บทที่ 5 งานเลี้ยง
ไป๋เหม่ยเหมยคร้านจะสนใจอีก นางจึงพาเจ้าลูกหมีน้อยกลับจวนไปอย่างรวดเร็ว
หลังจากที่นางเดินจากไปจนลับสายตาแล้ว เซวียหงเย่ที่ลอบยืนมองอยู่ไม่ไกลก็จากไปเช่นเดียวกัน
ชายหนุ่มกลับมาที่จวนกั๋วกง พลางทอดสายตามองขึ้นไปบนท้องฟ้า
ไม่น่าเชื่อว่าเรื่องที่แปลกประหลาดเช่นนี้จะเกิดขึ้นกับตัวเขา
ก่อนหน้านี้เขาถูกจินฟานสังหาร หลังจากนั้นก็ฟื้นขึ้นมาอยู่ในร่างตนเองตอนอายุยี่สิบปีอีกครั้ง ยามนี้ยังไม่ได้เกิดคลื่นลมใดทั้งสิ้น เมืองหลวงยังคงสงบสุขราบรื่นดี
ชาติก่อนแม่ทัพใหญ่ไป๋และตัวเขานั้นนับว่าเป็นพันธมิตรที่ดีต่อกัน แม่ทัพใหญ่ไป๋เป็นขุนนางที่จงรักภักดี และตั้งปณิธานแน่วแน่ว่าจะต้องสนับสนุนฮ่องเต้และองค์ชายใหญ่ให้ขึ้นเป็นฮ่องเต้องค์ต่อไป เพราะองค์ชายใหญ่คือบุตรที่เกิดจากฮองเฮา
แต่สุดท้ายแผนการกลับพังไม่เป็นท่าเพราะไป๋เหม่ยเหมยบุตรสาวของตนไปเข้าร่วมกับองค์ชายรองและลอบนำป้ายสั่งการทางทหารของบิดาไปมอบให้ชายคนรัก อีกทั้งนางยังลอบนำแผนการที่ตนล่วงรู้ทุกอย่างไปบอกแก่จินฟานด้วย
เหล่าทหารยึดป้ายทหารเป็นเจ้านาย ผู้ใดถือป้ายย่อมภักดีต่อคนผู้นั้น สุดท้ายแล้วพวกเขาล้วนพบกับจุดจบที่ไม่่น่ารื่นรมย์
ก่อนตายเขามองดูนางด้วยแววตาที่สิ้นหวัง สุดท้ายแล้วเขาไม่รู้ว่านางมีจุดจบเช่นไร แต่เขามั่นใจถึงสิบส่วนว่าคนเช่นจินฟานย่อมไม่มีทางเหลือทางรอดให้กับไป๋เหม่ยเหมย
ชายหนุ่มหลับตาลงช้าๆ ความรู้สึกที่มีต่อสตรีนางนั้นยังคงฝังลึกในจิตใจเขา ทั้งรักทั้งเกลียดชังในคราเดียวกัน มันเป็นความรู้สึกที่อธิบายเป็นคำพูดออกมาไม่ได้ เขาเกลียดชังในความดื้อรั้นและทะนงตนของนาง เกลียดในความยึดมั่นถือมั่นของนางที่มีต่อจินฟาน
นางไม่รักเขาก็ช่างเถิด ทว่าแม้แต่บิดาและคนในครอบครัวของตน นางก็ไม่รักอย่างนั้นหรือ?
ช่างตื้นเขินยิ่งนัก!
เซวียหงเย่ยกจอกสุราขึ้นดื่ม ก่อนจะยกยิ้มมุมปาก
ชาตินี้เขาจะทำทุกอย่างเพื่อขัดขวางไม่ให้นางเข้าใกล้จินฟาน แม้จะต้องขังนางเอาไว้ในจวนของเขาก็ตามที
ที่สำคัญชาตินี้จินฟานอย่าได้คิดจะรอดชีวิต!
ด้านไป๋เหม่ยเหมยนั้นหลังจากที่กลับมาถึงจวนก็จัดการผลัดเปลี่ยนอาภรณ์ตน นางให้อาจูพาเจ้าลูกหมีน้อยไปนอนเล่นที่ด้านหลังจวน นางให้คนใช้ทำบ้านหลังเล็กๆหลังหนึ่งให้กับเจ้าลูกหมีน้อยของนางเพื่อให้มันได้นอนเล่นตามใจตน
สายลมฤดูใบไม้ผลิพัดมาเป็นระลอก คำพูดของเซวียหงเย่กลับทำให้นางหวาดหวั่น ชาติที่แล้วแม้เขาจะปักใจรักนางแต่กลับไม่เคยแสดงท่าทีเช่นนี้ต่อนางเลยสักครา
หรือว่าเขา...
