บทที่ 2 อบอุ่นใจ
แม่ทัพใหญ่ไป๋โทสะคุกรุ่น เขาคิดจะโบยบุตรชายฝาแฝดทั้งสองเพื่อสั่งสอน แต่ไป๋เหม่ยเหมยกลับคว้าจับมือเขาเอาไว้ ก่อนจะเอ่ย
"ท่านพ่อ เดิมทีเป็นข้าที่อยากไปเองเจ้าค่ะพี่ใหญ่พี่รองไม่ได้บังคับข้าเลยแม้แต่น้อย อีกอย่างที่ข้าตกน้ำเพราะไม่ทันระวังเอง ข้าเห็นปลาตัวใหญ่ว่ายอยู่ในแม่น้ำ จึงรีบร้อนอยากจะตกมันขึ้นมา ทำให้พลัดตกน้ำไป ท่านพี่ทั้งสองเตือนแล้วแต่ข้ากลับไม่ฟัง ท่านอย่ากล่าวโทษพี่ชายเลยนะเจ้าคะ "
นางเอ่ยอย่างออดอ้อน อีกทั้งดวงตายังแดงก่ำ นางดีใจมากที่ได้กลับมาหาท่านพ่อของนางอีกครั้ง
แม่ทัพใหญ่ไป๋รักบุตรสาวปานแก้วตาดวงใจ เมื่อได้ยินเช่นนั้นก็พลันใจอ่อนยวบ น้ำเสียงที่เอ่ยกับบุตรชายทั้งสองพลันคลายโทสะลงหลายส่วน
"ครั้งนี้นับว่าพวกเจ้ารอดพ้นโทษไป อาจู เจ้ารีบพาคุณหนูของเจ้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้า และรีบไปหาฮูหยินใหญ่ ยามนี้นางร้อนใจจะแย่แล้วที่อาเหม่ยหนีไปเที่ยวกับพี่ชาย"
"เจ้าค่ะนายท่าน"
อาจูรีบประคองไป๋เหม่ยเหมยกลับเรือน ก่อนไปไป๋เหม่ยเหมยหันไปส่งยิ้มให้พี่ชายทั้งสองคน ไป๋หลงและไป๋หลางหันมาสบตากัน เหตุใดวันนี้น้องเล็กจึงใจดีนักเล่า ทุกครานางจะโวยวาย บอกให้ท่านพ่อทุบตีพวกเขาให้ได้ แต่วันนี้กลับใจดีกว่าทุกวัน
หลังจากเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จเรียบร้อยแล้ว ไป๋เหม่ยเหมยก็เดินออกมาจากเรือน คิดไม่ถึงว่าพอออกมาจะพบกับพี่ชายทั้งสองคนยืนรออยู่หน้าเรือน นางยิ้มตาหยี ก่อนจะเดินกอดแขนพี่ชายสองคนไปที่เรือนใหญ่พร้อมกัน สามคนพี่น้องหัวเราะเสียงกังวานใสอย่างมีความสุขยิ่ง
เมื่อมาถึงเรือนใหญ่ ก็รีบไปหามารดาตนทันที ฮูหยินใหญ่มารดาของพวกนางเป็นสตรีชนบทที่อาศัยอยู่นอกเมืองหลวง ครอบครัวเป็นเพียงคหบดีเล็กๆ ไม่ได้ร่ำรวยมากนัก ท่านพ่อรักปักใจในตัวท่านแม่มาก ไม่สนสิ่งใดทั้งสิ้นและแต่งท่านแม่เข้าจวนมา จนมีพวกนางสามคนพี่น้อง
บิดานางเป็นบุตรชายคนเดียวของตระกูลไป๋ อีกทั้งตระกูลไป๋ก็เป็นตระกูลแม่ทัพมาหลายชั่วอายุคน กฎระเบียบก็ไม่ได้เคร่งครัดเท่ากับตระกูลบัณฑิต พวกนางจึงถูกเลี้ยงดูมาอย่างอิสระเสรี
ฮูหยินใหญ่ที่เห็นว่าบุตรทั้งสามกลับมาแล้ว ก็รีบเดินเข้ามาหาทันที
"ลูกรักของแม่กลับมาแล้ว พวกเจ้าออกไปที่ใดไม่บอกแม่สักคำ ได้ยินสาวใช้มาแจ้งว่าอาเหม่ยตกน้ำ ให้ตายเถอะ เหตุใดจึงไม่ระวัง ต่อไปพวกเจ้าสองคนต้องดูแลน้องสาวให้ดีนะ ตายจริง แม่ร้อนใจจนดื่มสุราไปหลายจอกเลย อาเหม่ยเจ้าคงไม่ตำหนิแม่ใช่หรือไม่!"
