บทนำ : หน้าที่ (2)
20:28 น.
ถนนที่เปียกแฉะภายในตรอกเล็กๆ ทำให้รองเท้าผ้าใบของลี่หมิงเปรอะเปื้อนไปด้วยน้ำคลำ เช่นเดียวกับรองเท้าหนังขัดมันของเฉิงเหยี่ยน
"เราคงออกมาเที่ยวเล่นได้ไม่นานนะครับ"
"อ้าว ทำไมล่ะ?"
"คุณหนูยังไม่ได้ทำรายงาน ที่ท่านอาจารย์สั่งสักแผ่นเลยไม่ใช่หรือครับ?"
"โถ่ ออกมาทั้งทีแต่ดันพูดเรื่องการบ้านขึ้นมาทำไมเนี่ย เสียบรรยากาศหมด!"
"ถ้าส่งไม่ทันอาจจะต้องเรียนซ่อมไม่ใช่หรือครับ?"
ลี่หมิงขมวดคิ้วจนแทบเป็นปมพร้อมกับใช้ความคิด ก่อนจะคว้าแขนเขามากอดไว้ด้วยความหมั่นไส้
"คะ…คุณหนู!!?"
"เลิกพูดมากแล้วตามมาซะดีๆ"
เสียงที่แกล้งขู่ของลี่หมิงทำให้อีกฝ่ายที่กำลังตื่นตระหนกยอมปิดปากลง
เมื่อลี่หมิงเห็นท่าทีลนลานของเขาเธอก็กระตุกยิ้มขึ้นมาอย่างชอบใจ ก่อนจะอาศัยจังหวะนี้รีบลากตัวเขาให้เดินตามมา จนกระทั่งทะลุตรอกนั้นออกมาสู่ทางเข้าของงานเทศกาล ที่กำลังตั้งขบวนแห่พอดี
"ว้าว~"
ลี่หมิงอุทานออกมาเสียงดังด้วยความตื่นเต้น ก่อนจะปล่อยมือจากแขนของผู้ดูแลเพื่อจะวิ่งเข้าไปดูใกล้ๆ แต่ก็ถูกเขาคว้าคอเสื้อด้านหลังเอาไว้เสียก่อน
"จะไปไหน?"
"เดี๋ยวฉันมา อยู่แค่ตรงนี้เองไม่ไปไกลหรอกนะๆ"
"ดูตรงนี้ก็เห็นขอรับ"
เขายังคงยืนกรานหนักแน่น ไม่ยอมปล่อยให้เธอเป็นอิสระ ทำให้ลี่หมิงได้แต่กระทืบเท้าปึงปัง และยกกล้องดิจิตอลตัวโปรดของตน ขึ้นบันทึกภาพริ้วขบวนการแสดงพื้นบ้านของเหล่านักเรียนนาฏศิลป์ ด้วยความซ็งแต่ก็ไม่อาจบดบังความตื่นเต้นไว้ได้ จนดวงตาทั้งสองข้างเป็นประกาย
"ฉันจะไปซื้อน้ำ เฉิงเหยี่ยนจะเอาด้วยไหม?"
"ไม่"
"ไม่เอา?"
"ไม่ให้ไปคนเดียว ผมจะไปด้วย"
"ไม่เป็นไร ใกล้ๆ แค่นี้เอง!"
"คุณหนูห้ามเดินไปไหนคนเดียวเด็ดขาด"
"ทำไมล่ะ!?"
"เราไม่รู้ว่าอริของคุณพ่อจะแฝงตัวอยู่ในงานนี้หรือเปล่า อยู่ใกล้ผมไว้และอย่าเหม่อลอยเด็ดขาด?"
เขาตอบหน้ามึนๆ และเดินมายืนขนาบข้าง คอยทำหน้าที่แหวกทางให้เธอเดินฝ่าฝูงชนนับพันได้อย่างสะดวก
'อันที่จริงมีคนคุมกันแบบนี้มันก็ดีอยู่หรอก...'
.
.
'แต่ว่ามัน...'
'น่าขายหน้าชะมัด'
เพียงแค่เห็นหน้าตาของเขาคนก็พากันหลีกทาง จนจะกลายเป็นทะเลแหวกอยู่แล้ว ถ้าปูพรมให้เดินได้เขาก็คงจะทำไปแล้ว
'ไหนบอกไม่ให้ทำตัวเด่นจนเป็นจุดสนใจไง นี่มันยิ่งกว่าน่าสนใจอีก!?'
.
.
'และดูนั่นสิ!'
'ผู้ชายคนนั้น มองเหลียวหลังจนคอแทบจะหักอยู่แล้ว!!'
.
.
'แล้วก็คนนั้น…'
"คุณหนูอย่าเหม่อลอยสิ ข้างนอกมันอันตรายนะขอรับ"
ท่าทีโอเวอร์และวิตกจริตเกินไปของเขา ทำให้เธอเริ่มรู้สึกรำคาญแถมยังระคายหูมาก ที่อีกฝ่ายเอาแต่เรียกว่าคุณหนูไม่หยุด ทั้งที่รู้ว่าเมื่อมาอยู่ในกลุ่มคนหมู่มาก ก็ควรทำตัวให้กลมกลืนเข้าไว้จึงจะดีที่สุด…ไม่ใช่หรือ?
"นี่ อยู่ข้างนอกไม่ต้องเรียกคุณหนูหรอก"
"แต่..."
"เรียกชื่อฉันสิ"
เขามีท่าทีลังเลที่จะทำตามคำขอข้อนี้ของลี่หมิง แต่เมื่อสบตากับแววตาคาดคั้นและดื้อรั้นของเธอ ก็ถึงกับต้องยอมพ่ายแพ้
"เรียกเถอะน่า นี่เป็นคำสั่งนะ~"
"ลี่..."
"ลี่อะไร?"
"ลี่หมิง"
ท่าทีประหม่าและลนลานของเขา ทำให้ริมฝีปากอิ่มเผลอคลี่ยิ้มออกมาด้วยความชอบอกชอบใจ และเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าสีชมพูจางๆ ของเฉิงเหยี่ยนด้วยความเอ็นดู ก่อนจะเอื้อมมือไปปาดเม็ดเหงื่อบนหน้าผากของเขาออกเบาๆ และนั่นทำให้มือของเธอถูกเขากุมไว้โดยไม่ทันตั้งตัว
"...?"
ดวงตาคู่สวยกะพริบปริบๆ เมื่อถูกชายตรงหน้ามอบจุมพิตลงบนหลังมือนุ่มอย่างทะนุถนอม
ลี่หมิงไม่ได้มีท่าทีตกใจมากนัก เพราะภายในใจของเธอนั้นก็มีชายผู้นี้แอบซ่อนไว้เสมอมา แต่เพราะว่าเขาอายุมากกว่าเธอถึง 6 ปี และมีหน้าที่สำคัญที่ต้องรับผิดชอบ มันคงเป็นไปไม่ได้ที่จะปล่อยใจไปกับผู้ชายที่เลือกวางชีวิตไว้บนเส้นด้าย และพร้อมที่จะวิ่งเข้าเผชิญหน้ากับความตายทุกวินาทีแบบเขา
แม้ว่าลึกๆ แล้วลี่หมิงจะยังมีความหวัง หากผู้ชายในอนาคตของเธอเป็นเขา...ก็อาจจะทำให้ตระกูลของเธออยู่ต่อไปได้นานอีกหน่อย ในสภาวะที่ผู้นำตระกูลใหญ่ที่มีลูกสาวเพียงคนเดียวอย่างครอบครัวของเธอตอนนี้
"ถ้าฟ้าไม่สาง ไม่ต้องกลับบ้านนะ"
"?"
"ออกมาอยู่ข้างนอกด้วยกันซะเลยดีไหมนะ?"
"อะ...อะไรนะครับ!?"
ประโยคที่ลี่หมิงเอ่ยนั้นทำให้เฉิงเหยี่ยนถึงกับหน้าถอดสี และกุมมือเธอไว้แน่ด้วยความตกใจ
"ฉันล้อเล่นน่ะ~"
หญิงสาวยิ้มกว้างจนตาหยีเล็กกับมุกตลกของตน ที่มักใช้กลบความรู้สึกแท้จริงภายในใจ
"เราไปกันเถอะ"
ลี่หมิงกุมข้อมือเฉิงเหยี่ยนไว้แน่น และออกแรงดึงให้เขาวิ่งตามริ้วขบวนนั้นไปเรื่อยๆ
กว่าสองชั่วโมงที่ทั้งสองอยู่ท่ามแสงสีของขบวนที่แสนตระการตาและน่าอัศจรรย์ สำหรับหญิงสาวที่ใช้ชีวิตอยู่แค่ภายในโรงเรียนประจำ และรั้วคฤหาสน์ของตนมาโดยตลอด ไม่มีวินาทีไหนที่รอยยิ้มจะจางหายไปจากใบหน้าของเธอ
แต่สำหรับเฉิงเหยี่ยนเขาไม่ได้รู้สึกสนุกเท่าไหร่นัก เพราะต้องคอยระวังภัยรอบด้านให้เธอทุกวินาที โดยเฉพาะช่วงนี้ที่หุ้นของบริษัทขนส่งตระกูลฟ่านตงกำลังฟุ่งสูงที่สุดในรอบห้าปี เพราะข่าวลือเรื่องงานหมั้นหมายของคุณหนูเหรินลี่หมิง และคุณชาย 'ไป่ฟู่เฉิน' บุตรชายคนรองของตระกูลไป่หลง ตระกูลที่ถือครองธุรกิจวงการบันเทิง ที่มีทั้งช่องโทรทัศน์ยักษ์ใหญ่และธุรกิจโรงแรม กับแหล่งสถานบันเทิงอีกมากมาย
