ตอนที่ 4 ผูกมิตร
ไป๋เหม่ยเหมยพาเจ้าลูกหมีกลับบ้าน นางใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดตามตัวให้มัน เหล่าสาวใช้น้อยเมื่อได้เห็นเจ้าสุนัขตัวใหญ่สีดำก็หวาดกลัวไม่กล้าเข้าใกล้ แต่เจ้าลูกหมีน้อยกลับเชื่องเป็นอย่างมาก นอกจากมันจะไม่กัดคนแล้วยังชอบเล่นกับสาวใช้อีกด้วย
เมื่อไป๋หลงและไป๋หลางเห็นเช่นนั้นก็วางใจลงได้
ด้านแม่ทัพใหญ่ไป๋และฮูหยินใหญ่ก็ไม่ได้คัดค้านอันใด ขอเพียงบุตรสาวชอบก็พอแล้ว
เมื่ออยู่กันตามลำพังแล้ว ไป๋เหม่ยเหมยก็นั่งยองๆลงพลางจ้องมองเจ้าลูกหมีน้อยของนาง ก่อนจะเอ่ย
"เจ้าลูกหมีน้อย เหตุใดข้าจึงรู้สึกว่า เจ้าเองก็กลับชาติมาเกิดใหม่เช่นเดียวกันกับข้าเลยเล่า"
เจ้าลูกหมีน้อยเป็นเพียงสุนัขมันขานตอบนางไม่ได้ แต่กลับยกขาหน้าขึ้นทั้งสองข้าง และเลียมือนาง ไม่ต้องเอ่ยสิ่งใดให้มากความ ไป๋เหม่ยเหมยก็เข้าใจได้ในทันที น่าอัศจรรย์ยิ่งนัก แม้แต่สุนัขก็ยังสามารถย้อนเวลากลับมาได้เช่นเดียวกัน
นางลูบศีรษะมัน พลางเอ่ย
"ไม่ต้องกังวล ชาตินี้ข้าจะไม่เดินทางผิดอีกแล้ว เจ้าลูกหมีน้อย ข้าจะปกป้องเจ้าเช่นกัน พวกเรามาเริ่มต้นชีวิตใหม่กันเถอะนะ"
เจ้าลูกหมีน้อยหมอบลงตรงหน้านางอย่างออดอ้อน
เช้าวันต่อมาหลังจากทำธุระส่วนตัวเสร็จเรียบร้อยแล้ว ไป๋เหม่ยเหมยก็ออกไปเดินเล่นที่นอกจวน นางจูงเจ้าลูกหมีน้อยของนางไปด้วยกัน ผู้คนล้วนไม่กล้าเข้าใกล้นางเพราะกลัวจะถูกเจ้าสุนัขตัวสีดำนั่นกัดเข้า แต่เจ้าลูกหมีน้อยกลับไม่ทำเช่นนั้น ทั้งยังส่ายหางให้ทุกคนอย่างเป็นมิตร
เดินเล่นอยู่นาน ก็แวะมาที่ร้านซาลาเปาไส้เนื้อริมทางร้าน นางสั่งซาลาเปามาสองลูก ลูกหนึ่งมอบให้เจ้าลูกหมีน้อย อีกลูกหนึ่งนางกินเอง
สายลมพัดมาเอื่อยเฉื่อย แว่วเสียงรถม้าดังมาแต่ไกล ผู้คนต่างแหวกทางออกเป็นสองทางไม่กล้าขวางทางรถม้าหลังนั้น
ไป๋เหม่ยเหมยหันไปมอง ก่อนจะพบว่ารถม้าหลังนั้นมีสัญลักษณ์ของจวนไคกั๋วกงปรากฏเด่นชัดอยู่
ในขณะที่รถม้ากำลังเคลื่อนผ่านนางไป ผ้าม่านรถม้าก็ถูกเปิดออก ชายหนุ่มผู้หนึ่งชะโงกหน้ามามองนางด้วยแววตาที่ล้ำลึก สายตาของเขาคมกริบ อีกทั้งยังแฝงเอาไว้ด้วยความเย่อหยิ่งและสูงศักดิ์ ชั่วขณะนั้นไป๋เหม่ยเหมยพลันชะงักไปชั่วขณะ
เซวียหงเย่
เป็นเขาจริงๆ
เซวียหงเย่เป็นหลานชายของเซวียฮองเฮา ยามนี้เขาเพิ่งจะมีอายุเพียงยี่สิบปี และอีกห้าปีให้หลังเขาจะจบชีวิตลงด้วยน้ำมือของจินฟาน
ตระกูลเซวียเป็นตระกูลบัณฑิตชั้นสูง ท่านปู่ของเขาเคยเป็นราชครู บิดาของเขาที่ตายจากไปก็เป็นถึงไคกั๋วกงสหายสนิทของฝ่าบาท ตัวของเซวียหงเย่เองก็เก่งกาจทั้งบุ๋นและบู๊ อายุยังน้อยแต่กลับได้เข้าไปทำงานในสำนักองค์รักษ์เสื้อแพรแล้ว อีกทั้งฝ่าบาทยังทรงโปรดปราณเขาเป็นอย่างมาก มีสิ่งใดฝ่าบาทล้วนเรียกเขาไปปรึกษาหารือ อำนาจของเขาเรียกได้ว่าสูงส่งไม่น้อยเลย
บิดานางแม้ภายนอกจะไม่เข้าฝักใฝ่ฝ่ายใดและภักดีต่อฮ่องเต้ แต่แท้จริงแล้วลอบสนับสนุนองค์ชายใหญ่อย่างลับๆ และเป็นพันธมิตรกับตระกูลเซวีย ส่วนองค์ชายรองจินฟานที่มีมารดาเกิดในตระกูลรองแม่ทัพนั้นก็มีใจหวังในตำแหน่งองค์รัชทายาท จนถึงขั้นฆ่าล้างบางทุกคนอย่างอำมหิต ทุกอย่างล้วนมีนางคอยสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง นางคอยบอกเล่าแผนการทุกอย่างของบิดาให้จินฟานฟัง สุดท้ายเขาก็ทำสำเร็จ
ความรู้สึกผิดบาปในใจนี้ช่างมากมายยิ่งนัก
เซวียหงเย่ปิดผ้าม่านลงและไม่มองนางอีก รถม้าของเขาเคลื่อนออกไปไกลมากแล้ว ไป๋เหม่ยเหมยถอนหายใจออกมา รู้สึกแปลกใจไม่น้อยเลย การพบเจอกันของเขาและนางในชาติก่อนไม่ได้เป็นเช่นนี้ แต่พบเจอกันในค่ายทหารของบิดานาง เขาหลงรักนางตั้งแต่แรกเห็น จากนั้นก็ตามติดนางแจ แต่ชาตินี้เขาดูเหมือนว่าจะสุขุมมากกว่าแต่ก่อน
ในขณะที่ไป๋เหม่ยเหมยกำลังครุ่นคิดเรื่องของเซวียหงเย่ ก็ได้ยินเสียงคนตะโกนขึ้นมาว่ามีคนตกน้ำ
ไป๋เหม่ยเหมยขมวดคิ้วมุ่น ก่อนจะรีบจูงเจ้าลูกหมีน้อยไปดูยังที่เกิดเหตุ เมื่อไปถึงก็พบว่ามีสตรีน้อยนางหนึ่งกำลังจมน้ำ นางจำได้แม่นยำ นั่นคือจินหยวนเหนียง จวิ้นจู่น้อยแห่งจวนชินอ๋อง บิดานางเป็นถึงชินอ๋องเจ้าสำราญ นางเป็นลูกพี่ลูกน้องกับเหล่าองค์ชาย ไป๋เหม่ยเหมยจำได้ว่าสุดท้ายแล้วจินหยวนเหนียงถูกแต่งออกไปแดนไกลและไม่ได้กลับมาเมืองหลวงอีก หลายปีต่อมามีข่าวว่านางถูกสามีทุบตีจนตาย ช่างน่าเวทนายิ่งนัก
