บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 10 สกุลลู่ข้าให้พวกเจ้ารังแกได้หรือ

ท่านพ่อท่านแม่และท่านย่าของนางเพราะกลัวว่าหากทำเป็นเรื่องใหญ่จะทำให้กระทบต่อชื่อเสียงของคนในสกุลลู่ได้ อีกทั้งพวกท่านต่างก็เป็นผู้ใหญ่ท่านพ่อนางเป็นถึงราชครูในราชสำนักย่อมต้องรักษาชื่อเสียงสกุลไม่อาจทำสิ่งใดตามใจคิด

พวกท่านคงทำได้เพียงให้งานแต่งสกุลจี้ในวันนี้ผ่านไปก่อนแล้วค่อยไปทวงถามสกุลจี้ในวันอื่นอย่างสุภาพชนกระทำกัน ทั้งๆ ที่สกุลจี้นั้นถือว่าไม่ไว้หน้าสกุลลู่ของเราเลยแม้แต่น้อย ถึงขั้นกล้าทิ้งการหมั้นหมายที่มีมานานกระทั่งวันมงคลสมรสก็กำหนดเอาไว้แล้ว

ในเมื่อพวกผู้ใหญ่ไม่สะดวกที่จะออกหน้าในวันนี้ นางที่เป็นผู้เยาว์ของสกุลลู่ก็จะเป็นผู้ออกหน้าชำระความในครั้งนี้ให้เอง

ลู่เข่อชิงตั้งใจที่จะมาถึงจวนสกุลจี้หลังจากที่เกี้ยวเจ้าสาวมาถึง แล้วและเจ้าสาวก้าวเข้าไปยังห้องโถงเพื่อทำพิธีกราบไหว้ฟ้าดิน บิดาของจี้เทียนนั้นเป็นนายอำเภอจึงพอจะมีหน้ามีตาอยู่บ้างถึงตำแหน่งจะเป็น เพียงขุนนางเล็กๆ ในท้องถิ่น ไม่อาจเทียบได้กับท่านพ่อของนางแต่ก็ถือ ว่าเป็นฐานะที่ไม่ธรรมดาในเมืองนี้ เวลานี้จึงมีแขกมาร่วมงานไม่น้อยเลยทีเดียว

“ถึงฤกษ์มงคลแล้ว เริ่มทำพิธีได้”

เสียงของผู้ดำเนินพิธีประกาศก้อง ลู่เข่อชิงได้ยินดังนั้นก็ยิ้มกว้างขึ้นมาทันที นางไม่รอช้าก้าวเท้าเข้าไปยังโถงทำพิธีและยืนอยู่ตรงกลางโถงแทนที่จะแยกไปยืนด้านข้างเช่นเดียวกับแขกคนอื่นๆ

“แม่นางผู้นั้น พิธีคำนับฟ้าดินของคู่บ่าวสาวกำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว รบกวนแม่นางรีบเดินมาด้านข้างเถิด”

ที่ผู้นำพิธีเอ่ยบอกก็คือนาง หญิงสาวได้ยินที่เขาเอ่ยแต่ก็ไม่ได้ขยับออกให้อย่างที่ต้องการ นางเพียงยิ้มออกมาด้วยท่าทีสบายๆ ทำท่าทีราวกับกำลังยืนรอชมเรื่องสนุกอยู่

แขกต่างๆ ที่มาร่วมงานเริ่มหันมาสนใจที่นางเพิ่มขึ้น ลู่เข่อชิงต้องการให้เป็นเช่นนี้แต่แรกจึงตั้งใจแต่งตัวสวยงามหรูหราเช่นนี้มาโดยเฉพาะ

“สตรีผู้นั้นคือผู้ใดกันเหตุใดจึงแต่งตัวงดงามแข่งกับเจ้าสาว เช่นนี้”

“คุณหนูสกุลไหนกัน ดูเหมือนจะเป็นคุณหนูสกุลใหญ่นะ”

“ไม่เห็นทรงผมที่นางทำมาหรือ นั่นเป็นทรงผมสำหรับสตรีที่ ออกเรือนแล้วเท่านั้น”

