บท
ตั้งค่า

บทที่ 3

หลินซือซือหารู้ไม่ว่า อวี๋เยว่ฝูเพียงเกลี้ยกล่อมตนไว้ ก็เพื่อใช้เหตุการณ์ครั้งนี้ผลักลู่ฉ่างให้ตกสู่ความลำบาทเท่านั้น

เมื่อเห็นว่าลู่ฉ่างถูกลู่หวยสี่กักตัวไว้ในศาลบรรพชนแล้วเรื่องนี้ก็เงียบหาย อวี๋เยว่ฝูจึงเชิญน้าชายและท่านตาของหลินซือซือมาอีก แล้วถึงกับเรียกหัวหน้าตระกูลลู่มาด้วย เอ่ยว่าจำต้องลงโทษคนร้าย เพื่อตัดสินความเป็นธรรมให้หลินซือซือ

ส่วนอวี๋เหวินหมิง ผู้เป็นน้องชายของอวี๋เยว่ฝูและน้าชายของหลินซือซือนั้น ถึงกับเสนอหน้าออกมาด้วยความโมโห กล่าวว่าหากมิได้จัดการโดยยุติธรรม เขาจะไปที่ไห่หนิง เรียกคนทางตระกูลหลินมาด้วย…

บรรดาผู้ใหญ่ทั้งหลาย รวมถึงท่านตาของหลินซือซือ ต่างเห็นพ้องกันว่าควรให้ลู่ฉ่างและหลินซือซือแต่งงานกันเสีย แต่เพราะหลินซือซือยังไงก็ไม่ยอม สุดท้ายจึงทำได้เพียงลงโทษลู่ฉ่างเท่านั้น

ลู่ฉ่างถูกลงโทษด้วยกฎหมายตระกูล โดนโบยจนปางตาย จากนั้นถูกขับออกจากจวน เดินทางไปยังทิศตะวันตกเฉียงเหนือ

หากมิได้รับพระบัญชา มิอาจกลับสู่เมืองหลวง หากได้รับคำสั่งท่านพ่อ ย่อมมิอาจเหยียบย่างเข้าสู่จวนอีก

ส่วนตำแหน่งผู้สืบทอดของจวนแม่ทัพเจิ้งกั๋วนั้น ย่อมเป็นไปไม่ได้ที่จะเป็นของเขาอีกต่อไป

ส่วนชุนอวี่ปกป้องเจ้านายไม่ดี ถูกอวี๋ซื่อขายตัวไปอย่างไร้ความปรานี

อวี๋ซื่อยังได้ให้เหริ่นตง ซึ่งเป็นสาวใช้ข้างกายตน ให้ไปอยู่รับใช้แทน

แม้เรื่องจะถูกจัดการเรียบร้อยแล้ว ทว่ากลับเหลือเพียงซากความวุ่นวายเกลื่อนกลาด

หลินซือซือในใจทั้งหวาดหวั่นปนกังวล ทว่ายังมีความคาดหวังอยู่บ้าง

แม้จะเป็นสตรีที่ชื่อเสียงเสียหายแล้วก็ตาม แต่ท่านพี่รองก็เอ่ยไว้ว่าย่อมจะแต่งงานกับนางแน่นอน

ยิ่งไปกว่านั้น ท่านพ่อท่านแม่ล่วงลับไป ก็ยังเหลือสินเดิมก้อนใหญ่ไว้ให้นาง

ท่านแม่ของนางคิดการณ์ไกล ตั้งแต่ตอนที่หลินซือซือเข้าเมืองหลวงใหม่ ๆ ก็ได้ซื้อที่ดินไว้มากมายในเมืองหลวง ไม่ว่าจะเป็นเรือน ท้องนา ร้านค้า อีกทั้งเงินทองที่ฝากไว้ในโรงรับจำนำยังมากถึงหนึ่งแสนตำลึง…

แม่นมจางเห็นว่าหลินซือซือดื้อรั้นอยู่อย่างนี้ ก็ได้แต่ถอนหายใจเบา ๆ

“ท่านน้า วันนี้ท่านพี่รองไม่อยู่ในจวนหรือเจ้าคะ?”

หลินซือซือเอ่ยถามฮูหยินอวี๋ด้วยน้ำเสียงหวาด ๆ ตั้งแต่ลู่ฉ่างผู้เป็นคุณชายใหญ่ออกจากเมืองหลวง ลู่ซวี่ก็เริ่มหลบเลี่ยงนาง

ยังไม่ทันที่อวี๋เยว่ฝูจะเอ่ยตอบ ลู่ซานซาน ลูกสาวของอวี๋เยว่ฝู ก็เหลือบมองหลินซือซือด้วยหางตา และแทรกขึ้นว่า

“พี่สาว พี่จะหาพี่ชายของข้าทำไมกันเล่า ไม่รู้หรือว่าเขาเพิ่งสอบราชการได้ ต้องออกไปสังสรรค์หรือ อีกอย่าง พี่สาวเองก็ถึงวัยแต่งงานแล้ว ควรรู้จักหลบเลี่ยงบ้าง”

แต่ก่อน ลู่ซานซานไม่กล้าพูดกับนางเช่นนี้เลย

บัดนี้ นางพูดเช่นนี้ออกมา อวี๋เยว่ฝูก็หาได้ตำหนิแม้ครึ่งคำ

นี่มันรังเกียจนางอย่างเห็นได้ชัด

หลินซือซือมิได้โง่ พอกลับถึงเรือนก็เริ่มเก็บข้าวของ ตั้งใจจะออกจากจวนแม่ทัพเจิ้งกั๋ว

อวี๋เยว่ฝูรีบมาปลอบใจนาง เอ่ยว่า

“ซือซือ เจ้าจะจากไปได้อย่างไรเล่า หากผู้อื่นรู้เข้า จะไม่คิดหรือว่าเจ้าถูกรังแก พี่ชายของเจ้าช่วงนี้ยุ่งไปกับงานสังสรรค์รับรองผู้คน นั่นล้วนเกี่ยวข้องกับหนทางข้าราชการของเขา หาได้จงใจทอดทิ้งเจ้าไม่ อีกอย่าง เจ้าก็รู้ดีว่าหลังเหตุครั้งก่อน นายท่านมีวามโกรธต่อเจ้าค้างอยู่ในใจ เจ้าจงรอสักหน่อย รอให้ซวี่เอ๋อร์เข้าสู่หกกรมก่อน หากนายท่านดีใจขึ้นมา อาจเห็นดีด้วยกับเรื่องแต่งงานของพวกเจ้าก็เป็นได้”

ตอนนั้นใจของหลินซือซือล้วนผูกอยู่กับลู่ซวี่ นางจะตัดใจจากไปจริง ๆ ได้อย่างไรกัน

เมื่อถูกปลอบประโลมจนสงบลงในที่สุด

วันนั้นเอง ลู่ซวี่กลับมาจากข้างนอกในสภาพเมามาย เดินไปยังเรือนอวิ๋นซูของหลินซือซือ เขากระชากหลินซือซือแรง ๆ ฉุดรั้งจนเสื้อผ้าขาดวิ่น พลางกล่าวว่า เจ้าตามหาข้าหรือ

“ข้าว่าที่จริงแล้ว เจ้าคงอยากได้ผู้ชายล่ะสิ แต่ข้าไม่ชอบใช้ของที่คนอื่นเคยใช้มาก่อน”

หลินซือซือโกรธจนร้องไห้ในทันที

ครั้นลู่ซวี่สร่างเมาแล้ว เขาก็กลับมาขอโทษอีกครั้ง เอ่ยว่าตนเมาจนพูดจาเหลวไหล

ยังกล่าวด้วยว่า ทุกวันเขาล้วนทุกข์ทรมาน เพราะคิดถึงเรื่องที่หญิงของตนเคยถูกผู้อื่นครอบครองมาก่อน

ภายใต้การสะกิดทั้งตั้งใจและไม่ตั้งใจของท่านน้า หลินซือซือเพื่อเอาใจทั้งจวนลู่ โดยเฉพาะลู่หวยสี่ จึงยอมมอบทรัพย์สินใหญ่โตให้แก่อวี๋เยว่ฝู ทั้งร้านขายผ้าของตระกูลหลินหกร้านในเมืองหลวงที่ทำเงินได้มหาศาล และบ้านเรือนใหญ่สองแห่งในชานเมืองตะวันตก ที่กินพื้นที่นับพันหมู่

นางยังควักเงินอีกหมื่นตำลึง เพื่อซ่อมแซมและปรับปรุงจวนแม่ทัพเจิ้งกั๋วทั้งด้านหน้าและด้านในให้ใหม่เอี่ยม

แต่ถึงกระนั้น ลู่ซวี่ก็ยังคงใช้ถ้อยคำทำร้ายนางอยู่เสมอ

กระทั่งวันหนึ่ง ในวันที่ฝนตก เขาเข้ามาในห้องตำรา กระชากนางกดไว้ใต้ร่าง ลงมือรังแกนางอย่างรุนแรง

ทั่วร่างของนางมีรอยจูบสีคล้ำกระจัดกระจายไปทั้งตัว ลากยาวลงไปจนถึงเอว บนผิวนั้นยังมีรอยนิ้วมือกดลึก แลดูยิ่งสะเทือนใจ

เมื่อก่อน ตอนแสงสลัวพร่าเลือน เขายังพอข่มใจได้ แต่บัดนี้ ไม่อาจยั้งมือได้อีกแล้ว

เพียงสบตากับดวงตาของหลินซือซือที่ชุ่มน้ำตา ลู่ซวี่ก็ห้ามใจมิได้ อยากให้นางหายใจแรง ๆ อยากนางให้ตกลงด้วย ไปจมอยู่ในกรงแห่งความรักนี้ที่นางสร้างขึ้น จนไม่อาจควบคุมตัวเองได้