ความคิดชั่ววูบหนึ่งพลันปรากฎขึ้นมาในหัวของนางอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง ไป๋เหม่ยเหมยพยายามสงบสติตนเอง ยามนี้เรื่องที่นางต้องทำยังมีอีกมาก ย่อมไม่อาจเอาความคิดและจิตใจมาวุ่นวายอยู่กับคนเพียงคนเดียว
นางยกถ้วยชาขึ้นดื่มเพื่อดับกระหาย พลางครุ่นคิดว่าอีกไม่นานเมืองหลวงจะมีงานเลี้ยงสำคัญงานหนึ่งที่กำลังจะถูดจัดขึ้น
จวนตระกูลเจินจะจัดงานวันเกิดให้เสนาบดีเจิน
นางกับเจินหลิงกำลังจะได้พบกันอีกครา
บิดาของเจินหลิงรั้งตำแหน่งเสนาบดีกรมขุนนาง มีอำนาจมากมายในราชสำนัก อีกทั้งยังสามารถตรวจสอบขุนนางที่ประพฤติไม่ชอบได้อีกด้วย
สุดท้ายแล้วคนผู้นี้ก็ใช้อำนาจผลักดันบุตรสาวตนให้ขึ้นมาเป็นฮองเฮาได้สำเร็จ แม้กระทั่งเหยียบหัวตระกูลไป๋ของนางเขาก็ทำมาแล้ว
เจินหลิงเข้าหานางเพราะมีแผนการอยู่ก่อนแล้ว เจินหลิงและจินฟานมีความรักที่ลึกซึ้งต่อกัน เจินหลิงแกล้งเข้ามาตีสนิทและหลอกล่อจัดฉากให้นางได้สนิทสนมกับจินฟาน เมื่อได้สำเร็จตามแผนการก็จัดการถีบหัวนางส่งอย่างไม่ไยดี
ความแค้นนี้นางไม่มีวันลืมแม้เพียงสักคืนเดียว
ไป๋เหม่ยเหมยยกยิ้มมุมปากคราหนึ่ง งานเลี้ยงนี้ นางจะทำให้เจินหลิงอับอายจนแทบไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ใด!
เรื่องราวยังคงเป็นไปดั่งเช่นชาติก่อน สามวันต่อมาจวนเสนาบดีเจินก็ส่งเทียบเชิญมาที่จวนตระกูลไป๋ของนาง บอกว่าเชิญไปร่วมงานเลี้ยงฉลองวันเกิดของเขา งานนี้มีเหล่าขุนนางไปร่วมงานมากมาย แม่ทัพใหญ่ไป๋แม้ไม่อยากจะไปแต่กลับไม่อาจปฏิเสธได้ แม้ขุนนางฝ่ายบุ๋นและบู๊จะไม่ค่อยลงรอยกัน แต่หากเขาไม่ไปร่วมงานเลี้ยงก็อาจจะเกิดคำครหาเอาได้ จึงได้ไปร่วมงานนี้พร้อมภรรยาและบุตรของตนด้วย
ไป๋เหม่ยเหมยสั่งให้ข้ารับใช้ในจวนดูแลเจ้าหมีน้อยของนางให้ดี หลังจากแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยแล้วนางจึงนั่งรถม้าไปกับบิดามารดาและพี่ชายฝาแฝดทั้งสองคน หญิงสาวแต่งกายได้งดงามยิ่ง ดูน่ารักและเหมาะสมกับกาลเทศะเป็นอย่างมาก
นางจำได้ว่าเจินหลิงแพ้สมุนไพรชนิดหนึ่ง หากได้สูดดมหรือกินอาหารสิ่งใดที่มีส่วนผสมของสมุนไพรชนิดนั้นจะมีผื่นคันขึ้นตามตัว
มันคือชะเอม
จวนตระกูลเจินมีเจินหลิงเป็นบุตรสาวเพียงคนเดียว ทุกอย่างในจวนล้วนทำเพื่อนางทั้งสิ้น เสนาบดีเจินถึงกับออกคำสั่งห้ามให้บ่าวไพร่นำชะเอมเข้ามาในจวนเป็นอันขาด
ไป๋เหม่ยเหมยยกยิ้มมุมปาก วันนี้นางนำมันติดมือมาด้วย เผื่อว่าเดินเล่นรอบจวนตระกูลเจินแล้วรู้สึกเบื่อ จะได้หาโอกาศนำสมุนไพรนี่ไปหย่อนใส่เครื่องตุ๋นในจวนตระกูลเจินเพื่อแก้เบื่อสักหน่อย