พวกแขกเริ่มพูดคุยกันถึงนาง และสนใจที่นางมากยิ่งขึ้นแทนที่ จะสนใจเจ้าบ่าวเจ้าสาวที่ยืนรอทำพิธีอยู่เบื้องหน้า

“พวกเจ้ามัวยืนรออะไรกันอยู่ รีบเชิญคนออกไปสิ”

จี้เทียนที่ยืนอยู่ตำแหน่งเจ้าบ่าวคงจะรอไม่ไหวแล้ว จึงรีบเรียกให้สาวใช้ในจวนที่อยู่รอบๆ เตรียมที่จะประชิดตัวนาง

แค่สาวใช้ไม่กี่คนนี้หรือจะสามารถเข้าถึงตัวนางได้ เพียงแค่เสี่ยวฉีเดินออกมากันด้านหน้านางพร้อมดาบในมือ สาวใช้เหล่านั้นก็หยุดการเคลื่อนไหวไปโดยปริยายแล้ว

“จวนสกุลจี้รับแขกกันเช่นนี้หรือ ช่างไร้มารยาทนัก”

“เหมือนว่าเจ้าตั้งใจจะมาป่วนงานมากกว่ามาเป็นแขกกระมัง”

“จี้ฮูหยินกล่าวเช่นนี้เหมือนว่ากำลังดูแคลนน้ำใจข้าและคนสกุล ลู่อยู่เลย”

“คุณหนูสามสกุลลู่ ลู่เข่อชิง?” จี้เทียนพูดชื่อนางขึ้นมา

“ข้าตั้งใจมาร่วมยินดีกับงานมงคลของพวกท่านสกุลจี้แทนทุกคนในสกุลลู่ แม้การที่สกุลจี้ไม่ไว้หน้าสกุลลู่นึกอยากยกเลิกการหมั้นหมายทั้งที่กำหนดวันแต่งงานเอาไว้เรียบร้อยแล้วจะเป็นการกระทำอันไร้การศึกษาเป็นอย่างยิ่งก็เถอะ แต่สกุลลู่เราไม่คิดถือสาสกุลเล็กๆ อย่างสกุลจี้หรอกนะพวกท่านวางใจได้” ลู่เข่อชิงเอ่ยขึ้นเสียงดัง

“สองสกุลไม่อาจเกี่ยวดองกันได้สำเร็จนับเป็นเรื่องน่าเสียดาย คุณหนูสามเจ้ายังเด็กเรื่องราวของผู้ใหญ่ใช่ว่าเจ้าจะเข้าใจได้ทั้งหมดหรอกนะ” จี้ฮูหยินเอ่ยออกมา “หากในวันนี้คุณหนูสามตั้งใจจะมาแสดงความยินดีจริงข้าและทุกคนก็ยินดีต้อนรับ ข้ายินดีคอยพูดคุยเป็นเพียงเจ้าตลอดงานเอง”

“จริงอยู่ที่ข้ายังเด็กนักในสายตาจี้ฮูหยินและผู้อื่น แต่ก็ไม่ใช่ว่าข้าไม่รู้ความเลย เมื่อก่อนสกุลจี้ใจกล้ามาสู่ขอพี่ใหญ่ข้าทั้งๆ ที่ฐานะของสกุลต่างกัน สกุลลู่ข้าเปิดใจยอมให้โอกาสสกุลจี้ของพวกท่าน แล้วสุดท้ายเล่าสิ่งใดคือที่พวกเราที่ใจกว้างขนาดนี้ได้รับกลับมา แค่ความซื่อสัตย์ของจี้เทียนผู้นี้ก็ยังให้พี่สาวข้าไม่ได้เลย”

“ลู่เข่อชิง เจ้าจะเกินไปแล้ว!!!” จี้เทียนเอ่ยออกมาเสียงดังด้วยความโมโห

“น้อยไปเสียด้วยซ้ำ พี่ใหญ่ข้าเพียบพร้อมทั้งชาติสกุลรูปโฉมก็งดงามจับตา เดิมทีเจ้าไม่คู่ควรกับนางเลยแม้แต่น้อย ไม่ได้แต่งกับเจ้าสกุลลู่ข้าต้องจัดงานฉลองสามวันสามคืนเสียด้วยซ้ำ งานแต่งเล็กๆ เช่นนี้ จะเหมาะกับพี่ใหญ่ข้าได้อย่างไร ถุย”

“หญิงสกุลลู่อย่างพี่สาวเจ้ามีดีอะไรกัน หากนางดีจริงพี่จี้เทียนก็ คงไม่เปลี่ยนใจมาแต่งกับข้า” ว่าที่ฮูหยินที่กำลังจะเข้าพิธีของจี้เทียน สะบัดผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวเข้ามาหานางหลังจากที่เฝ้าดูเหตุการณ์เงียบๆมานานอย่างอดทนเพราะไม่อยากเสียภาพลักษณ์หญิงสาวผู้เรียบร้อยไปต่อหน้าคนมากมาย

“เจ้ากล่าวผิดแล้ว ต้องเอ่ยว่าพี่ใหญ่ข้านางดีมากจนเกินไป ไม่ เหมาะกับคนเลวอย่างว่าที่สามีที่กำลังจะเข้าพิธีของเจ้า แม่นางเจ้าแต่ง กับจี้เทียนผู้นี้ไม่คิดสั้นไปหน่อยหรือ ได้ยินว่าเจ้าเองก็เป็นถึงบุตรสาวคน หนึ่งของเจ้าเมืองนี่ นอกจากจี้เทียนผู้นี้แล้วยังสามารถแต่งไปกับสกุลที่ ดีกว่านี้มาก”

“ข้าได้แต่งกับพี่จี้เทียนที่ข้ารักยังมีอะไรที่ดีกว่านี้อีกเล่า แค่ พี่สาวเจ้าไม่ได้แต่งกับเขายังถึงขั้นต้องให้เจ้ามาสร้างเรื่องวุ่นวายที่นี่”

“นี่เจ้าไม่รู้จริงๆ หรือว่าหากเจ้าไม่ใช่คุณหนูจวนเจ้าเมือง ต่อให้เจ้ากำลังตั้งครรภ์เช่นตอนนี้ก็คงไม่ได้แต่ง”

เพียงแค่นางพูดถึงเรื่องที่เจ้าสาวในวันนี้กำลังตั้งครรภ์ แขกก็พากันซุบซิบกันอย่างสนุกปาก

“ไม่รู้ว่าเจ้ารู้หรือยังว่านอกจากเจ้า จี้เทียนผู้นี้ยังทำสตรีตั้งครรภ์ด้วยอีกคนหนึ่ง ถือเป็นเรื่องมงคลซ่อนมงคลเลยจริงๆ”

“พี่จี้เทียนนี่มันเรื่องอะไรกัน เรื่องที่นางพูดเป็นจริงอย่างนั้น หรือ” สตรีที่สวมชุดเจ้าสาวเริ่มคาดคั้นว่าที่สามีของนาง

“เจ้าหยุดบ้าสักที สามีบ้านไหนบ้างไม่มีอนุน่ะ” จี้เทียนที่เริ่มหัว เสียตะคอกใส่ว่าที่ฮูหยินของตนจนนางตัวสั่น

“พวกท่านทั้งหลายช่วยกันดูเอาเถอะ จี้เทียนผู้นี้เป็นบุรุษที่ดี หรือไม่ ข้าคิดว่าหากเขาไม่ทำคุณหนูจวงตั้งครรภ์ท่านเจ้าเมืองจวงคงไม่ยอมให้แต่งกันเป็นแน่ใช่หรือไม่ท่านเจ้าเมืองจวง” นางแกล้งเอ่ยถาม เสียงดังไปทางแท่นทำพิธีที่มีท่านเจ้าเมืองยืนอยู่