พรรคไป่หลง ถือว่าเป็นหนึ่งในพรรคที่มีอิทธิพลหนาแน่น เป็นเจ้าของคลังเงินดอลล่าที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 2 ในบรรดาผู้นำพรรคทั้ง 8 รองลงมาจากพรรคฟู่หยาง ซึ่งเป็นผู้นำเข้า/ส่งออก ผลิตยาและเวชภัณฑ์ที่ผูกขาดเพียงเจ้าเดียวของประเทศ และยังเป็นศัตรูหมายเลขหนึ่งที่สมาคมจับตามองและควรเฝ้าระวังที่สุด
และถ้าหากคุณหนูได้แต่งงานกับไป่ฟู่เฉิน ทั้งบารมีและกำลังพลของทั้งสองพรรค ก็จะสามารถต่อกรกับฟู่หยางได้อย่างไม่ยากเย็น
เฉิงเหยี่ยนมองดูหญิงสาวข้างกาย ที่กำลังถ่ายภาพด้วยความสนุกสนาน ชั่วอึดใจหนึ่งที่เขาเผลอใจไปกับความลุ่มหลงและทะเยอทะยาน จนเฝ้าคิดไปว่าหากคนที่อยู่เคียงข้างเธอ...คือเขา
'เธอจะนึกรังเกียจผู้ชายตัวเปล่าแบบฉันหรือเปล่า?'
"เฉิง..."
'ถ้าได้โอบกอดเธอไว้ด้วยแขนคู่นี้ในฐานะอื่น ที่ไม่ใช่บอดี้การ์ด'
"...เหยี่ยน"
.
.
'มันจะเป็นยังไงนะ?'
"เฉิงเหยี่ยน!"
เสียงเรียกของเธอทำให้เขาสะดุ้ง และหลุดออกมาจากความคิดของตนทันที ก่อนจะเผลอกำหมัดแน่นด้วยความเจ็บใจ เพราะตัวเองเพิ่งบอกเธอไปเมื่อครู่ว่าห้ามเหม่อลอย แต่ดันทำมันเองเสียได้...
"เราเข้าไปดูใกล้ๆ อีกนิดได้ไหม?"
เธอร้องถามและชี้นิ้วไปยังขบวนมังกรขนาดใหญ่ แต่ยังไม่ทันได้เอ่ยห้ามปราม เขาก็ถูกเธอจูงมือเดินฝ่าฝูงชนเข้าไปเสียแล้ว
มือแสนนุ่มนวลที่เขาไม่เคยกล้าแม้แต่จะอาจเอื้อม กำลังกุมแน่นราวกับกลัวว่าเขาจะหนีหายไป
'กลัวฉันหายไป...อย่างงั้นเหรอ?'
.
.
'หึ อย่าสำคัญตัวผิดสิเฉิงเหยี่ยน'
เขาเค้นหัวเราะในลำคอด้วยความเจ็บปวด และทำได้เพียงเฝ้ามองใบหน้าอิ่มเอมที่กำลังดื่มด่ำกับบรรยากาศ พร้อมกับบันทึกภาพลงในกล้องดิจิตอลคู่ใจ แตกต่างจากลี่หมิงคนเมื่อเช้าอย่างสิ้นเชิง
'แบบนี้... ค่อยสมกับเป็นเธอหน่อย'
ความอ่อนหวาน สดใส และทุกอิริยาบถของเธอ อยู่ในสายตาของผู้อารักขาหนุ่มตลอดเวลา แม้ว่าตอนนี้หัวใจของเขาจะมีความสุขมากขนาดไหน แต่เมื่อยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดู ก็ถึงเวลาที่งานเลี้ยงต้องเลิกราเสียแล้ว
"เกือบเที่ยงคืน เราควรกลับได้แล้ว"
"แต่ฉันยังไม่อยากกลับนี่!"
เธอพูดอย่างเอาแต่ใจ แต่ก็ไม่อาจต้านแรงฉุดที่ข้อมือได้ เมื่อเขาพาเธอเดินผ่านฝูงชนที่แออัด เพื่อออกไปจากสถานที่แห่งนั้นอย่างรวดเร็ว
"คราวหน้าผมจะพาคุณออกมาอีก"
"สัญญาแล้วนะ!"
เฉิงเหยี่ยนพยักหน้าเบาๆ ด้วยแววตาจริงจัง เพราะการผิดคำสัญญาคือสิ่งสุดท้ายที่เขาจะทำบนโลกใบนี้
"ครับ ผมสัญญา"
