลังกว้าง ด้วยความไม่พอใจอย่างไม่ละสายตา
'แย่แล้วเจียงซิน...'
.
.
'ดันไปต้องตาลูกเจ้าของแก๊งมาเฟียเข้าจนได้'
แม้ว่าฟู่เฉินจะดูเป็นคนดีและมีใจรักให้เจียงซินมานาน แต่ลู่เสวียนรู้ดีว่าเธอจะไม่ยอมเปิดใจให้กับพวกมาเฟียเด็ดขาด และตัวเขาเองก็ไม่ยอมให้คนพวกนั้นมาแตะต้องเธอเช่นกัน
'ฉัน...'
.
.
'ไม่มีทางยกเธอให้กับใครเด็ดขาด'
เพราะคำสัญญาที่ให้ไว้กับพ่อของเธอก่อนที่ท่านจะจากโลกนี้ไป คำมั่นที่ว่าเขาจะดูแลลูกสาวท่านให้ดีที่สุด
'แม้ว่าในอนาคต'
'ผู้ชายที่จะได้ยืนข้างเธอ...จะไม่ใช่ฉันก็ตาม'
จู่ๆ ความคิดของลู่เสวียนก็หยุดลงเมื่อลูกค้าเริ่มทยอยเข้ามาในร้าน รวมไปถึงเจียงซินเถ้าแก่ของร้านเหล้าแห่งนี้ด้วย
"ไง ตั้งใจทำงานกันรึเปล่าทุกคน!?"
"โธ่เจี่ย หยุดมาที่นี่สักวันสองวันร้านคงไม่เจ๊งหรอกม้างง~"
"ถ้าฉันหยุด นายก็จะได้อู้เต็มที่เลยล่ะสิ"
"ใครจะไปกล้าทำแบบนั้นล่ะคร๊าบบบบ แหม~"
การต่อปากของเธอกับบริกรหนุ่มรุ่นน้องสิ้นสุดลง เมื่อพ่อครัวใหญ่ประจำร้านกวักมือเรียกให้เธอตามเข้ามาในครัว
แต่เพียงครู่เดียวเจียงซินก็เดินหน้าบึ้งตึงออกมาจากครัว ทำให้ลู่เสวียนมีโอกาสได้คุยกับเธอเป็นการส่วนตัว
"เมื่อวานทำไมไม่รับสาย?"
"แบตหมด"
เธอตอบด้วยน้ำเสียงห้วนสั้นไม่อาจเก็บความกังวลใจไว้ได้มิด แต่ลู่เสวียนก็เป็นห่วงเธอมากจนไม่อาจปล่อยผ่านได้
"แล้วเมื่อคืนไปไหน ทำไมตีสามแล้วยังไม่กลับบ้าน?"
"กลับสิ ทำไมไม่กลับล่ะแต่ฉันเดินเลยถึงช้าไง"
"เดิน?"
"ใช่!! แล้วนายล่ะไปทำอะไรที่บ้านฉัน ถึงได้รู้ว่ายังไม่กลับบ้าน?"
เมื่อถูกย้อนถามเขาก็ถึงกับชะงักไปครู่หนึ่ง และลังเลใจอยู่นานว่าจะเล่าเรื่องเมื่อคืนให้เธอฟังดีหรือไม่
"อย่าบอกใครว่าฉันอยู่ที่นี่นะคะ"
.
.
"ฉันไปติดหนี้ก้อนโตไว้น่ะสิ!!"
.
.
"เพราะถ้ากลับไปที่บ้าน ฉันต้องโดนเจ้าหนี้ฆ่าตายแน่!!!"
เสียงวิงวอนที่น่ารำคาญของผู้หญิงแปลกคนนั้นดังขึ้นมาในหัว ทำให้ลู่เสวียนที่ไม่อยากพบเจอกับความยุ่งยากในชีวิตตัดสินใจปิดปากเงียบ
และอีกอย่าง...จะให้เขาบอกได้ยังไงว่าเมื่อคืนเขาจะพาผู้หญิงคนหนึ่งไปฝากไว้กับเธอ แต่สุดท้ายก็ต้องพากลับบ้านของตนแทน แถมตอนนี้ก็ยังปล่อยให้เธอคนนั้นมาวิ่งเล่นในห้องอีกต่างหาก
"อะไรของนายเนี่ย อ้ำอึ้งอยู่ได้"
เจียงซินที่เคยชินกับท่าทีเหล่านี้ของเขาก็ได้แต่บ่นพึมพำ และตบเคาน์เตอร์แรงๆ เพื่อระบายความเครียด พร้อมกับส่งเสียงดังสั่งออเดอร์จากเขาด้วยท่าทีหงุดหงิด
"ขอเหล้าเข้มๆ น้ำแข็งไม่ต้อง!!"
"ไม่ขาย"
ในสถานการณ์สุ่มเสี่ยงที่อ้อยจะเข้าปากแพนด้าอย่างฟู่เฉินแบบนี้ จะให้เธอดื่มจนเมาไม่ได้เด็ดขาด
"ถ้าอยากกินก็ชงเอง"
ป้าบบบ!!!
"นี่ ฉันเป็นเจ้าของร้านนะ!!!"
ต่อให้เจียงซินจะทุบจนเคาน์เตอร์พัง เขาก็จะยืนมองเฉยๆ ไม่ยอมให้เธอแตะต้องเครื่องดื่มเหล่านี้แม้แต่หยดเดียว
"ถ้าไม่อยากโดนหมอนั่นหิ้วกลับบ้าน ก็ดื่มแค่น้ำเปล่า"
เขาเอ่ยเสียงเรียบและเลื่อนขวดน้ำเปล่ามาให้ตรงหน้า แต่เจียงซินที่สายตาว่องไวกลับเอ่ยสวนขึ้นมา ก่อนจะเปิดขวดน้ำยกขึ้นดื่มอึกใหญ่
"ทำขยะหล่นแล้วไม่ยอมเก็บ ปรับชิ้นละ 6 หยวนนะ"
ลู่เสวียนทำเพียงปรายตามองกระดาษสามสี่แผ่นบนพื้น ที่เต็มไปด้วยตัวเลขอย่างไม่ใส่ใจ เพราะจำไม่ได้แล้วว่าเป็นเบอร์ของลูกค้าคนไหนบ้าง
"วันนี้ฉันจะปิดร้านไวหน่อยนะ"
เจียงซินเอ่ยขึ้นก่อนจะส่งขวดนำที่ว่างเปล่าคืนให้เพื่อนรัก คำสั่งนั้นสร้างความสงสัยให้กับบาร์เทนเดอร์หนุ่มไม่น้อย
"ทำไม?"
"พรุ่งนี้ฉันมีธุระ...สำคัญ"
"...?"
"นายก็ไม่ต้องอยู่นานหรอก ออกไปพร้อมกันให้หมดนี่แหละ"
ปริศนาที่เจียงซินทิ้งไว้มันยังไม่กระตุ้นต่อมสงสัยของลู่เสวียน เท่ากับสิ่งที่อยู่ในหัวของเขาตอนนี้
"ฉันมีอะไรจะถามหน่อย..."
"..."
"ต้องซื้อผ้าอนามัยแบบไหน?"
"ลู่เสวียน มะ...เมื่อกี้นายว่าไงนะ!!?"
ลู่เสวียนสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เมื่อเห็นใบหน้าตื่นตูมของเจียงซิน จนตอนนี้เขาเริ่มไม่แน่ใจว่าควรปรึกษาเธอเรื่องนี้ดีหรือไม่
"ผ้าอนามัย... ผู้หญิงเขาใช้แบบไหน?"
"ทะ... ทำไมถามแบบนั้นล่ะ?!!!"
เจียงซินถึงกับร้องถามออกมาด้วยความขนลุก และชี้หน้าเพื่อนรักของตนราวกับเขาไปทำเรื่องบัดสีที่ไหนมา
"ฉัน..."
"ระ... หรือว่านายเป็นพวกวิต...!?"
แปะ!
ก่อนที่เธอจะคิดอะไรเตลิดไปไกล ลู่เสวียนก็รีบแปะกระดาษโน๊ตบนหน้าผากของเธอ จนอีกฝ่ายร้องเสียงหลงและลูบหน้าผากของตน ด้วยความเจ็บปวดเกินจริง
"มีคนฝากซื้อ"
"ถ้าฟิลเลอร์ฉันเคลื่อนนะ นายตายแน่!!"
"เธอไม่ได้ฉีดอย่ามโน"
ในกระดาษนั้นไม่ได้มีแค่ผ้าอนามัย แต่ยังมีแป้ง , โรลออนพร้อมชื่อยี่ห้อ , โฟมล้างหน้า , คลีนซิ่ง , โทนเนอร์ , สำลีแผ่น , เซรั่ม , ครีมอาบน้ำ , ยาสระผม , แปรงสีฟัน , ยาสีฟัน , ลิปมันและของใช้ทั่วไปอีกหลายอย่าง
พอลู่เสวียนนึกถึงตอนที่ลี่หมิงจดมันให้เมื่อบ่าย เขาก็ยังคิดอยู่เลยว่าถ้าใช้ทั้งหมดนั่นในคราวเดียว ร่างกายเธอจะระเบิดหรือเปล่า?
"แฟนฝากซื้อเหรอ?"
"ไม่ใช่"
"โถ่ๆๆๆๆ ไม่ต้องอายหรอกน่าอายุปูนนี้แล้ว"
ลู่เสวียนหรี่ตามองหญิงสาวตรงหน้า ด้วยแววตาเหน็ดเหนื่อยใจเมื่อเธอยังคงพรรณนาไม่หยุด
"เนี่ยรอนายเปิดตัวอย่างเดียวเลย เพราะฉันเตรียมตัดชุดรอไปร่วมงานแล้ว~"
"เพ้อเจ้อ"
"เอ้า!!!"
"ตกลงจะบอกดีๆ ไหม?"
ลู่เสวียนใช้สายตาเย็นชาราวกับน้ำแข็ง จ้องเขม็งเจียงซินแต่เธอไม่สะทกสะท้านสักนิด ดูท่าว่าเรื่องนี้จะยุ่งยากและคงไม่จบง่ายๆ อย่างที่เขาคิดเสียแล้ว
"ถ้างั้น... "
"ก็บอกแล้วว่าไม่ใช่แฟน"
"อย่าร้อนตัวได้ไหม ฉันยังไม่ได้พูดอะไรซะหน่อย!!"
"อ้าว…เหรอ"
"หลังร้านปิด ฉันจะไปเป็นเพื่อนละกัน"
พูดจบก็สะบัดหน้าเดินหนีไปโดยที่ลู่เสวียนยังไม่ทันได้เอ่ยขอบคุณ เขาทำได้เพียงมองตามแผ่นหลังบอบบาง ที่กำลังเดินขึ้นไปชั้นสองด้วยความเป็นห่วง แต่ออเดอร์ที่มีล้นมือก็ทำให้ยากจะปลีกตัวเดินตามขึ้นไปดูแลได้
'ขอให้วันนี้ไม่มีเรื่องปวดหัวเพิ่มด้วยเถอะ'
มินิมาร์ทหน้าสถานี H
ลู่เสวียนกำลังยืนอยู่ในแผนกที่เขาเดินผ่านมาตั้งแต่เด็ก แต่ไม่เคยหยุดเพื่อศึกษามัน แต่เมื่อดูอย่างตั้งใจก็พบว่ามันมีหลายสูตร หลายรูปแบบ และหลายขนาดจนทำให้เขาถึงกับกุมขมับด้วยความปวดหัว
"ถ้าคุณอนุญาตให้ฉันอยู่ ฉันขอรบกวนอะไรอีกอย่างได้ไหม?"
"…"
"ช่วยซื้อของให้หน่อยสิ"
"ของอะไร?"
"ของใช้ส่วนตัวผู้หญิงค่ะ แล้วก็ลงบัญชีไว้เลยนะ"
"ลง...บัญชีอะไร?"
"ก็ของที่ฝากซื้อไง"
"ไม่ต้อง"
"นี่คนอย่างฉันอ่ะนะ ไม่เคยรบกวนใครฟรีๆ"
.
.
"ฉันจะตอบแทนคุณ มากกว่าที่คุณให้มาแน่นอน"
บทสนทนาระหว่างเขาและลี่หมิงในตอนนั้น ทำให้ลู่เสวียนแทบเป็นประสาทในตอนนี้...
'แบบธรรมดา'
'มีปีก'
'แบบกางเกงใน....'
.
.
'บะ...แบบสะ...สอดใส่!?'
.
.
'กลิ่นหอมสดชื่น'
'ดอกไม้... บะ...แบบเย็น!!?'
.
.
'กลางวัน...กลางคืน!!!!!?'
ลู่เสวียนเพ่งอ่านตัวหนังสือเล็กๆ บนห่อหลากสีหลายยี่ห้อนับสิบ ที่เรียงรายอยู่บนชั้นเบื้องหน้าจนตาแทบจะหลุดจากเบ้า แต่มันกลับไม่ได้มอบคำตอบอะไรให้กับเขาเลย นอกจากเพิ่มความสงสัยที่ทวีความรุนแรงมากขึ้น!?
"นี่... ถึงนายจะดูมันอีกสักชั่วโมง มันก็ไม่ได้มีแถมขึ้นมาอีกกล่องหนึ่งให้นายฟรีๆ หรอกนะ"
'แล้วแบบซึมซับเยี่ยม...'
'มันซึมซับได้เท่าไหร่กันล่ะ!!?'
ในตอนนี้ลู่เสวียนได้หลุดเข้าไปในโลกของแคร์ฟรี ที่แสนอัศจรรย์เป็นที่เรียบร้อย และไม่ได้ยินกระทั่งเสียงของเจียงซินอีกแล้ว
"นี่..."
'20 cm.'
'22 cm.'
'3...35 cm....'
.
.
'ฟะ...ฟุตกว่าเลยเหรอ!!!!?'
'เสียเลือดเยอะขนาดนั้น เดี๋ยวก็ช็อกตายกันพอดี!!'
เป็นครั้งแรกที่ลู่เสวียนได้ตระหนักถึงความยากลำบากในวันมามากของผู้หญิง จนอยากนึกขอโทษบรรดาสาวๆ ที่เขาเผลอทำรุนแรงกับมดลูกของพวกเธอ
"นี่!!!!"
แรงสะกิดและเสียงแหลมที่ตะโกนอยู่ข้างหูทำให้ชายหนุ่มสะดุ้ง หันมาสบตาเจียงซินด้วยใบหน้าที่ตื่นตระหนก ดูพิลึกพิลั่นและน่าสงสารเต็มที
"อะไร?!"
"ถามจริง...ไม่ใช่แฟนฝากซื้อจริงอ่ะ?"
"ไม่ใช่"
เขาตอบอย่างฉะฉานแล้วรีบวางผ้าห่ออนามัยขนาด 35 cm. ลงบนชั้นวางตามเดิมด้วยท่าทีนิ่งขรึม หากแต่มีเหงื่อซึมออกมาจากไรผมข้างขมับไม่หยุด
"แล้วนายจะสนทำไมว่ามันนุ่มไหม หรือใส่สบายหรือเปล่า และก็กลิ่นเป็นยังไง…"
"เอาอันนี้แหละ!"
เขาตัดบทและหิ้วตะกร้าไปคิดเงินด้วยความเบื่อและหงุดหงิด เวลาที่เธอพยายามตั้งข้อสันนิษฐานมั่วซั่ว และจับคู่ให้เขากับคนโน้นคนนี้ไม่หยุด
'นี่เธอไม่รู้...หรือแกล้งทำเป็นไม่รู้ว่าฉันคิดยังไงกับเธอกันแน่!?'
"โหย พอหมดประโยชน์ก็ทิ้งกันแบบนี้เล้ย!!!!"
ขณะที่เขากำลังเก็บของที่ลี่หมิงฝากซื้อ รวมทั้งของใช้อื่นๆ ในบ้านไว้ที่หลังรถ เจียงซินก็รีบวิ่งตามออกไปนอกร้านด้วยใบหน้าที่กรุ้มกริ่มจนน่าหมั่นไส้
"ไม่ใช่แฟนแน่นะ?"
"ก็บอกว่าไม่ใช่ เดี๋ยวก็พาไปส่งบ้านซะเลยนี่!"