“เจ้าหยุดพูดเรื่องบ้าๆ แล้วออกไปได้แล้วสกุลจี้ไม่ต้อนรับเจ้า” จี้เทียนหันมาตะคอกใส่นาง พร้อมกับเดินต้องเข้ามาหาด้วยท่าทีคุกคาม เสี่ยวฉีก็ยังทำหน้าที่ปกป้องนางได้ดีก้าวมาผลักครั้งหนึ่งจี้เทียนก็กระเด็น ไปไกลหลายก้าว

“ข้าก็ไม่ได้อยากมาเหยียบนักหรอกนะ กลับไปแล้วคงต้องสั่ง ให้สาวใช้ต้มน้ำให้ข้าล้างเท้าไล่ความอัปมงคลหลายรอบเชียวล่ะ” นาง เอ่ยพลางตั้งใจยิ้มเยาะตบท้ายก่อนจะก้าวเท้าเตรียมกลับออกไป

“สตรีปากร้ายเช่นเจ้าผู้ใดแต่งด้วยก็คงต้องซวยไปตลอดชีวิต” จี้ เทียนตะโกนไล่หลังตามไป

“การแต่งงานของข้าเจ้าวิจารณ์และไม่พอใจได้หรือ” นางหันกลับไปถาม

“สตรีเช่นเจ้าจะแต่งไปได้ดีถึงขั้นไหนกันเชี่ยว พวกสกุลใหญ่แต่งกันเพราะชาติสกุลก็เท่านั้น ก็แค่งานแต่งจอมปลอมไร้ค่า”

“จี้เทียน…สมรสพระราชทานจากฝ่าบาทให้เจ้ามาวิจารณ์ได้หรือ เสี่ยวฉีจัดการส่งจี้เทียนผู้นี้ไปรับโทษที่ศาลเดี๋ยวนี้!!! โทษฐานกล้าวิจารณ์ฝ่าบาท”

จบคำสั่งของนางเสี่ยวฉีก็จัดการจับตัวจี้เทียนในทันที

“เห็นทีงานมงคลในวันนี้คงต้องเป็นโมฆะแล้ว”

นางเอ่ยเสียงดังฟังชัดทุกถ้อยคำ ท่าทีเต็มไปด้วยความพอใจและยิ้มเยาะพวกคนสกุลจี้ที่มองมายังนางอย่างไม่พอใจ แต่ก็ไม่กล้าพอที่จะเข้ามาทำอันใดกับนางอีกหลังจากที่เห็นจี้เทียนถูกลากออกไป เพราะนางเอ่ยถึงบารมีของฝ่าบาทขึ้นมา

แน่นอนว่าสมรสพระราชทานมิใช่ว่าเป็นใครก็จะได้รับได้ง่ายๆ ตัวนางในยามนี้คนสกุลจี้ย่อมต้องยอมอยู่อย่างสงบเพราะกลัวอำนาจฝ่ายสามีของนาง แม้พวกเขาจะไม่รู้แน่ชัดว่านางสมรสกับผู้ใดกันแน่ แต่เมื่อได้รับสมรสพระราชทานได้ย่อมไม่ใช่คนที่สกุลเล็กๆ อย่างสกุลจี้จะหาเรื่องได้แน่นอน

หลังจากนี้เรื่องของนางคงจะถูกสืบจนรู้แน่ชัดว่านางสมรสกับหนิงเฟยอวี้ที่เป็นถึงแม่ทัพใหญ่ เมื่อรู้แล้วยิ่งไม่กล้ายุ่งกับพวกนางสกุลลู่อีก ไม่อาจแก้แค้นเอาคืนได้อีก ทำได้เพียงกลืนความแค้นลงคอตนไปเสียจนหมด

ลู่เข่อชิงเมื่อขึ้นมานั่งบนรถม้าก็ไม่ลืมที่จะกำชับอาลั่ว

“เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่เจ้ากลับไปเล่าให้พี่ใหญ่ข้าฟังอย่างให้ขาด ตกบกพร่อง เอาให้นางได้รู้ว่าจี้เทียนผู้นั้นถูกข้าทำให้เป็นเช่นใดไปแล้ว บ้าง”

“เจ้าค่ะคุณหนู บ่าวจะเล่าออกไปให้หมด”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel