บทที่ 4 อย่าหาเรื่อง
อารมณ์ดีใจที่เห็นหน้าคนที่รักมันหายไปหมดแล้ว ตั้งแต่วันที่ฉันบอกว่าหมั้นเขาก็เหมือนว่าจะเปลี่ยนเป็นคนละคนทั้งนิสัยที่เลวขึ้น นิ่งขึ้นรวมไปถึงโหดขึ้น ไม่เคยพูดจาดีๆ กับฉันสักครั้งเดียวหรือว่าฉันคิดไปเองก็ไม่รู้
“เพื่อนเล่นเหรอเมญ่า?”
ผมยอมรับว่าเมญ่าสวยสะดุดสายตาทั้งรูปร่างที่เพรียวบางสวยจนเป็นที่อิจฉาของผู้หญิงคนอื่นๆ ผิวขาวเนียนทั่วร่างกายบ่งบอกว่าเธอบำรุงรักษาอย่างดีด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่และครีมบำรุงราคาแพง ยิ่งเมื่อผมจ้องมองลึกเข้าไปยังนัยน์ตาสีน้ำตาลแดงที่เป็นเอกลักษณ์เพราะมันสะดุดตามากกว่าส่วนไหนเป็นพิเศษไม่รู้สิผมชอบตาของเธอ
ย้ำว่าชอบแค่ตาเท่านั้นส่วนนิสัยที่ต่างจากรู้ร่างหน้าตาราวฟ้ากับเหว ตั้งแต่เด็กเธอเป็นคนชอบเอาแต่ใจมาก มากจนผมไม่สามารถอธิบายได้หมดอยากได้อะไรก็ต้องได้ไม่สนว่าใครจะเสียใจหรือมองการกระทำของเธอว่ามารยาทเสีย จนถึงวันที่ต้องไปเรียนต่อต่างประเทศเธอไปกลับเป็นว่าเล่นไม่สนว่าค่าเครื่องบินมันเท่าไหร่รวมไปถึงค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่ผมรู้ก็เพราะทุกครั้งที่บินมาเมญ่าจะโผล่หัวมาหาผมทุกครั้งจนกระทั่งเมื่อสองสามปีที่แล้วตั้งแต่วันนั้น เธอก็หายไปพอรู้ข่าวอีกครั้งเมญ่าก็มาบอกว่าได้หมั้นกับไอ้ซันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“…”
“เตือนอย่าหาเรื่องเข้าตัว”
นี้ฉันผิดเหรออยู่ๆ เดินมาจะเข้าห้องตัวเองแต่ก็มีมารมาผจญหาเรื่องทั้งๆ ที่ฉันไม่ได้ไปหาเรื่องเขาก่อนด้วยซ้ำไป
“ใครกันแน่ ฉันเดินมาดีๆ นายมาขวางเอง!”
ไม่กลับ!
เสียงที่พูดในใจ ฉันตั้งใจสบสายตาสีเหลืองทองอย่างแน่วแน่โดยไม่เกรงกลัวอะไรเพราะว่าชินแล้วมั้งถึงกล้าหาญชาญชัยแบบนี้ ถ้าเป็นคนอื่นๆ ป่านนี้ก็คงเผ่นหนีไปเรียบร้อยแล้ว
ตอนเด็กโจเนสเป็นคนที่ฉันสนิทมากที่สุดเลยก็ว่าได้จากนั้นความที่ฉันคิดเกินเพื่อนก็ค่อยๆ ทำให้เราห่างกันไปทีละนิดๆ จนครั้งสุดท้ายที่ได้เจอกันก็คงเป็นสองสามปีก่อนหน้านั้น ถึงฉันจะไปเรียนที่ต่างประเทศเป็นเด็กนอกที่ชอบงานปาร์ตี้มากแต่มันก็แค่นั้นในเมื่อกลับมาคอนโดโลกของฉันก็เงียบเหงามากยิ่งกว่าป่าช้าเสียอีก
กระทั้งฉันบินกลับมาเมืองไทยอีกครั้งและครั้งนั้นมันก็มีจุดมุ่งหมายโดยไปสารภาพรักกับโจเนสรู้ไหมว่าคำตอบที่ฉันได้จากคนใจร้ายคนที่ยืนตรงหน้าว่าอะไร
เราไม่สามารถรักกันได้...
มันไม่ใช่คำปฏิเสธแต่รู้ไหมว่าใจของฉันมันเจ็บปวดยิ่งกว่าการปฏิเสธเสียอีก หลังจากวันนั้นฉันก็ไม่มาเจอหน้าเขาอีกเลยไม่บินมาเมืองไทยอีกแม้จะคิดถึงเขามากเพียงไหนก็ตามแล้วในตอนนี้ฉันก็ยังลืมโจเนสไม่ได้ถึงได้ลองเสี่ยงอีกสักครั้งไง
“…”
“หรือจะให้พูดดีๆ นายมันเสือก!”
ตึก!
แล้วก็เหมือนว่าโลกมันหมุนเคว้งคว้างไปชั่วขณะแต่ความรวดเร็วมันยังมีผลให้ฉันหลับสายไปเพราะปฏิกิริยาของร่างกายที่กดดันให้ฉันทำแบบนั้นมั้งจนกระทั่งมารู้สึกตัวอีกทีก็คราวที่ความเจ็บปวดโลดแล่นเข้าสู้แผ่นหลังของฉันนั้นแหละ
เจ็บปวดรวดร้าวไปถึงกระดูกสันหลังที่ไม่รู้ว่ามันจะหักหรือซ้ำมากแค่ไหนที่อยู่ๆ ถูกกระทบกับต้นไม้แบบนี้อีกทั้งยังมีร่างกายใหญ่ประชิดตัวฉันแบบใกล้มากจนลมหายใจอุ่นๆ เป่ารดใบหน้าของฉันเองอยู่เนื่องๆ
“มาทำไม เธอมาทำอะไรกันแน่เมญ่า!”
ยิ่งสายตาคาดครั้นของโจเนสจากนัยน์ตาสีเหลืองทองแต่ทว่าตอนนี้มันกลับกลายเป็นสีของเปลวไฟที่คอยทำลายล้างทุกอย่างที่อยู่ตรงหน้าซึ่งนั้นมันก็คือฉันเอง
“…”
ความเงียบที่ได้จากฉันทำให้มือแกร่งที่จับข้อมือของฉันอยู่แน่นค่อยๆ บีบโดยการทุ่มแรงไปยังข้อมือของฉันหมดจนความเจ็บปวดเข้ามาเล่นงานมากขึ้นแรงขึ้นเป็นหลายเท่าตัว
“ตอบ” ไม่สนแล้วว่าคนอย่างเธอจะเจ็บปวดเจียนตายมากแค่ไหนยังไม่ผมก็ไม่ได้เข้าไปเจ็บอะไรด้วยซ้ำไป “จะว่าเสือกก็ได้ยอมรับวะ!”
