Chapter 1 : หักเห (1)
ในตอนดึกสงัดซึ่งเวลาล่วงเลยไปถึงตีหนึ่ง แต่ร่างเล็กในชุดคลุมนอนแบบโบราณก็ยังคงนั่งแกว่งขาอยู่นอกชาน แม้ว่าห้องชั้นสองจะมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน แต่เธอก็ชอบห้องข้างล่างที่มีสวนหิน บ่อปลา และความปลอดโปร่งของอากาศภายนอกที่มีมากกว่า
เมื่อมองออกแนอกกำแพงสูง แสงไฟริมถนนนอกรั้วคฤหาสน์และเสียงรถราที่ดังมาแต่ไกล ก็ทำให้ลี่หมิงหวนคิดถึงงานเทศกาลเมื่อครู่ขึ้นมา
ทั้งที่เพิ่งผ่านมาแค่ 2 ชั่วโมง แต่เธอก็ยังคิดถึงโลกภายนอกที่แสนวุ่นวายนั้น ราวกับว่าภายในใจของเธอนั้นปรารถนาที่จะเป็นส่วนหนึ่งของโลกที่แสนธรรมดาเหล่านั้น...
ลี่หมิงก้มลงมองข้อเท้าที่เปลือยเปล่าของตน ทั้งที่มันก็สมบูรณ์ไม่มีตรงไหนบาดเจ็บ แต่ไม่สามารถพาเธอออกไปจากที่นี่ได้ ราวกับมีโซ่เส้นใหญ่ที่มองไม่เห็นล่ามเอาไว้ และถูกผูกติดกับสิ่งที่เรียกว่า 'ลูกสาวเจ้าพ่อมาเฟีย' เป็นนกน้อยในกรงที่ถูกพ่อจับมาขังไว้ในคฤหาสน์ที่มีความปลอดภัยสูงสุดหลังนี้
"...เฮ้อ~"
ลี่หมิงถอนหายใจยาวเหยียดอย่างคนจนหนทาง ก่อนที่หางตาของเธอจะเหลือบไปเห็นเงาคนที่วูบวาบอยู่หลังพุ่มไม้ และส่งเสียงเดินด้วยฝีเท้าหนักๆ จนเธอต้องรีบชะโงกหน้าออกไปดูด้วยแววตาระแวดระวัง
"โธ่เอ๊ย มาเงียบๆ ตกใจหมด!"
ความกังวลเมื่อครู่คลายลงแทบจะทันที เมื่อเห็นว่าบุคคลปริศนาคือเฉิงเหยี่ยน ที่มาเดินตรวจตรารอบคฤหาสน์นั่นเอง
"ทำไมยังไม่นอนอีกคะคุณมือขวา?"
"ผมต่างหากที่ต้องเป็นฝ่ายถาม ดึกแล้วทำไมยังมานั่งตากน้ำค้างแบบนี้?"
ลี่หมิงตบพื้นที่ว่างข้างตัวด้วยใบหน้าทะเล้น ไม่สนใจท่าทีขึงขังของเฉิงเหยี่ยนเลยแม้แต่น้อย
"มานั่งคุมใกล้ๆ สิ รับรองฉันไม่หนีไปไหนหรอก"
คำพูดหยอกเอินของเธอที่เคยทำให้เขาเขินจนหน้าแดง บัดนี้มันใช้ไม่ได้ผลอีกต่อไป แถมยังยืนทำหน้าขึงขังไม่ยอมขยับตัวไปไหนแม้แต่ก้าวเดียว
"อยากยืนก็ตามใจ แต่ฉันไม่แอบหนีไปเที่ยวหรอกเฉิงเหยี่ยนก็ไปพักผ่อนได้แล้วนะ"
"ผมไม่ไว้ใจคุณหรอก"
"นี่ ไม่ต้องทำหน้าจริงจังขนาดนั้น..."
"ไม่เคย"
.
.
"ไว้ใจเลยแม้แต่ครั้งเดียว"
ฝีเท้าภายใต้รองเท้าหนังที่ยังคงมีคราบน้ำครำ เดินมาหยุดอยู่เบื้องหน้าของเธอ ไม่ยอมปล่อยให้คลาดสายตาเลยแม้แต่วินาทีเดียว
"เพราะฉันชอบทำเรื่องยุ่งๆ ใช่ไหม ถึงได้ไม่ไว้ใจกัน"
"เปล่าขอรับ"
ระยะที่ห่างเพียงไม่ถึงเมตร ทำให้ลี่หมิงต้องเงยขึ้นมองใบหน้าของเขาด้วยหัวใจที่เต้นผิดจังหวะ โดยเฉพาะตอนที่มือใหญ่เลื่อนเข้ามาใกล้อย่างช้าๆ
"ผมต้องคอยดูแลความปลอดภัยตลอดทั้งคืน เพราะพรุ่งนี้เป็นวันสำคัญของพวกเราทุกคน"
"วันสำคัญ..."