เอ่ยจบฮูหยินใหญ่ก็เรอออกมา กลิ่นสุราตีขึ้นจมูกจนไป๋เหม่ยเหมยต้องยกมือมาปิดจมูกตน ด้านไป๋หลงก็เบือนหน้าหนี ครั้นหันไปมองเจ้ารองไป๋หลางก็พบว่าตาดำของเขาแทบจะไหลมากองรวมกันแล้ว
มารดาของเขาชื่นชอบการดื่มสุราเป็นชีวิตจิตใจ นางสามารถเมาได้ทุกที่ทุกเวลา บางคราพวกเขาต้องหามนางไปนอนก็เคยทำมาแล้ว
แต่บิดากลับรักมารดายิ่ง บอกว่านางเมาก็ช่างเถิด เมาดีกว่าไม่เมา
พวกเขาถึงกับเอ่ยวาจาใดไม่ออก
ไป๋เหม่ยเหมยอมยิ้ม ก่อนจะกอดแขนมารดาเอาไว้แน่น ชาติที่แล้วท่านแม่แขวนคอตายตามท่านพ่อไป ก่อนตายนางดื่มสุราย้อมใจบอกว่าต่อไปคงไม่ได้ดื่มสุราชมจันทร์อย่างสบายอารมณ์เช่นนี้อีกแล้ว
นางเคยตำหนิท่านแม่ว่าดื่มสุราเช่นนี้ทำให้บุตรตนเสียเก่ียรติและอับอาย ท่านแม่ถึงกับไปแอบร้องไห้คนเดียวและไม่กล้าดื่มสุราให้นางเห็นอีก
เมื่อถูกบุตรสาวจ้องมองอย่างไม่ลดละ ฮูหยินใหญ่ก็เริ่มประหม่า
"อาเหม่ย ต่อไปแม่จะไม่ดื่มแล้ว ไม่ดื่มแล้วจริงๆ เจ้าอย่าโกรธเคืองแม่เลยนะ"
ไป๋เหม่ยเหมยดวงตาร้อนผ่าว แต่พยายามกลั้นเอาไว้ นางจับมือมารดาแน่น น้ำเสียงที่เอื้อนเอ่ยอ่อนโยนเป็นอย่างยิ่ง
"ท่านแม่ หากท่านชอบดื่มก็ดื่มไปเถิดเจ้าค่ะ ต่อไปข้าจะไปเรียนหมักสุรา จะได้หมักสุราชั้นดีมาให้ท่านแม่ดื่มทุกวัน"
"จริงหรือ"
"จริงเจ้าค่ะ"
ฮูหยินใหญ่ดีใจยิ่ง นางดึงบุตรสาวเข้ามากอด แต่ทว่าเมื่อหันไปมองไป๋หลางบุตรชายคนรองก็ต้องตกใจจนแทบสิ้นสติ นางรีบตะโกนเสียงดังทันที
"ใครก็ได้รีบไปตามท่านหมอมาที บุตรชายข้าตาดำไหลมารวมกันแล้ว โธ่เจ้ารองของแม่ ตาดำของเจ้า ฮือ ตาของเจ้าเขแล้ว ต่อไปผู้ใดจะเอาเจ้าไปทำสามี ฮือ บุตรชายข้า ตาเขแล้ว!!!"