ชาติก่อนนางไม่ได้สนิทสนมกับจินหยวนเหนียงเลยแม้แต้น้อย อีกทั้งจินหยวนเหนียงยังตั้งตนเป็นปรปักษ์กับนาง เพราะจินหยวนเหนียงหลงรักเซวียหงเย่ แต่เซวียหงเย่กลับมาชอบนาง
แต่ยามนี้ไม่ใช่เวลามาครุ่นคิดเรื่องเก่าก่อน นางต้องรีบช่วยคน
ผู้คนที่มามุงดูล้วนไม่มีผู้ใดกล้ายื่นมือเข้าช่วยจินหยวนเหนียงสักคน ส่วนคนที่คิดจะช่วยก็เป็นพวกเติ้งถูจื่อที่คิดจะลวนลามคน ไป๋เหม่ยเหมยที่เห็นเช่นนั้นก็โมโหนัก
นางบอกให้เจ้าลูกหมีน้อยรออยู่บนฝั่ง ก่อนจะตัดสินใจกระโดดลงไปในแม่น้ำ ช่วยจินหยวนเหนียงขึ้นมาจากน้ำได้สำเร็จ
จินหยวนเหนียงสำลักน้ำออกมาอย่างรุนแรงพลางซบหน้าเข้าไปในอ้อมกอดของไป๋เหม่ยเหมย เมื่อนางเงยหน้าขึ้นมาก็ชะงักไปคราหนึ่ง
ยามนี้ไป๋เหม่ยเหมยตัวเปียกชุ่ม ก่อนออกจากบ้านนางแต่งกายทะมัดทะแมง รวบผมขึ้นสูง ที่นางแต่งกายเช่นนี้ก็เพื่อความสะดวก เกิดเจ้าลูกหมีน้อยดื้อรั้นวิ่งหนีนางจะได้วิ่งตามได้ทัน ดีกว่าสวมชุดกระโปรงงดงามแต่จะย่างก้าวแต่ละคราล้วนลำบากยิ่ง
เมื่อนางก้มลงไปสบตากับจินหยวนเหนียงก็พลันชะงักไปเช่นเดียวกัน
เหตุใดจินหยวนเหนียงจึงมองนางราวกับกำลังมองบุรุษที่ตนหลงรักเล่า
นี่มันเรื่องบัดซบใดกัน
สาวใช้จวนชินอ๋องที่ติดตามมาด้วยรีบนำผ้ามาคลุมให้จินหยวนเหนียง ไป๋เหม่ยเหมยประคองนางขึ้นมายังบนฝั่ง พลางบอกให้ทุกคนที่มามุงดูสลายตัวไปได้แล้ว ไม่อย่างนั้นนางจะให้สุนัขของนางกัดเสียให้ขาขาด คนที่ได้ยินก็รีบเผ่นจากไปทันที
"ท่านเป็นเช่นไรบ้าง"
"ข้าดีขึ้นแล้ว แค่กแค่ก"
จินหยวนเหนียงเอ่ยตอบ พลางซบใบหน้าลงไปในอ้อมกอดของไป๋เหม่ยเหมยไม่ยอมหยุด จนไป๋เหม่ยเหม่ยเริ่มวางหน้าไม่ถูก
“ท่านคือยอดบุรุษที่ยื่นมือเข้าช่วยหญิงงามโดยแท้ ข้าผู้เป็นจวิ้นจู่ไม่มีสิ่งใดตอบแทน หากท่านไม่รังเกียจข้าจะมอบร่างกาย...”