ไม่นานนักรถม้าก็มาหยุดลงที่หน้าจวนตระกูลเจิน ไป๋เหม่ยเหมยก้าวลงมาจากรถม้าอย่างไม่รีบไม่ร้อน เพราะจวนตระกูลไป๋มีหน้ามีตาและอำนาจทางการทหารผู้คนจึงให้ความสำคัญ แม้ในใจจะลอบดูแคลนไป๋ฮูหยินผู้นี้อยู่ในใจก็ตาม ได้ยินว่านางมาจากบ้านนอก แต่เพราะมีวาสนาจึงได้แต่งกับแม่ทัพใหญ่ไป๋ จึงมีหน้ามีตาในแวดวงชนชั้นสูงเช่นนี้
ฮูหยินใหญ่ตระกูลไป๋เองก็คร้านจะสนใจสายตาที่มองมาของสตรีเหล่านั้นเช่นเดียวกัน คิดว่านางอยากมานักหรือไร นางอยากจะนอนดื่มสุราอยู่ที่จวนไม่อยากมาเสียหน่อย
แต่ถึงอย่างนั้นนางก็ยังต้องคำนึงถึงหน้าตาของสามีตน จึงเดินไปสนทนากับเหล่าฮูหยินจวนอื่น ไป๋หลงและไป๋หลางก็แยกตัวไปพูดคุยกับสหา ยตน ส่วนไป๋เหม่ยเหมยนั้นก็ไปพุดคุยสนทนากับสหายของตนเช่นเดียวกัน
สหายของนางนั้นเป็นคุณหนูจากจวนขุนนางเช่นเดียวกัน แต่มีเพียงหลินจื่อหยาที่เป็นสหายรักที่นางสนิทสนมด้วยมากที่สุด
จำได้ว่าชาติก่อนหลินจื่อหยานั้นถูกบิดามารดาพาย้ายออกจากเมืองหลวงไปใช้ชีวิตที่ชนบท บิดานางลาออกจากตำแหน่งไม่ขอยุ่งเกี่ยวกับราชสำนัก ทั้งที่ตนเองก็เป็นถึงเสนาดีกรมพระคลัง แต่เพราะถูกจินฟานบีบคั้นและต้องการรักษาชีวิตบุตรสาวและคนในตระกูลหลิน เขาไม่อยากส่งหลินจื่อหยาเข้าวังไปเป็นพระสนมและไม่อยากให้บุตรสาวต้องไปใช้ชีวิตอยู่ในวังวนการแก่งแย่งในวังหลัง จึงขอลาออกจากตำแหน่งไปเสีย
จินฟานเห็นว่าเขาคงไม่อาจก่อคลื่นลมใดให้ตนได้ จึงยอมปล่อยไป
แต่ผู้ใดจะรู้ สามวันต่อมาไป๋เหม่ยเหมยกลับได้ทราบข่าวว่าตระกูลหลินถูกโจรป่าลอบสังหารระหว่างทาง ไป๋เหม่ยเหมยส่งเสียงเหอะออกมา โจรป่าอันใดกัน จินฟานเบื้องหน้าทำตนมีเมตตา แต่ลับหลังกลับลอบส่งคนไปสังหารตระกูลหลินทั้งหมด
"อาเหม่ยเจ้ามาแล้วหรือ ข้าเบื่อจะสนทนากับสตรีพวกนั้นจะแย่แล้ว เจ้ามาก็ดี"
หลินจื่อหยาเดินเข้ามาจับมือไป๋เหม่ยเหมยอย่างสนิทสนม ไป๋เหม่ยเหมยยิ้มให้สหาย สตรีทั้งสองเอ่ยสนทนาสิ่งใดกันไปเรื่อยเปื่อย
งานเลี้ยงดำเนินต่อไปเรื่อยๆเหล่าขุนนางที่มาร่วมงานเลี้ยงต่างมอบของขวัญมีค่าให้แก่เสนาบดีเจินเพื่อเอาอกเอาใจ อีกทั้งฝ่าบาทยังทรงพระราชทานของขวัญมาให้ด้วย โดยให้ขันทีในวังหลวงเป็นตัวแทนพระองค์นำของขวัญมาส่งมอบให้ถึงจวน
งานเลี้ยงนี้เซวียหงเย่ก็มาร่วมด้วย อีกทั้งเหล่าองค์ชายก็มาร่วมงานเลี้ยงนี้ด้วยเช่นกัน
