วิกฤตอันตราย สองหัวใจแห่งรัก

213.0K · จบแล้ว
Neptheduck​
82
บท
674
ยอดวิว
9.0
การให้คะแนน

บทย่อ

เหรินลี่หมิง ลูกสาวมาเฟียจอมแก่น  หนีการแต่งงานจนมาเจอกับบาร์เทนเดอร์  มาดนิ่ง  สุดหล่อ  จอมหื่นที่พร้อมจะขย้ำเหยื่ออย่างเธอทุกวินาที...

นิยายรักโรแมนติกนิยายแอคชั่นพลิกชีวิตนางเอกเก่งดราม่าหนีแต่งงานมาเฟียโรแมนติกคนธรรมดา18+

บทนำ : หน้าที่ (1)

สายลมเย็นที่พัดผ่านเข้ามาจากหน้าต่างที่ถูกแง้มไว้ ทำให้ร่างบอบบางสั่นเทาเพราะความหนาวเย็น

และหนาวเย็นขึ้นเมื่อถูกสัมผัสด้วยของเหลวเย็นชื้น ซึ่งเคลือบบนปลายลิ้นอ่อนนุ่ม ที่กำลังสัมผัสอย่างแผ่วเบาบนยอดอกอิ่มจนสั่นสะท้าน ก่อนที่แรงดูดเม้มโดยริมฝีปากบางเฉียบจะเพิ่มมากขึ้น จนผิวอกเนียนขึ้นสีชมพูเป็นรอยจ้ำจางๆ

"อื้อ~"

เสียงหวานครางในลำคอเบาๆ เมื่อแรงดูดดุนค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็นสัมผัสที่เย็นเฉียบ จากแนวฟันของชายร่างสูงที่กำลังทาบทับอยู่บนกายของเธอ

ฝ่ามือน้อยเอื้อมไปประคองสันกรามสวยของอีกฝ่าย เพื่อให้เขาหยุดการกระทำที่ชวนปั่นป่วนนี้ลง แต่ใบหน้าของเขากลับเลื่อนลงต่ำจนไกลเกินเอื้อม

"ไม่เอาน่า..."

"..."

"กลับขึ้นมาเถอะขอร้อง"

แต่ลมหายใจอุ่นที่รินรดอยู่บนหน้าท้อง ก็ทำให้เธอถึงกับขนลุกชันและหายใจติดขัด โดยเฉพาะตอนที่เรียวขาเนียนถูกอีกฝ่ายแยกออกจากกันอย่างช้าๆ จนสัมผัสได้ถึงปลายจมูกโด่งที่กำลังลูบไล้ต้นขาด้านในของเธอ

นับตั้งแต่วินาทีนั้นความสัมพันธ์ที่แสนอันตราย ก็เกิดขึ้นภายในชั่วพริบตา

...และยากที่จะสิ้นสุดลงได้

6 เดือนก่อน

ณ คฤหาสน์ตระกูลฟ่านตง

กำแพงอิฐที่แข็งแกร่งและพันธุ์ไม้หนาทึบ ได้โอบล้อมคฤหาสน์ไม้กึ่งปูนสองชั้นไว้ ให้พ้นจากสายตาของบุคคลภายนอกอย่างมิดชิด แม้บรรยากาศภายนอกจะร่มรื่นและเต็มไปด้วยหมู่นกนานาพันธุ์

แต่เสียงของมันกลับถูกเสียงของการต่อสู้จากดาบไม้กลบจนมิด

"ย๊ากกกก!!!"

ร่างสูงโปร่งทั้งสองในชุดฟันดาบโบราณ กำลังโถมเข้าฟาดฟันกันอย่างดุเดือดอย่างไม่มีใครยอมใคร แต่ดูเหมือนว่าฝ่ายที่คาดผ้าไหมสีแดงขลิบทองไว้ที่เอว จะมีท่วงท่าที่ปราดเปรียวและดุดันกว่าอีกฝ่ายอย่างเห็นได้ชัด

แต่ฝ่ายที่คาดผ้าไหมสีดำปักดิ้นเงินไว้ที่เอวก็สู้ไม่ถอย และพยายามต้านดาบไม้ที่อีกฝ่ายฟาดลงมาอย่างบ้าคลั่ง

ตุบ!

"ย๊ะ!!!"

พลั๊ก!!