“ข้าเป็นสตรี ถึงท่านมอบร่างกายให้ข้า ข้าก็มอบความสุขให้ท่านไม่ได้หรอก”
จินหยวนเหนียงเมื่อได้ยินเช่นนั้นก็พลันดีดกายลุกขึ้นมาจากอ้อมกอดของไป๋เหม่ยเหมยทันที พลางมองสำรวจคนตรงหน้าตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ก่อนที่สายตาของนางจะมาหยุดอยู่ที่ซาลาเปาน้อยของไป๋เหม่ยเหมยที่ยังไม่เติบโตดี พลางครุ่นคิด
สตรีหรือ!
ถึงว่าสิ ตอนซบอกนาง ข้าถึงรู้สึกว่า บุรุษที่ใดกันมีซาลาเปาสองลูกด้วย?
ไป๋เหม่ยเหมยรู้สึกว่าตนกำลังถูกจินหยวนเหนียงลวนลามทางสายตาจึงเริ่มประหม่า ให้ตายเถอะ เดิมทีคิดจะช่วยคน แต่จินหยวนเหนียงกลับมีใจชอบพอในตัวนาง เมื่อรู้ว่านางเป็นสตรีจะต้องโกธรแค้นนางมากเป็นแน่
แต่ทว่าทุกอย่างกลับพลิกผันไม่เป็นอย่างที่นางหวาดหวั่น
จินหยวนเหนียงยื่นมือของตนมาจับมือของนาง ก่อนจะเอ่ยอย่างเหม่อลอย
“ตายจริง รักแรกพบของข้าคือสตรีเช่นนั้นหรือ?”
ไป๋เหม่ยเหมยถึงกับเอ่ยวาจาใดไม่ออก นางอยากจะวิ่งหนีจินหยวนเหนียงไปเสียเดี๋ยวนี้
จินหยวนเหนียงกลับไม่ยอมหยุด นางรีบสั่งให้คนนำผ้ามาคลุมตัวของไป๋เหม่ยเหมยเอาไว้ ก่อนจะเอ่ยอย่างเขินอาย
“เจ้ารูปงามนัก เอาเถิด เห็นแก่ที่เจ้าช่วยข้าไว้ ข้าจะไม่โกรธเจ้า แต่น่าเสียดายนักที่เจ้าไม่ใช่บุรุษ แต่ไม่เป็นอันใด ในเมื่อข้าตอบแทนเจ้าด้วยร่างกายไม่ได้เช่นนั้นก็จะมอบปิ่นทองนี้แทนคำขอบคุณ”
ไป๋เหม่ยเหมยเมื่อได้ยินก็พลันโบกมือปฏิเสธเป็นพัลวัน
"ไม่ต้องเจ้าค่ะ ข้าไม่หวังสิ่งตอบแทนเพียงอยากช่วยคนจากใจจริงก็เท่านั้น"
จินหยวนเหนียงยิ่งซาบซึ้งเข้าไปใหญ่ นางโผเข้ามากอดไป๋เหม่ยเหมยและซบใบหน้าเข้าไปที่หน้าอกนาง ก่อนจะเอ่ย
"เจ้าช่างนิสัยดีน่าคบหายิ่งนัก รักแรกพบของข้า"
ไป๋เหม่ยเหมยถึงกับยกมือขึ้นกุมหน้าผาก จินหยวนเหนียงถามไถ่ชื่อแซ่ของนางและสนทนาด้วยอีกครู่หนึ่งก็ขอตัวจากไป ก่อนจากยังบอกอีกว่าได้จดจำนางเอาไว้ขึ้นใจแล้ว ไป๋เหม่ยเหมยถึงกับเอ่ยวาจาใดไม่ออกทำได้เพียงยิ้มแห้งเท่านั้น
เมื่อจินหยวนเหนียงจากไปแล้วไป๋เหม่ยเหม่ยก็ไม่คิดจะรั้งอยู่ต่อ นางจูงเจ้าลูกหมีน้อยคิดจะพากลับจวน แต่กลับพบว่ามีใครบางคนกำลังเดินตรงเข้ามาหานาง
ชายหนุ่มผู้มาใหม่หน้าตาหล่อเหลาคมคาย เขาใช้ดวงตาคมมองนางสลับกับมองเจ้าลูกหมีน้อยของนางก่อนจะย่นหัวคิ้วเล็กน้อย แต่กลับไม่ไม่ได้เอ่ยสิ่งใด เขามองหน้านางอีกครา ก่อนจะค่อยๆเดินเข้ามาใกล้นาง ไป๋เหม่ยเหมยขยับถอยหลังหนี น่าแปลกที่เจ้าลูกหมีน้อยกลับไม่เห่าเขาและยังทำท่าทางเชื่อฟังอย่างน้อยนักจะพบเห็น
ไป๋เหม่ยเหมยเดินถอยร่นจนแผ่นหลังชนเข้ากับต้นไม้ นางเจ็บมาก หญิงสาวถลึงตาใส่ชายหนุ่มตรงหน้า แต่เขากลับส่งเสียงหัวเราะในลำคอ ก่อนจะเอ่ยกับนาง
“คุณหนูไป๋ช่างเก่งกาจยิ่งนัก ทำให้จวิ้นจู่หลงรักจนโงหัวไม่ขึ้นเชียว ความสามารถเป็นเลิศจริงๆ”
ไป๋เหม่ยเหมยเมื่อได้ยินก็ลอบบิดเบ้มุมปากตน เซวียหงเย่ เหตุใดข้าจึงรู้สึกว่าปากของท่านมันดูเราะรายกว่าชาติที่แล้วยิ่งนักเล่า
เมื่อเห็นว่าไป๋เหม่ยเหมยไม่ตอบ เซวียหงเย่ก็โน้มใบหน้าเข้ามาใกล้นาง พลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงหยอกเย้า
"คุณหนูไป๋งดงามชวนมองยิ่งนัก นี่สิ ภรรยาที่ข้าตามหา รอเจ้าเข้าพิธีปักปิ่นเรียบร้อยแล้ว ข้าจะมาสู่ขอเจ้า"
เอ่ยจบเขาก็หันหลังคิดจะเดินจากไป แต่ไป๋เหม่ยเหมยกลับเอ่ยรั้งเขาเอาไว้
"ช้าก่อน"
เซวียหงเย่หันกลับมามองนางและยิ้มมุมปาก
"มีอันใด หรืออยากจะแต่งตอนนี้เลย เจ้านี่รีบร้อนจริงนะ"
ไป๋เหม่ยเหมยยกมือขึ้นนวดหว่างคิ้ว นิสัยป่าเถื่อนไม่เห็นกฎระเบียบใดอยู่ในสายตาของเซวียหงเย่ยังคงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน
"ผู้ใดบอกว่าข้าจะแต่งงานกับท่าน เหลวไหลสิ้นดี!"
เซวียหงเย่ยิ้มอ่อนโยน แต่ทว่ารอยยิ้มนั้นกลับไปไม่ถึงดวงตา เขาเดินกลับมาหานางอีกคราพร้อมกับใช้นิ้วเรียวยาวของตนยื่นมาเชยปลายคางของนางให้เงยหน้าขึ้นมาสบตากับเขา
"ข้าอยากแต่งกับเจ้าก็ต้องได้แต่ง ต่อให้จะต้องพบกับความฉิบหายอีกคราก็ช่างมัน แต่ข้าต้องได้ตัวเจ้ามาอยู่ข้างกายข้า ผู้ใดคิดจะแย่งเจ้าไป ข้าจะให้มันอยู่ไม่สู้ตาย!"
เอ่ยจบเขาก็สะบัดชายแขนเสื้อเดินจากไปทันที ทิ้งให้ไป๋เหม่ยเหมยยืนอยู่กับเจ้าลูกหมีน้อยน้อยเพียงลำพัง นางมองตามแผ่นหลังของเขาไปด้วยแววตาที่วูบไหวคราหนึ่ง ในใจรู้สึกตื่นตระหนกขึ้นมาอย่างแปลกประหลาด
