บทย่อ
ทั่วทั้งแคว้นอ้ายคงมีเพียงบุรุษเช่นหัวหน้ากลุ่มต้าหยางเท่านั้นที่ยอมแต่งเข้าบ้านภรรยา เพราะนั่นมันเท่ากับว่าเขายอมอยู่ใต้บารมีของภรรยา และยอมให้ภรรยาเป็นใหญ่ ทว่าบุรุษที่อกหักมาสิบครั้งอย่างเขา ไม่อยากจะอกหักเป็นครั้งที่สิบเอ็ดแล้วนี่นา อีกทั้งคุณหนูใหญ่กู้หลินฟางเองก็ใจตรงกัน เรื่องธรรมเนียมอะไรนั่นก็ช่างมันเถิด เทียนจื่อซานแทบจะถูกเรียกว่าเป็นบุรุษอาภัพในรัก ด้วยเพราะเวลาไปเกี้ยวสตรีบ้านไหน จุดจบก็หนีไม่พ้นการถูกปฏิเสธ จนกระทั่งเขาได้มาเจอกับกู้หลินฟาง ไม่แน่ใจว่าเป็นเมตตาจากท่านเทพบนสวรรค์ หรือเทพมารต้องการให้เขาทำลายสถิติอกหักอีกครั้งกันแน่ แต่เขา... เทียนจื่อซานไม่ขอยอมแพ้ และจะเกี้ยวคุณหนูใหญ่กู้หลินฟางอีกสักครั้ง
ไปดูตัว
“สตรีอย่างเจ้าอย่างไรก็หาคนแต่งด้วยไม่ได้หรอก!
ดีแค่ไหนที่ข้ายอมมาดูตัวด้วย ยังจะมาดูถูกข้าอีก!” บุรุษผู้หนึ่งตบโต๊ะเสียงดังด้วยความโมโห
หญิงสาวที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามมุ่นคิ้ว นางสะบัดพัดเก็บตบลงกลางฝ่ามือ
“ใครกันแน่ที่ดูถูกกัน ข้าเป็นสตรีทำการค้าแล้วอย่างไร เจ้าเป็นใครถึงมีสิทธิ์มาดูแคลนข้า หรือตระกูลของข้า!”
“คุณหนูกู้~ ท่านก็น่าจะรู้ว่าที่นี่แคว้นอ้าย รอบ ๆ นี้มีสักกี่แคว้นที่ยกย่องสตรีอย่างท่าน~”
เจ้าคนหยาบคาย!
“ขอบคุณคุณชายที่สละเวลา ข้าคงไม่รบกวนเวลาไปมากกว่านี้แล้ว”
กู้หลินฟางยืนขึ้นเต็มความสูง เดินออกมาจากห้องโดยไม่สนใจอีกฝ่าย มีเสียงเรียกตะโกนไล่หลังมา แต่นางก็หาได้หันหลังกลับไป
เมื่อออกมาพ้นร้านน้ำชา สาวใช้คนสนิทก็เอ่ยกับนางด้วยความอึดอัดใจ
“คุณชายคนนั้นนิสัยแย่เกินไปแล้วนะเจ้าคะ”
“ใช่เจ้าค่ะ ดีจริง ๆ ที่คุณหนูไม่ได้เกี่ยวดองกับคนแบบนั้น ขืนแต่งกันไปก็คงดูถูกดูแคลนคุณหนูทุกวันแน่”
กู้หลินฟางถอนหายใจ เหมือนนางเกิดมาผิดยุคผิดสมัย หรือไม่ก็ผิดแผ่นดิน ความคิดอ่านถึงได้ไปคนละทางกับคนแถวนี้
“ช่างเถอะ อาจจะไม่มีคนแบบนั้นที่แคว้นนี้ก็ได้” นางหมายถึงว่าที่คู่ครองที่เหมาะสมกับตน ถึงจะพูดเหมือนไม่รู้สึกอะไรอย่างนั้น แต่นางก็ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้อยู่ลึก ๆ เช่นกัน
กู้หลินฟางเป็นบุตรีในตระกูลพ่อค้า ด้วยการเลี้ยงดูมาอย่างทัศนคติของผู้สืบทอด นางต้องหาบุรุษมาแต่งงานด้วย และต้องเป็นการแต่งเข้าเท่านั้น ซึ่งแนวคิดนี้ยังไม่ค่อยแพร่หลายในแคว้นอ้าย ตอนวัยแรกปักปิ่นนางคิดว่าอีกฝ่ายจะเป็นใครก็ได้ทั้งนั้น แต่จากเรื่องที่ผ่านมาแสดงให้เห็นแล้วว่ามันล้มเหลว
หญิงสาวก็มีความสามารถไม่ด้อยไปกว่าบุรุษ บิดาให้ความรักและคาดหวัง ให้ความรู้แบบที่ผู้นำตระกูลควรมี
แต่ดูเหมือนความคิดเช่นนี้ก็ยังไม่เป็นที่ยอมรับพอ ๆ กับที่จะให้บุรุษแต่งเข้า พวกชาวเมืองไม่ได้มีปัญหาเมื่อกล่าวถึงเรื่องเช่นนี้ เพราะว่าเป็นเรื่องของคนอื่น แต่หากจะให้บุตรชายตนเองแต่งเข้ามาอยู่ใต้อิทธิพลภรรยาก็แสดงออกชัดเจนว่า ยอมรับไม่ได้กันทั้งนั้น
“ข้าทำท่านพ่อผิดหวังแล้ว”
“โธ่คุณหนู คุณหนูไม่ผิดเสียหน่อยเจ้าค่ะ คนพวกนั้นดูถูกเรา ยอมไม่ได้นะเจ้าคะ”
“ช่างเถอะ ๆ พูดถึงไปก็อารมณ์เสีย ซื้ออะไรหน่อยค่อยกลับบ้านแล้วกัน”
“ล้มเหลวรึ?”
“พังไม่เป็นท่าเลยเจ้าค่ะท่านพ่อ”
ประมุขตระกูลพรูลมหายใจออกมาเฮือกใหญ่
กู้หยวนเป็นคนแคว้นอ้าย แต่ก็ไม่เหมือนคนแคว้นอ้าย เขาเกิดที่นี่ แต่เติบโตอยู่บนเรือสำเภา ไปมาหลายทวีป เจอผู้คนหลากหลาย พอบิดามารดาเข้าสู่วัยบั้นปลายจึงกลับมาบ้านเกิดที่กู้หยวนมีความทรงจำเพียงผิวเผิน
เขารู้ว่าที่แห่งนี้สตรียากจะโดดเด่นในฐานะผู้นำ แต่ก็นึกไม่ถึงว่าจะขนาดนี้
ถ้ารู้ว่าจะเป็นเช่นนี้จนลูกสาวข้าโตก็ยังไม่เปลี่ยนคงพานางไปเรียนรู้บนเรือเสียนานแล้ว
“หรือลูกลองมองหาบุรุษจากเมืองอื่นไว้ดีหรือไม่”
กู้หยวนก็จนใจแล้วเช่นกัน
“ลูกยังไม่รีบร้อนหรอกเจ้าค่ะท่านพ่อ เรื่องนี้ค่อย ๆ คิดไปก็ได้ ว่าแต่เรื่องการเปิดเส้นทางการค้าใหม่จะเอาอย่างไรดีเจ้าคะ”
“เรื่องนั้นพ่อให้ลูกจัดการแล้วกัน”
“ทราบแล้วเจ้าค่ะ ลูกจะรีบหาวันเดินทาง”
สองพ่อลูกเงียบลงครู่หนึ่ง กู้หยวนมองหน้าบุตรสาวจนนางรู้สึกตัว บิดาทำสีหน้าลำบากใจก่อนเอ่ยออกมา
“หลินเอ๋อร์ เรื่องคู่ของลูกไม่จำเป็นต้องเป็นคนที่มีฐานะใกล้เคียง หรือผลประโยชน์ร่วมกันเท่านั้นหรอกนะ
ถึงมีแล้วมันจะส่งผลต่อธุรกิจให้มากกว่า แต่ตระกูลกู้ไม่ได้ไร้หนทางเพียงเพราะเรื่องแค่นั้น เรามีดีกว่านั้นมากมาย คิดถึงความสุขและความต้องการของตัวเองเข้าไว้เถอะ”
“...” กู้หลินฟางชะงักนิ่งไปก่อนจะเผยรอยยิ้มน้อย ๆ “ทราบแล้วเจ้าค่ะ ลูกจะจำไว้”
เมื่อคุยธุระเสร็จแล้วนางก็ออกมาจากห้องหนังสือ
กู้หลินฟางเดินผ่านเรือนใหญ่จะกลับเรือนนอนของตัวเอง ขณะนั้นก็มีสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กกว่าพุ่งเข้ามาหา
นางก้มมองเด็กหญิงตัวน้อย