เมื่อได้พบกับจินฟานอีกครา ไป๋เหม่ยเหมยก็ลอบกำมือแน่น ดวงตางามฉายแววเย็นชา จินฟานคล้ายรับรู้ได้ว่ามีใครบางคนกำลังจ้องมองตนอยู่ แต่เมื่อเขาหันไปมองโดยรอบกลับไม่พบสิ่งใด พบเพียงแต่สตรีนางหนึ่งที่แต่งกายงดงามเป็นอย่างมาก ใบหน้าของนางเป็นรูปไข่ ดวงตากลมโต ช่างงดงามหาใดเปรียบ เขาจำได้ว่านางคือบุตรสาวของแม่ทัพใหญ่ไป๋ เขาเคยพบนางตอนที่บิดานางพานางเข้าวังมาร่วมงานเลี้ยง แต่ยามนั้นนางยังเยาว์นัก ไม่คิดว่าผ่านไปเพียงไม่นานกลับเติบโตเป็นหญิงงามโฉมสะคราญถึงเพียงนี้
ความคิดหนึ่งพาดผ่านเข้ามาในหัวของจินฟานไป
สตรีนางนี้นับว่าเป็นดาวนำโชคของเขายิ่งนัก
ไป๋เหม่ยเหมยแสร้งทำเป็นมองไม่เห็นสายตาที่จินฟานมองมายังตน นางลอบดูแคลนเขาอยู่ในใจ คนชั่วผู้นั้นคิดจะลงมือกับนางแล้วสินะ
ภายในงานนั้น เจินหลิงบุตรสาวของเสนาบดีเจินนั้นออกมาต้อนรับแขกอย่างเป็นกันเอง มีแต่คนชมว่านางรู้งานและเป็นหน้าเป็นตาให้บิดาได้อย่างดี เจินหลิงยิ้มเล็กน้อย แต่ว่าในใจกลับบีบรัด
นางเห็นแล้วว่าจินฟานลอบมองไป๋เหม่ยเหมย
นางและเขามีความรู้สึกอันดีต่อกันมาได้ระยะหนึ่งแล้ว แต่ยังไม่ได้แสดงท่าทีให้คนนอกรับรู้มากนัก อีกทั้งเขายังบอกว่ารักนางอย่างลึกซึ้ง เมื่อเห็นว่าเขามองไป๋เหม่ยเหมยนางก็ไม่ชอบใจนักแต่จำต้องเก็บท่าทีเอาไว้
เหล่าคุณหนูในเมืองหลวงล้วนเคยพบเจอเห็นหน้าค่าตากัน หากบอกว่านางงามล่มเมือง ไป๋เหม่ยเหมยก็งามกว่าสตรีใดในเมืองหลวง นางและไป๋เหม่ยเหมยมักจะถูกเปรียบเทียบกันอยู่เสมอ
ไป๋เหม่ยเหมยยกยิ้มมุมปาก ท่าทีไม่ชอบใจของเจินหลิงที่แสดงออกมานั้นล้วนอยู่ในสายตาของนางทั้งสิ้น
"จื่อหยา ข้ารู้สึกปวดเบายิ่งนัก ขอตัวสักครู่"
"ได้ๆ เรียกให้สาวใช้จวนตระกูลเจินนำทางไปเถิด หรือให้ข้าไปเป็นเพื่อนเจ้าดี"
"ไม่เป็นอันใด อีกเดี๋ยวข้าจะรีบกลับมา"
"ได้"
ไป๋เหม่ยเหมยเอ่ยจบก็รีบเดินไปหาสาวใช้ของจวนตระกูลหลิงและบอกว่านางอยากไปทำเรื่องส่วนตัวของสตรี สาวใช้น้อยรู้งานยิ่งจึงรีบนำทางนางไปทันที ไป๋เหม่ยเหมยลอบจดจำเส้นทางเอาไว้ในใจเพื่อหาทางหนีทีไล่ ด้านสาวใช้น้อยนางนั้นเพราะมีงานต้องจัดการอีกมากจึงไม่ได้อยู่ดูแลไป๋เหม่ยเหมยต่อ
ไป๋เหม่ยเหมยบอกสาวใช้น้อยว่าไม่เป็นอันใดนางจำทางได้แล้ว สาวใช้น้อยผู้นั้นจึงจากไปอย่างวางใจ
เมื่อคนไปแล้ว ไป๋เหม่ยเหมยก็รีบตรงไปยังโรงครัวของจวนตระกูลเจินทันที ยามนี้โรงครัวไม่ค่อยมีคนพลุกพล่านเท่าใดนัก ไป๋เหม่ยเหมยระวังตัวยิ่ง นางไม่กล้าทำสิ่งใดส่งเดชเพียงมองดูสถาณการณ์ รอเวลาอยู่นานเมื่อเห็นว่าหนทางสะดวกแล้ว นางจึงลอบเดินตรงไปที่หม้อต้มอาหาร แต่ทว่าไป๋เหม่ยเหมยกำลังก้าวเดินไปได้เพียงไม่กี่ก้าว กลับมีใครบางคนเขามาดึงตัวนางเข้าไปหลบหลังโรงครัว เมื่อไป๋เหม่ยเหมยเห็นหน้าคนผู้นั้นชัดเจน ก็ถึงกับเอ่ยวาจาใดไม่ออก
เซวียหงเย่ เหตุใดจึงเป็นเขา!