เฉิงเหยี่ยนพยักหน้าเบาๆ ก่อนจะหยิบผ้าห่มขนสัตว์ ที่วางอยู่ข้างกายของลี่หมิงมาคลี่ออก
"วันที่ตระกูลฟ่านตง และไป่หลงจะได้เป็นทองแผ่นเดียวกันเสียที"
"...."
"ฝันดีครับ"
ผ้าผืนนั้นถูกคลุมลงมาบนร่างกายสร้างความอบอุ่นให้เธอ แต่ภายในใจของหญิงสาวกลับหนาวสะท้าน และทำได้เพียงมองแผ่นหลังกว้างที่กำลังเดินหายไปในความมืด ด้วยความรู้สึกปวดร้าวที่ค่อยๆ ตีตื้นขึ้นมาในอก จนต้องใช้ผ้าผืนใหญ่ห่อกายและซุกหน้าลงกับหัวเข่า ปกปิดความอ่อนแอของตนเอาไว้ให้มิดชิด... ดังเช่นที่ผ่านมา
ทางด้านผู้คุ้มกันหนุ่มร่างสูงเมื่อเดินพ้นแนวต้นไม้ที่หนาทึบภายในสวน ใบหน้าราบเรียบไร้ความรู้สึกของเฉิงเหยี่ยน ก็ค่อยๆ หันกลับมามองร่างเล็กที่กำลังสะอื้นจนตัวโยนอยู่ใต้ผ้าห่มผืนนั้น
พริบตาเดียวแววตาของเขาก็ค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็นความเจ็บปวดจนนึกอยากหวนกลับไป...
แต่ก็ต้องห้ามใจตัวเองไว้เมื่อในหัวสั่งให้เขาคิดให้มากขึ้น หลังจากทำเรื่องคิดน้อยและทำตามอำเภอใจของตนมานานจนเกินไป
วันพรุ่งนี้...
มันจะเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญ ต่อชะตาชีวิตของพวกเราทุกคนภายในคฤหาสน์หลังนี้ วันที่สองพรรคจะได้รวมเป็นหนึ่ง วันที่มันจะทำให้พวกเราก้าวไปสู่ความยิ่งใหญ่ และแข็งแกร่งยิ่งขึ้นกว่าเดิม และมันจะเป็นวันที่เขาควรถอยหลังออกมาจากเธออีกหนึ่งก้าว หรืออาจจะมากกว่านั้น...
ในตอนบ่ายวันต่อมา
ลี่หมิงยังคงเก็บตัวอยู่ภายในห้องนอน ไม่สนใจใบจบการศึกษาที่ส่งมาทางไปรษณีย์ หรือแม้แต่เสียงเคาะประตูจากแม่บ้านที่นำของว่างมาเสิร์ฟเหมือนอย่างทุกวัน
"ฉันไม่กิน ไม่อยากกินอะไรทั้งนั้นเอาไปเก็บซะ!"
เสียงเข็นรถดังไกลออกไป แต่เสียงเคาะประตูและเสียงพูดของหัวหน้าแม่บ้านก็ยังคงดังอยู่เช่นเดิม
"คุณหนูคะ ช่วยเปิดประตูหน่อยดิฉันมีเรื่องสำคัญจะมาเรียนให้ทราบค่ะ"
"ถ้าเรื่องงานเลี้ยงคืนนี้ก็กลับไปซะ"
"จริงๆ แล้ว เป็นเรื่องของท่านอาจารย์ซิ่วเหวินค่ะ"
ตึกๆๆ
ตึกๆๆๆ
ในตอนนี้เสียงฝีเท้าของลี่หมิงและแม่บ้านอีกสองคน กำลังดังก้องไปทั่วทางเดินภายในคฤหาสน์ด้วยความรีบร้อน จนกระทั่งมาหยุดอยู่ที่หน้าห้องซ้อมดาบ เมื่อเปิดประตูเข้ามาสิ่งแรกที่เห็นก็คือกลุ่มคนจำนวนหนึ่ง ภายในห้องถูกปกคลุมไปด้วยความตึงเครียด
"คะ...คุณหนูคะ..."
