Chapter 1 : หักเห (2)
"หนูจะไปเรียนต่อมหาลัยที่ต่างประเทศ"
"ลี่หมิง!?"
"นับจากวันนี้ไป หนูขอลาออกจาก…"
"แล้วชีวิตของป๊าล่ะ"
เสียงของพ่อที่เอ่ยทะลุขึ้นมากลางปล้อง ทำให้ลี่หมิงไม่สามารถยื่นคำขาดได้สำเร็จ
"มันเคยมีความหมายสำหรับแกบ้างไหม?"
ปลอกปากการาคาแพงในมือของเหรินฟ่านตง ถูกสวมคืนและวางไว้บนโต๊ะ ในตอนนี้แววตาของผู้เป็นพ่อดูอ่อนลงอย่างชัดเจน จนลี่หมิงที่กำลังโกรธจัดแทบปรับอารมณ์ตามไม่ทัน
"สักวันฉันก็ต้องตายเหมือนกับแม่ของแก แล้วแกไม่เห็นใจพ่อคนนี้บ้างเหรอ?"
"...."
"แกจะให้ฉันปล่อยลูกสาวคนเดียว อยู่ที่นี่เพียงลำพังต่อไปได้ยังไง!?"
ลี่หมิงกำลังจะอ้าปากเพื่อโต้แย้งทั้งที่ในหัวว่างเปล่า รู้สึกราวกับถูกน้ำเย็นจัดสาดเข้าหน้าอย่างแรงโดยไม่ทันตั้งตัว เมื่ออีกฝ่ายหยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมาพูด ทำให้ลี่หมิงมีสติขึ้นมาอีกครั้ง
"ไม่มีใครอยู่ค้ำฟ้า ถ้าไม่มีป๊าแล้วแกก็ไม่เหลือใครที่จะพึ่งพาได้อีก"
"..."
"เราเหลือกันอยู่แค่สองคนแล้วนะอาหมวย"
คำพูดประโยคนั้นของพ่อกระแทกหัวใจเธออย่างจัง ก็จริงอย่างที่ท่านว่า นอกจากพ่อเธอก็ไม่เหลือใครแล้วจริงๆ เพราะญาติฝ่ายแม่เป็นเพียงคนหาเช้ากินค่ำทั่วไป ที่สำคัญพวกเขาเกลียดพ่อและแก๊งนี้ยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด และพยายามคัดค้านงานแต่งจนเกือบล่ม
ส่วนญาติทางฝ่ายพ่อ พี่น้องก็ล้มหายตายจากไปทีละคนเพราะการต่อสู้ และเกียรติยศบ้าบอในโลกใต้ดิน ที่พวกเขาแบกไว้บนบ่าเหมือนกับพ่อของเธอในตอนนี้
จนเหลือเพียงแค่ท่านที่ยังคงมีชีวิตอยู่ และเป็นสายเลือดเพียงหนึ่งเดียวที่เหลืออยู่ของเธอเช่นกัน
"ป๊าคะ หนู…"
"อาจิ้งหลง!!"
ฟ่านตงเอ่ยเรียกคนสนิทเสียงดัง เพียงอึดใจเดียวประตูห้องก็ถูกเปิดออกอย่างแรง เผยให้เห็นคุณลุงหัวหน้าหน่วยที่ 3 วัย 55 ปี และลูกน้องร่างใหญ่อีก 2 คนที่กรูกันเข้ามา จนทั้งห้องดูคับแคบขึ้นมาถนัดตา
"ตกลงเรื่องของซิ่วเหวินเหล่าซือ จะตามตัวคนทำมาจัดการให้พวกเราใช่ไหมคะ!?"
เธอที่คิดว่าพ่อเรียกพวกเขามาเพื่อสั่งการ ก็รู้สึกหัวใจพองโตขึ้นมาและดีใจเป็นอย่างยิ่ง ที่เหล่าซือกำลังจะได้รับความยุติธรรมในเร็วๆ นี้
"พาคุณหนูกลับไปที่ห้อง แล้วก็ล็อกมันซะ!"
"อะ...อะไรนะ?!!"
จู่ๆ ร่างเล็กก็ถูกพวกเขาล็อกตัว และพาออกไปจากห้องท่ามกลางความตื่นตระหนกของคนอื่นๆ ที่แอบซุ่มฟังอยู่ตามทางเดิน ลี่หมิงพยายามดิ้นรนออกจากการจับกุม แต่ไม่อาจสู้แรงของผู้ชายตัวใหญ่ทั้งสองได้
"ลุงจิ้งหลง บอกให้พวกเขาปล่อยหนูเดี๋ยวนี้นะ!!!"
เสียงโวยวายของลี่หมิงดังก้องไปทั่วคฤหาสน์ พร้อมกับใบหน้าตื่นตระหนกและเสียใจ จนไม่อาจกลั้นน้ำตาไว้ได้อีกต่อไป
"ปล่อย!!!!"
"คุณหนู ขอความกรุณาให้ความร่วมมือกับพวกเราด้วย ช่วยอยู่เฉยๆ อย่าทำให้ตัวเองต้องบาดเจ็บเลยนะครับ!"
ภายในใจของจิ้งหลงเองก็รู้สึกเจ็บปวดไม่แพ้กัน เพราะเขาและทุกคนที่นี่ช่วยกันเลี้ยงเธอมาตั้งแต่เล็กๆ จึงรักและเอ็นดูไม่ต่างจากลูกหลานแท้ๆ อยากให้เธอมีทางเลือกและอิสระในการเลือกคู่ครอง จึงไม่เห็นด้วยกับคำสั่งของนายเหนือหัวเลยแม้แต่น้อย
แต่ในสถานะของเขาตอนนี้มีหรือจะไปกล้าโต้แย้งกับผู้เป็นนายใหญ่ได้ จึงทำได้เพียงก้มหน้าทำตามคำสั่งเท่านั้น
"คุณลุง!!!"
ลี่หมิงกรีดเสียงร้องจนลั่นทางเดิน ก่อนจะถูกดันเข้ามาในห้องนอนอย่างแรงจนเกือบเซถลาลงบนพื้น
ปึง!!!
ประตูบานใหญ่ถูกปิดลงอย่างหนาแน่น พร้อมทั้งลูกน้องร่างยักษ์ที่เฝ้าหน้าประตูไว้กว่า 3 คน
ลี่หมิงปาดน้ำตาด้วยความแค้นใจ และมองดูชุดเดรสกับสูทตัวหนาวางรออยู่บนเตียง ความร้อนระอุที่คุกรุ่นในอกจู่ๆ ก็ระเบิดออกมาทันที
"ฉันไม่มีทางใส่ชุดนี้เด็ดขาด!!"
เธอหมุนลูกบิดประตูอย่างไร้ประโยชน์ เมื่อตอนนี้มันไหลลื่นแต่ไม่อาจเปิดออกและพาเธอออกไปจากห้องนี้ได้ นั่นเป็นเพราะว่าติดอะไรบางอย่างอยู่
"โถ่เว้ย!!!!"
ปึ้งงง!!
เท้าเล็กระบายอารมณ์ด้วยการถีบบานประตูอย่างแรง แต่มันถูกล็อกกลอนจากภายนอกไว้จนสะเทือนไปถึงหัว แม้ว่าการกระทำนั้นจะไร้ผลและทำให้เธอเจ็บตัวเปล่าๆ แต่ลี่หมิงก็ไม่มีวิธีกำจัดความโกรธเคืองได้ดีไปกว่านี้
"สงบใจในนั้นก่อนสักพัก แล้วผมจะลองคุยกับนายท่านให้นะครับ"
จิ้งหลงเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลงจนกลายเป็นปกติ เพราะรู้ดีว่าคุณหนูไม่ใช่คนดื้อรั้นอะไร แต่มีเรื่องเดียวเท่านั้นที่ไม่ว่าใครก็ยากจะยอมรับได้ …แม้แต่ตัวของเขาเอง
การคลุมถุงชน
นั่นเป็นสิ่งที่ลี่หมิงเกลียดและกลัวมากที่สุด ตั้งแต่ที่เธอได้มีโอกาสไปร่วมงานสมาคมกับพวกพี่สาว ซึ่งเป็นทายาทของผู้มีอิทธิพลในวงการนี้ แม้ว่าฉากหน้าจะสวยหรูและดูสง่างาม แต่ชีวิตจริงของพวกเธอนั้นไม่ได้งดงามอย่างที่ใครฝันถึง
ความมุ่งหวังของผู้ใหญ่ก็คือการผนึกกำลัง ทุนทรัพย์ อำนาจ และบารมีของครอบครัวทั้งสองฝ่ายให้ยิ่งใหญ่และแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น สิ่งเหล่านี้มักจะมาพร้อมกับการเสียสละของลูกสาวอันเป็นที่รัก หากว่าพวกเธอโชคดีได้พบคนรักที่มาจากตระกูลมั่งคั่งในวงการเดียวกัน มันคงเป็นเรื่องที่น่ายินดีอย่างยิ่ง
แต่สำหรับเธอคนที่พ่ออยากให้ร่วมหัวจมท้ายด้วย ดันเป็นผู้ชายที่เคยเห็นกันมาตั้งแต่เด็กๆ ที่รู้ไส้รู้พุงกันเป็นอย่างดี จึงไม่มีทางที่จะคิดพิศวาสกันขึ้นมาได้ และบทสรุปของคู่สามีภรรยาที่ไม่ได้รักกัน ถึงจะอยู่กันไปก็รังแต่จะช้ำใจเสียเปล่าๆ
ลี่หมิงจึงได้ปฏิญาณว่า เกิดเป็นผู้หญิงทั้งทีและมีได้แค่ชีวิตเดียว ก็อยากจะเป็นผู้หญิงที่มีความสุข ด้วยการเลือกทางเดินชีวิตและเลือกคนที่รักด้วยตัวเอง
…หรือต่อให้เลือกผิดก็จะไม่นึกเสียใจเป็นอันขาด!!
4 ชั่วโมงต่อมา
เข็มนาฬิกาชี้บอกเวลาสองทุ่ม ซึ่งเลยนัดทานอาหารค่ำกับตระกูลไป่หลงไปแล้ว แต่ก็ไม่มีใครมาตามหรือเคาะประตูเรียกเธอเลยสักคน นั่นทำให้ลี่หมิงเดาว่าลุงจิ้งหลงอาจจะเจรจาให้เธอได้สำเร็จ อย่างที่เขารับปากไว้จริงๆ
ตลอดระยะเวลากว่าสี่ชั่วโมง ที่ต้องจมอยู่กับความโกรธเรื่องของพ่อ และเศร้าเมื่อต้องสูญเสียอาจารย์อันเป็นที่รักไป เธอก็พยายามกลั้นน้ำตาและคิดหาหนทางที่จะออกไปจากที่นี่ ไม่ว่าจะทางฝ้าที่ถูกออกแบบมาให้ไร้รอยต่อ และหน้าต่างเหล็กดัดลวดลายสวยงาม ที่แคบจนไม่สามารถเอาหัวลอดผ่านได้ หรือต่อให้หลุดออกไปได้
ก็ต้องสู้กับการ์ดที่เดินลาดตระเวนอยู่รอบๆ และเผชิญหน้ากับระบบรักษาความปลอดภัยที่รัดกุม สำหรับป้องกันการโจรกรรมทรัพย์สินและการโจมตีของศัตรูโดยเฉพาะ นั้นจึงเป็นไปไม่ได้เลยที่เธอจะหนีออกมาได้
เว้นเสียแต่...
ก๊อกๆๆๆ
"คุณหนูลี่หมิง"
เสียงทุ้มเข้มที่ดังขึ้นจากอีกฟากของประตู ทำให้ความคิดที่จะหลบหนีของเธอหยุดชะงักลง
"ผมเอามื้อค่ำมาเสิร์ฟแล้วครับ"
เมื่อไม่มีเสียงตอบรับจากด้านใน เพียงครู่เดียวประตูห้องก็ถูกเปิดออกด้วยฝีมือจิ้งหลง เมื่อเห็นเธอนั่งหน้างออยู่บนเตียง เขาและแม่บ้านก็มีสีหน้าโล่งใจขึ้นมาทันที
"คืนนี้พักผ่อนให้สบายไม่ต้องกังวล"
"จะไม่ให้หนูกังวลได้ยังไง!?"
เธอร้องเสียงหลงด้วยความไม่พอใจ หลังจากเพิ่งผ่านเรื่องราวต่างๆ มา
"ทั้งเรื่องงานหมั้น เรื่องซิ่วเหวินเหล่าซือ....จะให้ข่มตาหลับลงได้ยังไง!!?"
มือที่กำแน่นและสั่นเทิ้มของลี่หมิง ถูกแม่บ้านกุมไว้เบาๆ ราวกับปลอบโยน
"ถ้าเป็นเรื่องของท่านอาจารย์ซิ่วเหวินคุณหนูไม่ต้องเป็นห่วง เพราะคุณจิ้งหลงได้รับคำสั่งจากนายท่าน ให้ส่งคนของเราไปตามสืบเรื่องนี้อยู่ค่ะ"
"ตำรวจยังไม่มีความคืบหน้าเรื่องคดีนี้ แต่เรารู้ดีว่าพวกเขาไม่มีอำนาจมากพอในโลกของพวกเรา และถ้าปล่อยไว้แบบนี้เราอาจจะสูญเสียคนสำคัญไปอีกแน่ๆ"
และสิ่งที่เขากลัวที่สุดก็คือ...
กลัวว่าในสักวันจะสูญเสียพ่อลูกสองคนนี้ไป นั่นทำให้จิ้ง หลงถึงกับให้คำมั่นว่า
"ผมรับปากว่าจะติดตามเรื่องนี้ให้ถึงที่สุด จะต้องให้พวกมันชดใช้ในสิ่งที่ทำอย่างสาสม"
แม้ว่าภายในใจของเธอจะแย้งคำพูดของจิ้งหลง แต่ก็ทำเพียงแค่เงียบไว้เพราะลึกๆ แล้วเธอก็แค้นและเสียใจ จนคิดจะกลืนคำพูดลงคอด้วยการยอมให้มือเปื้อนเลือด และชำระโทษมันผู้นั้นด้วยมือของตัวเอง
"ยังมีอีกเรื่องที่นายท่านให้มาเรียนแจ้งคุณหนูทราบค่ะ"
"เรื่องอะไรคะ?"
"งานหมั้นถูกเลื่อนออกไปแล้วค่ะ"
เสียงของแม่บ้านสาวที่เอ่ยขึ้น ทำให้ลี่หมิงกระพริบตาปริบๆ ด้วยใบหน้าดีใจอย่างไม่เก็บอาการ
"แต่งานแต่ง จะถูกจัดขึ้นอย่างเป็นทางการในเดือนหน้า...
'ดะ... เดือนหน้า'
"ทะ... ทำไมมันถึงได้เร่งด่วนแบบนี้ล่ะ!!?"
คำถามของเธอและใบหน้าตื่นตระหนก ทำให้คนฟังทั้งสองรู้สึกเจ็บปวดหัวใจไม่ต่างกัน แต่ก็ไม่สามารถให้คำตอบสำหรับคำถามของเธอได้ จิ้งหลงและแม่บ้านจึงขอตัวออกมาจากห้องนั้น ปล่อยให้ลี่หมิงสงบสติอารมณ์ของตนอยู่เพียงลำพัง
โครม!!!!!!
ไม่ถึงสองนาทีเสียงดังสนั่นก็ดังขึ้น ราวกับมีอะไรมากระแทกบานประตูอย่างแรง และตามมาด้วยเสียงร้องโหยหวนทรมานที่ดังมากกว่าหนึ่งเสียง ความผิดปกติเหล่านั้นทำให้ลี่หมิงถึงกับถอยหลังให้ห่างจากประตูตามสัญชาตญาณ
"เกิดอะไรขึ้น!!?"
.
.
"ทุกคนโอเคไหม!!?"
เธอพยายามร้องเรียกคุณลุงจิ้งหลงกับแม่บ้านนานนับนาที แต่ก็มีเพียงความเงียบตอบกลับมาเท่านั้น
'ทะ...'
'ทำไมถึงเงียบไปแบบนั้น?'
.
.
'หรือว่าเกิดอะไรขึ้นข้างนอกนั่น!!?'
ความผิดปกติที่เกิดขึ้นทำให้ลี่หมิงรีบวิ่งไปหยิบมีดพับ ที่ซ่อนอยู่ในลิ้นชักมาถือไว้ในท่าเตรียมพร้อม โดยไม่ยอมละสายตาจากประตูบานใหญ่แม้แต่วินาทีเดียว
จนกระทั่งทุกอย่างเริ่มกลับเข้าสู่สถานการณ์ปกติ ไม่มีเสียงโครมครามหรือเสียงร้องโวยวายเหมือนอย่างตอนแรกอีกต่อไป ลี่หมิงจึงตัดสินใจใช้มือซ้ายที่ชุ่มเหงื่อลองหมุนลูกบิด และมันก็ถูกเปิดออกได้อย่างง่ายดาย
"ลุงจิ้ง..!!?"
จู่ๆ เสียงหวานก็ขาดห้วง เมื่อเดินพ้นประตูห้องออกไปพบเพียงทางเดินที่ว่างเปล่า
ชั่วพริบตาเดียวขาทั้งสองข้างที่ไวกว่าสมอง มันพาเธอกลับเข้ามาในห้องหยิบเสื้อคลุม โทรศัพท์ และกระเป๋าสะพายใบน้อยที่ใส่เงินและบัตรต่างๆ ไว้ ก่อนจะวิ่งออกจากห้องไปตามทางเดินที่ว่างเปล่าและหนาวเย็น เพื่อมุ่งหน้าไปยังครัวด้านหลัง ซึ่งมีประตูที่จะพาเธอไปยังนอกตัวบ้าน ที่โอบล้อมไปด้วยรั้วกำแพงสูงหนาเกือบสามเมตร
โดยมีเสียงโหวกเหวกจากผู้คุ้มกันภายในคฤหาสน์ดังไล่หลังมา ในตอนนี้ร่างเล็กกำลังย่องไปตามแนวพุ่มไม้ เพื่อหลบกล้องวงจรปิดจนกระทั่งมาถึง 'เส้นทางลับ' ที่เธอนึกขึ้นมาได้ตอนอยู่ในห้องเมื่อครู่
มันคือช่องเล็กๆ ใต้กำแพงที่เจ้าตูบขุดดินเอาไว้ สำหรับหนีออกไปเล่นนอกบ้าน
'บ้าเอ๊ย'
'มันเล็กเกินไป!!!'
"ไปดูทางนั้น อย่าให้หนีออกไปจากที่นี่ได้แม้แต่คนเดียว!!"
แสงไฟฉายหลายสิบกระบอก สาดส่องไปทั่วทั้งบริเวณบ้าน และการ์ดมือดีที่กำลังมุ่งหน้ามาทางนี้ ทำให้เวลาของลี่หมิงที่จะหลุดพ้นออกไปจากที่นี่แทบไม่มีเหลืออีกแล้ว
'ป๊าคะ หนูขอโทษ'
.
.
'แต่นี่มันคือชีวิต คืออนาคตของหนู'
.
.
'เพราะงั้น...'
'ปล่อยหนูไปเถอะนะคะ'
ลี่หมิงคุกเข่าและใช้มือควักดินที่เปียกชื้น จนมันลึกมากพอที่จะทำให้เธอคลานเข้าไปในช่องเล็กๆ นั้นได้ โดยไม่รู้เลยว่ามันจะนำพาไปยังที่แห่งไหน และจะมีสิ่งใดรอเธออยู่นับจากนี้...