ดาบไม้ของฝ่ายผ้าไหมสีดำหลุดมือกระเด็นไปไกล ตามแรงสะบัดของดาบอีกเล่ม และร่างสูงใหญ่ของคนไร้อาวุธก็หงายหลังล้มลงบนพื้นอย่างหมดท่า

"ขออภัยครับคุณหนู!!"

ดาบไม้ที่กำลังจะฟาดไปบนลำตัวของคู่ฝึกซ้อม ถึงกับหยุดชะงักเมื่อชายร่างผอมสูงตรงปรี่เข้ามาหา และคุกเข่าลงบนพื้นคำนับด้วยใบหน้าที่ฉายแวววิตก ที่ทะเล่อทะล่าเข้ามารบกวนเวลาฝึกซ้อมของนายเหนือหัว ที่บัดนี้กำลังใช้ปลายดาบปลดผ้าไหมคาดเอวสีดำของอีกฝ่ายออก เพื่อเป็นการจบเกมและประกาศชัยชนะอย่างสมบูรณ์

"ว่ายังไงหรือท่านหัวหน้าหน่วยที่ 5 "

ครูฝึกอาวุโสที่ยืนอยู่หน้าห้องเอ่ยถาม พร้อมกับเดินไปหาผู้มาใหม่และอนุญาตให้เขาลุกขึ้นยืน

"มีรายงานของหน่วยที่ 5 แจ้งเข้ามาว่า…"

ถึงแม้ว่าจะเป็นเสียงกระซิบแต่มันก็ชัดเจนมาก จนทำให้เลือดในกายของผู้ฟังเดือดพล่าน

"ไปพาตัวต้นเรื่องมาเดี๋ยวนี้"

เพียงแค่อึดใจเสียงอึกทึกก็ดังขึ้นจากหน้าประตูห้อง

"ผะ...ผมผิดไปแล้ว ผมจะไม่ทำอีกอย่าลงโทษผมเลยนะ!!!"

"เงียบ!! แล้วพาหมอนี่เข้าไปในห้องซะ!!

"ขะ...ขอร้องล่ะ"

พลั๊กกก!!

"อ๊ากกก!!!"

เพียงครู่เดียวร่างสูงใหญ่ผิวสีเข้ม ก็ถูกลากเข้ามาในห้องนี้และถูกกดให้คุกเข่าลงกับพื้นต่อหน้าผู้คนนับสิบ

"ขอให้คุณหนูพิจารณาโทษ ตามแต่สมควรด้วยครับ!"

สิ้นคำพูดของหัวหน้าหน่วยที่ 5 ดาบไม้ในมือที่ยังคงกำแน่นก็สั่นเทิ้มไปด้วยความโกรธ หากดวงตาและใบหน้านั้นกลับเรียบเฉยและสงบนิ่ง แต่กลับทำให้ทุกคนในที่นี้ถึงกับหลบเลี่ยงสายตาด้วยความหวาดหวั่น

"โบย 50 ครั้ง"

เธอสั่งเสียงเฉียบและโยนดาบไม้ในมือลงบนพื้นตรงหน้า ก่อนที่ดาบไม้เล่มนั้นจะถูกผู้ช่วยครูฝึกหยิบขึ้นมา เขาคือชายวัย 42 ซึ่งรั้งท้ายตำแหน่งผู้สำเร็จโทษในคฤหาสน์นี้ รีบหยิบดาบขึ้นมาก่อนจะค้อมศีรษะลงแทบจรดพื้นพร้อมกับคนอื่นๆ ขณะที่นายเหนือหัวกำลังเดินออกมาจากห้องนั้น

"ค...คุณหนู ได้โปรดกระผมผิดไปแล้ว!!!"

ใบหน้าที่แสนเยือกเย็นไม่แม้แต่จะชายตามอง หรือฟังเสียงร้องวิงวอนขออภัยโทษจากชายร่างใหญ่ผู้นั้น

เพี๊ยะ!!

เสียงดาบไม้กระทบกับผิวหนังของมนุษย์ ดังสนั่นไปทั่วทั้งห้องจนลอดออกมาถึงทางเดินข้างนอก ขณะที่ฝีเท้าเปลือยเปล่าคู่นี้ได้พาเจ้าของร่าง มุ่งหน้าไปตามทางเดินภายในคฤหาสน์ที่เย็นเฉียบ ทุกฝีก้าวที่เธอเหยียบย่างลงไป มันเริ่มหนักขึ้นเรื่อยๆ จนตอนนี้แทบจะก้าวเดินต่อไปไม่ไหว

"เรียบร้อยแล้วหรือครับ?"

ชายร่างสูงใหญ่ในชุดสูทสีเข้มที่เดินมาดักรออยู่ตรงหน้าเอ่ยถาม แต่เขากลับได้ความเงียบเป็นคำตอบ

"เฉิง..."

เมื่อได้เห็นใบหน้าของชายร่างสูงที่แสนคุ้นเคยของ เฉาเฉิงเหยี่ยน ผู้คุ้มกันและเป็นมือขวาของพ่อวัย 25 ปี ขาทั้งสองข้างของเธอก็พลันอ่อนแรง

"คุณหนู!!"

ชายผู้นั้นประคองร่างของเธอเอาไว้ได้ทัน ก่อนที่จะกระแทกลงบนพื้น

"แข็งใจไว้"

"เฉิงเหยี่ยน.."

"มองผมสิ ผมอยู่ตรงนี้แล้ว"

"ฉัน…ทำอะไรลงไป"

"คุณหนูลี่หมิง..."

เฉิงเหยี่ยนเชยคางของอีกฝ่ายขึ้นด้วยความเป็นห่วง ขณะที่ดวงตาคู่ใสที่แวววาวไปด้วยน้ำตา กำลังปิดแน่นไม่อยากรับรู้อะไรอีกต่อไป

"ไม่เป็นอะไร"

.

.

"คุณพยายามอย่างดีที่สุดแล้ว"

ถึงแม้ว่าเหตุการณ์เหล่านี้จะเกิดขึ้นบ่อยและเห็นจน 'ชินตา' แต่เขากลับไม่เคยรู้สึก 'ชินชา' กับมันได้เลยสักครั้ง ตราบใดที่คนในอ้อมแขนของเขา ยังคงเจ็บปวดและร่ำร้องเสียใจเหมือนอย่างในตอนนี้

สำหรับลี่หมิงวัย 19 ปี ในฐานะผู้สืบทอดเพียงคนเดียวของตระกูลฟ่านตงที่เก่าแก่ หน้าที่ดูแลบริวารให้อยู่ในกฎระเบียบอย่างเคร่งครัด ถือเป็นสิ่งที่ลูกของบ้านนี้ไม่อาจละเลยได้ ถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้เธอจะเคยหลีกหนี ไม่ยอมสำเร็จโทษพวกเขามาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน

และชะตากรรมของคนเหล่านั้น ที่ถูกพ่อของเธอตัดสินให้แทนก็คือ... ความตาย

นั่นคือผลลัพธ์จากการไร้ความรับผิดชอบของเธอ ซึ่งเป็นการรักษาชีวิตของพวกเขาเหล่านั้น แม้จะต้องแลกมาด้วยความเจ็บปวด แต่มันก็เป็นเป็นเพียงสิ่งเดียวที่เธอสามารถทำได้

เพียงแค่ถูกฝ่ามือของเฉาเฉิงเหยี่ยนแตะเบาๆ ที่แผ่นหลัง น้ำตาก็ยิ่งไหลออกมาอย่างหนักด้วยหัวใจที่ปวดร้าว จนดวงตาทั้งสองข้างเปียกปอนและแดงก่ำ ราวกับว่ากำลังชำระโทษของตัวเอง

"เขาทำผิดก็สมควรได้รับโทษแล้ว"

"แต่ฉันจะไม่ไหวอยู่แล้วนะ…"

"..."

"จะต้องทำแบบนี้ไปอีกกี่ครั้ง?!”

ชายหนุ่มกอดร่างที่สั่นเทาของเธอเอาไว้แน่น ด้วยความสงสารและเจ็บปวดไม่แพ้กัน

.

.

"ตลอดไป"

สิ้นคำพูดของผู้ดูแลแขนสั่นเทาของเธอ ที่กำปกเสื้อสูทของเขาไว้ก็พลันอ่อนแรง และปล่อยให้มันหล่นลงข้างตัวอย่างไม่แยแส

"พวกเศษเดน ก็สมควรตายไปซะ!"

นี่คือคำพูดที่เธอเคยลั่นวาจาไว้ ด้วยความโกรธแค้นเมื่อนานมาแล้ว กับเรื่องอื้อฉาวที่สุดที่เคยเกิดขึ้นกับลูกน้องในการดูแลของตน

หนึ่งชีวิตของเขา

เพื่อแลกกับอนาคตและหนึ่งชีวิตของเด็กสาวผู้นั้น… คือโศกนาฏกรรมที่จะฝังอยู่ในใจ และเป็นตราบาปเธอไปตลอดชีวิต

แม้ว่าภายนอกของเธอที่เหล่าคนในอาณัติของพรรคฟ่านเห็น จะดูจริงจังน่าเกรงขามและเคร่งครัดในกฏระเบียบมากขนาดไหน แต่ตัวตนที่แท้จริงภายในคฤหาสน์หลังนี้ เธอคือคุณหนูผู้น่ารัก ตลก ร่าเริง และแสนดีสำหรับทุกคนในบ้าน เป็นที่รักจนทุกคนต่างก็เอ็นดู

ถึงอย่างนั้นลึกๆ แล้วเธอก็มักจะเก็บซ่อนความขมขื่นของตน เอาไว้ภายใต้หน้ากากรอยยิ้มที่สดใสนั่นเสมอมานานหลายปี โดยไม่มีผู้ใดได้เห็นแม้แต่น้ำตาสักหยดของเธอ

เว้นเสียแต่ชายที่ชื่อว่าเฉาเฉิงเหยี่ยน ซึ่งเธอไม่เคยปกปิดมันจากเขาคนนี้ได้เลยสักครั้ง...

"ถ้าหยุดร้องเมื่อไหร่ กระผมสัญญาว่าจะพาคุณหนูออกไปข้างนอก"

คำพูดของเฉิงเหยี่ยนทำให้ลี่หมิงรีบปาดน้ำตาออกลวกๆ และพยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้อย่างเต็มกำลัง

"จริงเหรอ...จะพา..พาฉันออกไปงานเทศกาลจริงๆ ใช่ไหม!?"

"ไม่ต้องดีใจจนออกนอกหน้าขนาดนี้ก็ได้นะครับ"

ลี่หมิงรีบหุบยิ้มเมื่อเผลอแสดงอาการดีใจออกมาอย่างออกนอกหน้า ทั้งที่เมื่อครู่ยังร้องไห้ฟูมฟายปานจะขาดใจ นั่นก็เป็นเพราะว่าเธอดีใจมากเพราะไม่ใช่เรื่องที่จะเกิดขึ้นได้บ่อยๆ เมื่อผู้ดูแลของเธอเอ่ยปากจะอาสาพาออกไปเที่ยวเล่นในรอบหนึ่งปี

ฟืด~

ลี่หมิงสูดน้ำมูกและกำลังจะยกชายแขนเสื้อเช็ดน้ำตา แต่ก็ถูกอีกฝ่ายคว้าเอาไว้เสียก่อน

"น่าเกลียดน่าชังยิ่งนัก"

เสียงเข้มเอ่ยขณะซับน้ำตา และน้ำมูกให้เธอด้วยผ้าเช็ด หน้าสีอ่อนของตน ก่อนที่เขาจะคลี่ยิ้มออกมาจางๆ เมื่อเห็นเธอสั่งน้ำมูกเสียงดัง ก่อนจะพับเก็บไว้ภายในเสื้อคลุมของตนอย่างมิดชิด

"ผ้าผืนนี้มันเปื้อนแล้ว... ฉันขอแล้วกัน"

"ครับ?"

"เฉิงเหยี่ยนคงต้องซื้อใหม่แล้วล่ะ"

ดวงตาคู่สวยที่ยังคงฉ่ำวาวไปด้วยหยาดน้ำตา เหลือบมองวงแขนแข็งแกร่งที่โอบรอบกายของเธอ ท่ามกลางความเงียบที่โอบล้อมรอบกายทั้งสอง ทำให้ชายหนุ่มผู้เคร่งขรึมและน่าเกรงขาม ที่เพิ่งรู้สึกตัวว่าตนกำลังทำสิ่งไม่สมควรต่อนายเหนือหัว จู่ๆ หัวใจของเขาก็เต้นผิดจังหวะ รีบปล่อยมือออกจากแผ่นหลังของเธอทันที

"คุณ...หนู?"

เสียงเข้มอุทานออกด้วยความตื่นตระหนก เมื่อลี่หมิงซบใบหน้าลงกับอกกว้างของเขา แทนที่จะว่ากล่าวตำหนิหรือผลักไสเขาออกไป

"ต้องพึ่งเฉิงเหยี่ยนตลอดเลย"

"..."

"ขอบคุณนะ"

.

.

"ที่ยังทนอยู่ที่นี่กับฉัน ...กับพวกเรา"

ทั้งที่ความสามารถด้านการใช้อาวุธปืนที่แม่นยำ และมันสมองอันเฉียบแหลมของเขานั้น ควรจะได้เข้าไปอยู่หน่วยอารักขาของสมาคมอาวุโส เพื่อความก้าวหน้าในเส้นทางสายนี้แท้ๆ แต่กลับต้องทนอยู่ในตำแหน่งมือขวาของพ่อ เป็นข้ารับใช้อยู่ในคฤหาสน์แห่งนี้ไปจนตาย อย่างที่เขาได้กล่าวคำสาบานในพิธีเข้ารับตำแหน่งเมื่อ 3 ปีก่อน

และนั่นทำให้เขาถูกแยกออกจากโลกเบื้องบนอย่างสมบูรณ์ เพราะนับตั้งแต่นั้นมาเขาต้องทุ่มเททั้งร่างกาย ชีวิต และเวลาทุกวินาทีเพื่อปกป้องผู้นำพรรคกับครอบครัว จึงเป็นเรื่องยากที่เขาจะมีคนรัก และครอบครัวดังเช่นคนอื่นๆ ได้

แถมยังต้องอดทน ต้องต่อสู้กับความเอาแต่ใจ และความดื้อรั้นของลี่หมิงมาตลอดหลายสิบปีโดยไม่ปริปากบ่นสักคำ ที่ผ่านมาไม่มีใครล่วงรู้ภูมิหลังของเขา นอกจากเป็นเด็กกำพร้าที่พ่อเก็บมาเลี้ยงตั้งแต่อายุ 7 ขวบ

เฉาเฉิงเหยี่ยน อยู่ภายใต้การดูแลของคนในพรรคจนกระทั่งเติบใหญ่ และคอยคุ้มกันเธอไปในทุกแห่งหนทั่วทั้งคฤหาสน์หลังนี้ พร้อมทั้งเล่าเรียนหนังสือและศาสตร์การต่อสู้ เขาตั้งใจเรียนมากโดยเฉพาะวิชาโปรด ที่ได้คะแนนสูงสุดในระดับชั้นเดียวกัน นั่นก็คือ 'การต่อสู้ด้วยอาวุธปืน' กับเหล่าซือผู้รั้งท้ายตำแหน่งผู้คุ้มกันอาวุโสของพรรค

ตลอดมาลี่หมิงมักจะถูกเขาเฝ้ามองด้วยแววตาแปลกๆ ที่ยากจะหยั่งรู้ถึงความคิดได้ และนานๆ ครั้งจะมีคำพูดหลุดออกมาจากปากที่เรียบตึง ระหว่างเธอและเขาที่มักตัวติดกันเสมอ แต่กลับมีกำแพงสูงใหญ่คั่นกลางเอาไว้ เป็นแบบนั้นมานานหลายปีจนเธออายุ 12 และเขาย่างเข้า 18 ปี เธอถึงสามารถพังกำแพงนั้นลงได้สำเร็จ

ต้องขอบคุณอุบัติเหตุที่ทำให้เธอพลัดตกบ่อน้ำ ถึงได้รู้ว่าผู้ชายคนนี้ก็ทำหน้าแบบอื่นได้ อย่างตกใจ วิตกกังวล และโล่งใจ เมื่อช่วยเธอขึ้นมาจากน้ำได้สำเร็จ นอกเหนือจากใบหน้าเย็นชืดเป็นปลาหมึกแช่แข็งเหมือนอย่างที่เคยเป็นมาตลอด

แม้ว่าเขาจะยอมปริปากคุยด้วย แต่ผู้ชายคนนี้ก็ยังคงเหมือนเดิม ภายใต้ใบหน้าสงบนิ่งและรอยยิ้มแสนเศร้าที่ผุดขึ้นมาบนใบหน้าในบางครั้ง ทำให้คำถามหนึ่งผุดขึ้นมาในหัวแต่ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่เคยได้คำตอบจากปากเขาเลยสักครั้ง

'เฉา เฉิงเหยี่ยน'

.

.

'ช่วยบอกฉันทีได้ไหม..'

'ว่าภายใต้ใบหน้านั้น คุณกำลังคิดอะไรอยู่เหรอ?'