หัวหน้าแม่บ้านเอ่ยขึ้นขณะนั่งอยู่บนพื้นข้างๆ กับคนนับสิบ ที่กำลังนั่งล้อมรอบ 'บางสิ่ง' ที่ถูกคลุมไว้ด้วยผ้าสีขาว และท่านก็กำลังมองมาที่เธอด้วยใบหน้าเปียกปอนไปด้วยหยาดน้ำตา
"อาจารย์ซิ่วเหวิน... เสียชีวิตแล้วค่ะ"
ได้ยินดังนั้นร่างของลี่หมิงก็เหมือนถูกกระแสไฟหลายหมื่นโวลต์ช็อตเข้าอย่างแรง ก่อนจะวิ่งฝ่าเข้ามากลางวงพยายามเปิดผ้าสีขาวออก
แต่ทุกคนก็ห้ามเธอเอาไว้พร้อมกับหิ้วร่างของเธอออกมาจากห้องนั้น ไม่ยอมให้เธอมีโอกาสได้เห็นแม้แต่หน้าของเขา ซึ่งเป็นทั้งครูที่สอนให้เด็กร่างกายบอบบางแบบเธอรู้จักการต่อสู้ จนกระทั่งหลงรักมันและอยากแข็งแกร่งให้ได้อย่างเขา
เหล่าซือซิวเหวิ่นจึงเปรียบเสมือนคนในครอบครัวอีกคนของเธอ
'แต่ตอนนี้'
.
.
'เขาก็ได้จากฉันไปอีกคนแล้ว...'
จากไป... คนแล้วคนเล่า
และมันจะต้องเป็นแบบนี้ไปอีกนานแค่ไหน...
ภายในใจของเธอเริ่มบีบรัดตัวแน่น ความเจ็บปวดกำลังถาโถมเข้ามาภายในจิตใจ
"เกิด... อะไรขึ้นกับเหล่าซือ!?"
"ท่านถูกลอบทำร้าย ระหว่างเดินทางกลับจากงานประลองที่สมาคมจัดขึ้นวันนี้ค่ะ"
"ใครมันกล้าทำแบบนี้กับเขา!!?"
คำถามของเธอนั้นมีเพียงความเงียบตอบกลับมา ลี่หมิงทรุดตัวลงบนพื้นและหลั่งน้ำตาออกมาเป็นสาย เสียงกรีดร้องที่ถูกเปล่งออกมาจากลำคอที่ตีบตัน มันกำลังจุกแน่นและแสบร้อนด้วยความทรมาน แต่ถึงอย่างนั้นความเจ็บปวดทางกาย และแรงบีบรั้งที่ต้นแขนทั้งสองข้าง ก็ยังไม่เทียบเท่าความเจ็บปวดเท่ากับบาดแผลในหัวใจของเธอตอนนี้
ตั้งแต่จำความได้น้ำตาที่ไหลรินออกมานั้น มันไม่เคยเหือดแห้งไปจากดวงตาของเธอเลยสักวัน และคงจะเป็นแบบนี้ต่อไป ตราบใดที่คนรอบกายยังคงล้มหายตายจากเธอไปทีละคนสองคนแบบนี้
'ไม่... ไม่อยากรับรู้อะไรอีกแล้ว'
"...หนู"
'ต่อให้ต้องแลกกับอะไรก็ตาม'
"คุณหนู นายท่านเรียกให้เข้าพบครับ"
ไม่ต้องเอ่ยซ้ำเธอก็รีบกัดฟันลุกขึ้น และปาดน้ำตาวิ่งออกมาจากตรงนั้นสุดฝีเท้า พร้อมกับคำถามมากมายที่อยู่เต็มหัว จนกระทั่งมาถึงหน้าห้องทำงานของ 'เหริน ฟ่านตง' วัย 53 ปี ผู้นำพรรคฟ่านตงผู้เป็นพ่อ และไม่รีรอที่จะเปิดประตูไม้แกะสลักบานใหญ่เข้าไป โดยไม่ยอมเคาะประตูตามมารยาท
"ยอมโผล่หน้าออกมาจากห้องแล้วงั้นเหรอ"
เธอเม้มปากแน่นรีบปาดน้ำตาออกลวกๆ เมื่อต้องกลืนน้ำลายตัวเองที่ลั่นวาจาเอาไว้ตั้งแต่เมื่อเช้า แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาเล่นสงครามประสาทกับพ่อ เพราะมีเรื่องที่สำคัญมากกว่านั้นหลายเท่า
"ป๊า! ใครเป็นคนฆ่า…"
"ทำไมป่านนี้ยังไม่ไปแต่งตัวอีก?"
ชายสูงวัยเอ่ยทะลุกลางปล้องขึ้นมา ขณะที่กำลังมองลูกสาวในชุดเสื้อยืดกางเกงวอร์มด้วยแววตาตำหนิ ก่อนจะส่ายหน้ากับความกะโปโลของเธอ
"หนูไม่ได้ยอมมาที่นี่เพราะเรื่องนั้น!"
"แล้วมันเรื่องไหนอีก"
"ป๊าไม่รู้หรือไงว่าซิ่วเหวินเหล่าซือเสียแล้ว?"
พ่อของเธอทำเพียงแค่พยักหน้าราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทำให้ลี่หมิงถึงกับชาไปทั้งหน้าไม่ว่าจะพูดอะไรขึ้นมา ก็เหมือนเป็นแค่เสียงลมพัดผ่านไปสำหรับพ่อ จนกระทั่งความอดกลั้นของเธอสิ้นสุดลง
"ได้ฟังที่หนูพูดบ้างไหม!?"
"พวกเรามีนัดทานมื้อค่ำกับตระกูลไป่หลง ลืมไปแล้วเหรอ?"
"คนของเราตายทั้งคน ทำไมยังมีกะใจคิดเรื่องงานหมั้นอีกคะ!!!?"
"ทุกคนเกิดมาก็ต้องตาย แกจะโวยวายให้เป็นเรื่องใหญ่ทำไม"
"ป๊า... ว่าไงนะคะ!?"
ลี่หมิงถึงกับกำมือแน่นและสั่นเทิ้มไปทั้งร่าง ไม่คิดเลยว่าจะได้ยินประโยคนี้หลุดออกมาจากปากของพ่อ โดยเฉพาะกับลูกน้องคนสนิท ที่ยอมแม้กระทั่งสละชีพเพื่อปกป้องคนในตระกูลนี้ แต่พ่อทำราวกับว่าชีวิตพวกเขาเป็นเพียงแค่ผักปลา
"ฉันจะจัดงานให้คนของแกอย่างสมเกียรติ พอใจแล้วก็รีบไปแต่งตัวซะ"
คำพูดของผู้เป็นพ่อทำให้เธอถึงกับหน้าถอดสี ตอนนี้ลี่หมิงไม่ได้อยากจะมาเอาชนะอะไรทั้งนั้น แต่สิ่งที่พ่อพูดออกมาทำให้ในใจของเธอแทบจะระเบิดออกมา
"ไม่ค่ะ!"
"ลี่หมิง!"
"เราตกลงกันแล้วไม่ใช่เหรอ หนูขอเวลาตัดสินใจเรื่องนี้ปีหนึ่งแล้วทำไมป๊าถึง..."
"จะปีนี้หรือปีไหนมันก็เหมือนกันทั้งนั้นแหละ ยังไงสักวันแกก็ต้องแต่งงานอยู่ดี!"
เสียงของพ่อดังขึ้นเรื่อยๆ พร้อมกับเส้นความอดทนอันบางเบาของท่านก็ขาดสะบั้นลง ในขณะที่เธอได้แต่ข่มอารมณ์ของตัวเองเอาไว้อย่างสุดกำลัง
"ของแบบนี้ มันบังคับกันได้ด้วยเหรอคะ"
"มันคือชีวิตทั้งชีวิตของหนูเลยนะ ...ชีวิตที่หนูจะต้องฝากไว้กับผู้ชายคนหนึ่งตลอดไปนะป๊า"
"นี่แก..."
"สำหรับป๊ามันไม่มีความหมายเลยเหรอ?"
เสียงของลี่หมิงที่เปล่งออกมานั้นขาดห้วงและเบาหวิว เมื่อเธอพยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้จนตัวสั่นเทิ้ม ไม่อยากให้ผู้ชายคนนี้ได้เห็นด้านอ่อนแอ และไม่ต้องการให้เขามีอำนาจเหนือกว่าเพื่อบงการชีวิตของเธออีกแล้ว