เขาเริ่มมีน้ำโหและเอ่ยประโยคนั้นออกมาอย่างเหลืออด
"มะ...ไม่ใช่แฟนก็ไม่ใช่แฟนสิ"
"ยังจะไม่เชื่ออีกไหม?"
"เชื่อจ้าเชื่อแล้ว~ โอ๊ะ!....แท็กซี่มาแล้ว!!"
"คิดจะหนีเหรอ?"
"ฉันไปก่อนล่ะบาย!!!"
เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเริ่มมีน้ำโหและทำท่าจะเอาจริง เจียงซินก็รีบโบกมือและเดินถอยหลังออกมาไกลๆ จากตัวรถของเขา เพื่อขึ้นแท็กซี่ที่กำลังจอดรอรับผู้โดยสารทันที
ทั้งที่เคยสัญญาว่าจะไม่เข้าไปใกล้บ้านของเธอ หรือล้ำเส้นความเป็นส่วนตัวด้วยการพาไปส่งที่บ้าน ไม่เข้าไปยุ่มย่ามในที่ปลอดภัยแห่งสุดท้ายที่คุณอู่ซวนเก็บรักษาไว้ เพื่อใช้ปกป้องลูกสาวเพียงคนเดียวของตน แต่ลู่เสวียนรู้ดีว่าที่เธอคอยปฏิเสธเขาเสมอ…มันไม่ใช่แค่นั้นหรอก
เพราะเจียงซินไม่อยากให้เขา 'ล้ำเส้น' ความเป็นเพื่อนมากไปกว่านี้ต่างหาก
20 นาทีต่อมา
ฝีเท้าหนักๆ ของลู่เสวียนพาเขากลับมาที่ห้องด้วยสภาพอ่อนเพลียดังเช่นทุกวัน แต่สิ่งที่ต่างออกไปหลังจากประตูห้องถูกเปิดออกก็คือ กลิ่นหอมที่ลอยมากระแทกจมูกอย่างจัง
เขาวางของไว้บนโต๊ะในครัว และตามกลิ่นนั้นไปจนเจอซุปสาหร่ายใส่เห็ดหอมและเครื่องตุ๋นพันปี เป็นวัตถุดิบแห้งที่ถูกเก็บไว้ในตู้จนเขาลืมมันไปแล้ว แถมรสชาติก็ไม่ได้เลวร้ายอย่างที่เขานึกกลัว
'กำลังทำตัวให้เป็นประโยชน์อยู่สินะ...'
ลู่เสวียนปิดฝาหม้อและเดินถอดเสื้อคลุมขณะเข้ามาในห้องนอน สิ่งแรกที่เห็นคือร่างเล็กในชุดเดิมของเขา ที่นอนก่ายขากับหมอนข้างและขวางเตียงจนไม่มีที่ให้เอนกายลงนอน
วินาทีนี้ลู่เสวียนที่กำลังง่วงงุนเริ่มนึกหมั่นไส้ จนอยากอุ้มเธอโยนออกไปนอกห้องเสียตอนนี้
'!!?'
แต่เมื่อโน้มตัวลงมาใกล้กลิ่นแชมพูเมนทอลของเขาก็ตีขึ้นจมูก และร่างเล็กที่กำลังหลับตาพริ้มขยับกายเบาๆ อยู่ใต้ร่างของเขา เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นหน้าของเธอผู้นี้ใกล้ๆ ใบหน้าเรียวที่ขาวเนียนและแก้มกลม ที่ยังมีรอยช้าก็นุ่มหยุ่นเหมือนซาลาเปา
แม้กระทั่งยามหลับก็ยังดูยียวน ชวนให้นึกถึงแต่วีรกรรมที่เธอทำไว้เมื่อคืนเป็นฉากๆ
แต่เมื่อนึกถึงสภาพห้องที่สะอาดสะอ้าน และซุปสาหร่ายที่รสชาติพอกินได้ก็ทำให้เขายอมรามือ ก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งปลายเตียงมองมาที่หญิงสาวแปลกหน้าด้วยแววตาอ่อนใจ
.
.
'จับกินซะดีไหม?'
