แรกพบ 1
เทียนจื่อซานเป็นบุรุษที่ดีคนหนึ่งในความเห็นของ
พี่น้องที่ตามติดกันมานาน เรื่องความรักที่ไม่สมหวังนี้คงบอกได้แต่เพียงว่าเขาโชคร้าย หากหญิงที่หมายตาไม่ได้เอาแต่พิศวาสใจกับชายชั่วก็ออกเรือนมีคู่ครองแล้ว ประสบการณ์ที่ได้คบหานั้นเป็นศูนย์ เพราะอกหักตั้งแต่เริ่ม
วันนี้เองก็เช่นกัน หรือพวกเขาควรเข้าวัดแล้วสวดภาวนาให้ฟ้าส่งใครสักคนมาดามหัวใจน้อย ๆ ของหัวหน้าพวกตนบ้าง
ระหว่างที่คิดไร้สาระกันอยู่ ตัวของเทียนจื่อซานก็ไหลพรืดลงจากเก้าอี้ไปกองที่พื้นเพราะซดเหล้าเหมือนน้ำเปล่าจนเมาแอ๋
“ลูกพี่!”
“แย่แล้ว ตัวเขาหนักอย่างกับควายป่า ข้าไม่แบกนะ พวกเจ้าจัดการแล้วกัน”
“ลูกพี่รองพูดอะไรไม่ดูตัวเองเลย ในที่นี้ถ้าจะมีใครแบกเขาได้ก็ท่านนั่นแหละ”
“ข้าขี้เกียจ” เสวียนหรงสะบัดหน้า โบกมือปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใย
“ให้เจ้าน้องเล็กแบกไปแล้วกัน”
เกาเฟิงชุนสำลักก่อนจะปล่อยแก้วเหล้าหลุดมือ
“นี่เป็นการทารุณกรรมน้องเล็กอย่างข้าหรือเปล่า?”
“ไปต่อร้านสองกันเถอะ!”
“โอ้!”
คำพูดของเกาเฟิงชุนไม่มีใครสนใจ สุดท้ายพวกเขาก็หิ้วปีกกันไปต่อร้านสองทั้งแบบนั้น
คนพึ่งเผชิญเหตุการณ์เจ็บปวดหัวใจมาเมื่อวานไม่สามารถกลายเป็นเทพเซียนได้ในชั่วข้ามคืน ฉะนั้นต่อให้ร้องไห้จนน้ำท่วมโรงเตี๊ยมก็ต้องลากสังขารมารับงานที่หอคุ้มภัยอยู่ดี
“ท่านหัวหน้า มีงานใหม่เข้ามาจะรับหรือไม่เจ้าคะ?” หญิงสาวที่ประจำอยู่จุดให้บริการเดินมาหา
เทียนจื่อซานมองเลยนางไปจนเห็นหญิงสาวท่าทางมีฐานะคนหนึ่ง นางมากับสาวใช้แล้วกำลังมองมาทางนี้ด้วยเช่นกัน เขารับใบภารกิจมาอ่านคร่าว ๆ แล้วมองจำนวนเงิน
ราคานี้ไม่เลวสำหรับระยะทางที่จะไป
“ตกลง”
“เช่นนั้นไปทางนั้น พุดคุยกับลูกค้าหน่อยไหมเจ้าคะ”
เทียนจื่อซานลุกตาม ค้อมตัวลงต่ำกว่าตามมารยาท ถึงจริง ๆ จะไม่ต้องทำถึงขนาดนี้ แต่หากอีกฝ่ายเป็นขุนนางคงบอกว่าเขาทำตัวไร้มารยาทแล้วอาละวาดร้านพัง
“เงยหน้าขึ้นเถอะ ไม่ต้องนอบน้อมกับข้ามาก”
“คุณหนู!”
“ข้าไม่ใช่ลูกสาวขุนนางหรือเชื้อพระวงศ์จากไหน
แค่บุตรสาวพ่อค้าธรรมดา เจ้าจะกดขี่เขาให้ได้อะไร”
“ขออภัยเจ้าค่ะ ข้าไม่เอ่ยแทรกแล้ว” เสี่ยวลี่ก้มหน้าถอยไปอยู่ด้านหลังอย่างสำรวม ถึงนางจะหวังดีรักษาเกียรติของเจ้านาย แต่ทำเกินไปหน่อย และนี่ยิ่งไม่ใช่สิ่งที่
กู้หลินฟางต้องการอีกด้วย
คุณหนูใหญ่หันกลับมามองคนที่อยู่ตรงหน้า
“ฝากตัวด้วยนะ”
“แน่นอนขอรับ” อีกฝ่ายตอบรับกลับมาพร้อมรอยยิ้มอย่างไว้ไมตรี
“ออกเดินทางได้เร็วแค่ไหน”
“ตามที่คุณหนูต้องการ”
“งั้นพรุ่งนี้เช้าเจอกันที่หน้าประตูเมืองนะ” นางเสร็จธุระแล้วก็หันกายจากไป
หลังนางออกมาพ้นประตูร้านก็มีเสียงโวยวายอะไรสักอย่างตามมาพร้อม ๆ กับเสียงโครมคราม หญิงสาวไม่ได้สนใจมันมากนัก นางเสร็จธุระที่นี่แล้วก็กลับคฤหาสน์ตนเอง
สำนักคุ้มภัยมักตั้งอยู่ใกล้ประตูเมือง เพราะลูกค้าส่วนใหญ่ต้องการหาคนคุ้มกันเวลาเดินทาง ห่างอย่างมากก็อยู่ระหว่างประตูเมืองกับใจกลาง และแน่นอนพื้นที่อยู่อาศัยสัมพันธ์กับรายได้ คนมั่งมีจึงไม่นิยมอาศัยอยู่แถวนี้
ยามกู้หลินฟางเดินกลับก็ต้องผ่านย่านชุมชนแออัดเช่นกัน
ทั้งที่ไม่ได้ตั้งใจจะไปหาเรื่องใครที่ไหน แต่ก็ห้ามให้คนอื่นมาหาเรื่องตัวเองไม่ได้
“ใครกันล่ะเนี่ย คุณหนูกู้ผู้สูงศักดิ์มาทำอะไรที่ตลาดเล็ก ๆ กันล่ะ”
“สวัสดีคุณชายเฉียว” นางทักกลับตามมารยาทแล้วเดินเลยไป
“เดี๋ยวสิ เดี๋ยว! คิดจะเมินกันไปแบบนี้ก็ได้เลยรึ!” ชายหนุ่มคนนั้นพยายามจะคว้าแขนนาง แต่ก็โดนสะบัดออก
“ยังมีอะไรต้องพูดอีกเล่า หรือต้องให้ข้าพูดยกยอชื่นชมท่านจนตัวลอยไปถึงสวรรค์ก่อนถึงจะผ่านถนนเส้นนี้ได้” นางปรายตามองอีกฝ่ายตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างโจ่งแจ้ง จะไร้สมองแค่ไหนก็รู้ตัวว่าโดนดูถูก