ในคืนฝนตกหนักนั้น ม่านมุ้งกระจัดกระจาย เครื่องนอนชื้นเปียก เสียงหอบหายใจปนเสียงครางนวลอยู่ทั่ว จนกระทั่งหยดฝนร่วงลงพื้น ทำให้เหลือเพียงเสียงพร่ำเพียงไม่กี่ครั้ง เขาจึงหยุดลงเท่านั้น

ตั้งแต่แรกเริ่มที่เต็มไปด้วยอารมณ์แค้น จนถึงปลายทาง เกิดความพอใจทางร่างกาย ทั้งหมดล้วนเกิดเพราะนาง

นางคัดค้าน แต่เขากลับกล่าวอย่างดุร้ายว่า “ของมือสองอย่างเจ้า ข้ายอมใช้ เจ้าย่อมควรสำนึกบุญคุณแล้ว ยังกล้าร้องไห้อีกหรือ!”

หลังจากนั้นเขาก็กลับมาขอโทษ กล่าวว่าตนหึงหวงจนบ้าไป เพราะรักนางมากเกินไป

เขากลายเป็นคนหยาบคาย อารมณ์ขึ้นลงไม่แน่นอน และมักไม่ค่อยปรากฏตัวให้เห็น

อวี๋ซื่อหลบเลี่ยงเรื่องใหญ่ เอ่ยเพียงว่า “ใจของผู้ชายน่ะ ใช้ไปกับเส้นทางข้าราชการเป็นเรื่องดี วันหน้ามีอนาคตที่ดี ผู้หญิงอย่างเราก็ได้เกียรติไปด้วย”

แม่นมจางออกไปซื้อยาให้นาง พอกลับมา นางก็รายงานว่า เห็นคุณชายรองอยู่กับเสิ่นอวี้เจียว ผู้ซึ่งเป็นบุตรสาวที่ออกโดยภรรยาหลวงของเสนาบดีกรมการทหาร ทั้งสองเข้าไปในร้านเครื่องประทินโฉม

“เสิ่นอวี้เจียว?”

เสิ่นอวี้เจียวเป็นแขกประจำของจวนแม่ทัพเจิ้งกั๋ว นางรักในตัวลู่ซวี่ นี่เป็นสิ่งที่ใคร ๆ ก็เห็นกับตา แต่ก่อนหน้านี้ ลู่ซวี่ไม่เคยใส่ใจนาง ทำให้เสิ่นอวี้เจียวมีอคติต่อหลินซือซืออย่างมาก

บัดนี้ ทั้งสองกลับอยู่ด้วยกันหรือ?

หลินซือซือในตอนนั้นจึงไปหาอวี๋เยว่ฝูทันที

อวี๋เยว่ฝูกลับเอ่ยตอบว่า

“ซือซือ เรื่องเหล่านั้น ล้วนเป็นข่าวลือทั้งสิ้น”

“แต่ว่า เรื่องเจ้าจะแต่งกับพี่ชายเจ้าน่ะ น้าเขยเจ้ากล่าวแล้วว่า เจ้าไม่สามารถเป็นภรรยาหลวง เจ้ามีสิทธิ์เป็นได้เพียงอนุภรรยาเท่านั้น”

“น้าน่ะ ก็ลำบากใจเหมือนกัน”

สุดท้ายแล้ว พูดไปพูดมา ก็กลายเป็นว่าให้หลินซือซือเป็นอนุภรรยาของลู่ซวี่

“ซือซือ มีน้าคอยปกป้องเจ้า มีความผูกพันระหว่างเจ้ากับพี่ชายเจ้ามาตั้งแต่เยาว์วัย ไม่ว่าใครจะมาเป็นนายหญิงของจวนในอนาคต เจ้าก็ไม่ต้องทนทุกข์หรอก”

อวี๋เยว่ฝูยังคงเหมือนเดิม ถ้อยคำฟังดูไพเราะดี

“ท่านน้า เมื่อท่านพ่อท่านแม่ของข้ายังมีชีวิต ตอนส่งข้าเข้ามาในเมืองหลวง เคยบอกกับท่านยายไว้ว่า ไม่ว่าใครจะร่ำรวยยิ่งใหญ่เพียงใด ข้าก็ไม่สามารถตกเป็นอนุภรรยาเด็ดขาด”

หลินซือซือเอ่ยด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อย

ใบหน้าของอวี๋ซื่อเย็นชา หลินซือซือคิดว่าเป็นเพราะตนปฏิเสธนาง ทำให้นางไม่พอใจ

แต่กลับได้ยินอวี๋ซื่อเอ่ยอย่างเคียดแค้น

“ท่านแม่และท่านยายของเจ้าไม่อยากให้เจ้าเป็นอนุภรรยา แต่เหตุใดตอนนั้นกลับปล่อยให้ข้าเป็นอนุภรรยาได้เล่า”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel