ตอนที่4 [มาถึงหมู่บ้านดงลึก]
ล่องไพรวิจัยรัก
ตอนที่ 4
[ มาถึงหมู่บ้านดงลึก ]
ณ.หมู่บ้านดงลึก
หมู่บ้านดงลึกเป็นหมู่บ้านเล็ก ๆ ที่อยู่ห่างไกลความเจริญ และอยู่ใกล้กับผืนป่าดงพญาเย็นหรือชื่อเดิมคือ ดงพญาไฟ ทำให้บรรยากาศในหมู่บ้านนี้มองดูเงียบสงบเป็นธรรมชาติ แสงแดดยามสาย ๆ ที่เริ่มร้อนระอุ บวกกับสายลมที่พัดมากระทบทางลูกรังทางเข้าหมู่บ้านทำให้ฝุ่นดินแดงลอยฟุ้งกระจาย
รถฟอร์ดเอฟเวอร์เรสสีดำเงาแล่นเข้าไปจอดที่หน้าบ้านไม้สองชั้นยกพื้นแบบบ้านตามชนบท มุงด้วยสังกะสีเก่าคร่ำคร่า สนิมแดงฉานเกือบทั้งหลัง บ่งบอกถึงอายุของบ้านหลังนี้ว่าคงไม่ต่ำกว่า 100 ปีแน่เลย เสียงรถที่ดังเข้าไปถึงในบ้านทำให้ชายวัยกลางคนผิวเข้มผมสีดอกเลา นุ่งกางเกงขาสั้นไม่สวมเสื้อ มีผ้าขาวม้าผ้าไหมเก่า ๆ คาดเอว รีบเดินออกมาดู สายตาของชายชราจับจ้องไปยังชายหนุ่มร่างสูง หน้าตาคมสัน ผิวขาวเนียนแบบคนเมืองที่กำลังก้าวลงมาจากรถ พร้อมกับหญิงสาวอีกสองคนที่กำลังพากันเดินตรงเข้ามาหา
"เอ้า! พ่อหนุ่มมาจากไหนกันล่ะ แต่เอ๊…ดูหน้าตาคุ้น ๆ เหมือนเคยเห็นที่ไหนมาก่อน"
ชายวัยกลางคนเอ่ยถามชายหนุ่มขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่แหบพร่า
"สวัสดีครับลุงผู้ใหญ่ ผมชื่อธนากร เมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมาผมมาส่งคณะนักโบราณคดีที่มาสำรวจป่า ลุงผู้ใหญ่จำผมไม่ได้เหรอครับ"
ธนากรรีบเอ่ยบอกผู้ใหญ่ผัน เพราะคิดว่าผู้ใหญ่ผันคงจำเขาไม่ได้แน่เลย
"อ๋อ…จำได้แล้ว คุณนี่เอง ที่มาส่งพวกเขาวันนั้น ยังงี้แหละครับคนแก่หลง ๆ ลืม ๆจำอะไรไม่ค่อยได้"
ผู้ใหญ่ผันเอ่ยกับธนากรพลางหัวเราะร่วนออกมาตามประสาคนแก่
"ป่ะ! ไปนั่งคุยกันที่แคร่ไม้ไผ่ดีกว่าตรงนี้แดดร้อน"
ผู้ใหญ่ผันเดินนำหน้าทุกคนไปยังแคร่ไม้ไผ่ที่วางอยู่ใต้ถุนบ้าน แล้วหยิบขันตักน้ำในโอ่งมาวางบนแคร่
"เอ้า! มาเหนื่อย ๆ ดื่มน้ำกันก่อน เชิญนั่งกันตามสบายครับ ไม่ต้องเกรงใจ ที่นี่อาจจะไม่สะดวกสบายเหมือนอยู่ในเมือง ยังงี้แหละครับบ้านป่าบ้านดง"
"ไม่เป็นไรครับ ขอบคุณมากครับลุงผู้ใหญ่"
ทั้งสามคนนั่งลงบนแคร่ไม้ไผ่เก่า ๆ
"วันนี้พาใครมาด้วยล่ะ หน้าตาสะสวยทั้งคู่เลย"
ผู้ใหญ่ผันเอ่ยถามพร้อมกับมองไปยังนวินดาและนิดที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ธนากร
"ดา…นิด นี่ผู้ใหญ่ผันเป็นผู้ใหญ่บ้านที่นี่"
ธนากรแนะนำให้นวินดาและนิดรู้จัก
"สวัสดีค่ะลุงผู้ใหญ่"
"สวัสดีค่ะลุงผู้ใหญ่"
นวินดากับนิดรีบยกมือไหว้ผู้ใหญ่ผันอย่างนอบน้อมพร้อมกัน
" อ่อ…สวัสดีหนู"
"คนนี้ชื่อนวินดาครับ เป็นทหารและเป็น
ลูกสาวของพันเอก รวินท์ เมฆาพิทักษ์ ส่วน
คนนี้ชื่อนิด เป็นเด็กรับใช้ที่บ้านของเธอครับ"
ธนากรแนะนำให้ผู้ใหญ่ผันรู้จัก ผู้ใหญ่
ผันมองหน้าหญิงสาวอย่างพินิจารณาแล้วก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้
"อ้อ…คุณหนูเป็นลูกสาวท่านผู้พันรวินท์เหรอครับ ผมรู้จักท่านดี ท่านเคยพาทหารมาพักที่หมู่บ้าน ก่อนจะออกไปลาดตระเวณ ผู้พันท่านเป็นคนดี ชาวบ้านที่นี่รักและเคารพท่านมาก แต่น่าเสียดาย คนดี ๆ อย่างท่านไม่น่าอายุสั้นเลย"
คำพูดของผู้ใหญ่ผัน ทำให้นวินดา รูัสึกดีใจที่รู้ว่าผู้ใหญ่ผันรู้จักคุณพ่อของเธอ แต่เธอก็ต้องมีสีหน้าเศร้าลงทันที เมื่อผู้ใหญ่ผันกล่าวทิ้งท้ายถึงการเสียชีวิตของคุณพ่อเธอ
"ผมต้องขอโทษคุณหนูด้วยครับ ที่พูดถึงท่านผู้พัน ทำให้คุณหนูต้องสะเทือนใจ"
"ไม่เป็นไรค่ะ คุณพ่อท่านได้ทำหน้าที่ของท่านอย่างสมบูรณ์แบบแแล้วค่ะ และดาก็ดีใจมากที่ลุงผู้ใหญ่รู้จักคุณพ่อของดา"
หญิงสาวเอ่ยกับผู้ใหญ่ผันพร้อมกับยิ้มที่มุมปาก
"ว่าแต่ที่มากันวันนี้ มีธุระอะไรกันหรือ
เปล่า?"
ผู้ใหญ่ผันเอ่ยถามด้วยความสงสัย
"ดามาตามหาพี่ชายค่ะ พี่ชายของดาชื่อนิติพัฒน์ ที่เป็นคนพาคณะเข้าไปสำรวจป่าที่ดงพญาเย็น แต่ตอนนี้พี่พัฒน์หายตัวไปหลายวันแล้ว ติดต่ออะไรไม่ได้เลย"
ผู้ใหญ่ผันได้ฟังที่หญิงสาวบอกก็ทำให้ชายชรามีสีหน้าเคร่งเครียดขมวดคิ้วจนหน้าผากย่นก่อนจะเอ่ยกับหญิงสาวที่นั่งอยู่ตรงหน้า
"ตอนที่เขาจะพากันเข้าไปในป่าผมก็พยายามห้ามแล้ว ว่าอย่าเข้าไปเลย เพราะที่ป่านั่นมันมีแต่อันตราย คนที่เดินทางเข้าไปในผืนป่าดงพญาเย็นถ้าไม่เก่งจริง หรือมีความชำนาญทางก็จะหลงป่าหรือไม่ก็เจอกับอาถรรพ์สิ่งลี้ลับต่าง ๆ ตลอดจนสัตว์ป่าที่ดุร้าย แต่พวกเขาก็ไม่เชื่อไปกันจนได้ ผมไม่คิดเลยว่าคนที่นำคณะสำรวจเข้าไปในป่าจะเป็นพี่ชายของคุณหนู ไม่น่าเลย เฮ้อ!"
ผู้ใหญ่ผันพูดจบก็ถอนหายใจยาว นวินดาได้ยินที่ผู้ใหญ่ผันพูดก็มีสีหน้าและแววตาวิตกกังวลขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด
"ถึงยังไง…ดาก็ต้องไปตามหาพี่ชายของดาค่ะ ต่อให้ลำบากขนาดไหน หรือมีอันตรายแค่ไหนก็ตาม"
หญิงสาวยังคงยืนยันที่จะไปตามหาพี่ชายของเธอเหมือนเดิม
"แล้วคุณหนูจะทำยังไงต่อ"
ผู้ใหญ่ผันถามเสียงอ่อยเพราะคิดว่าเขาคงจะห้ามอะไรเธอไม่ได้แล้ว
"ดาอยากได้นายพรานเก่ง ๆ ที่ชำนาญทาง ฝีมือดีมีความสามารถที่จะนำทางพาพวกเราเข้าไปในป่า"
หญิงสาวเอ่ยบอกผู้ใหญ่ผันด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นและจริงจัง
"ที่หมู่บ้านแถวนี้ไม่มีพรานหรอกครับ เพราะพรานที่พอจะมีฝีมือเก่ง ๆ และชำนาญทางก็ไปกับพี่ชายคุณหนูหมดแล้ว จะมีก็ที่หมู่บ้านเนินไพรงามโน่นแหละ แต่ผมก็ไม่แน่ใจว่าพรานที่นั่นเขาจะนำทางไปไหม"
"เรื่องเขาจะนำทางไปหรือไม่นั้น ลุงผู้ใหญ่ไม่ต้องกังวล เรื่องนั้นดาจะเป็นคนไปคุยกับเขาเอง ขอเพียงแค่ให้ลุงผู้ใหญ่พาพวกเราไปหาเขาก็พอ"
ผู้ใหญ่ผันนิ่งเงียบ มีสีหน้าเหมือนคนคิดหนัก ก่อนจะตอบหญิงสาว
"ถ้าคุณหนูจะไปจริง ๆ ผมก็จะพาไปครับ หมู่บ้านเนินไพรงามอยู่ห่างจากที่นี่ประมาณ 40 กว่ากิโลเมตร แต่ทางที่จะไปเป็นทางลูกรัง อาจจะขับรถเร็วไม่ได้ เราต้องรีบไปตอนนี้เลย เดี๋ยวจะค่ำซะก่อน เพราะตอนนี้ก็ใกล้จะเที่ยงแล้ว"
"ถ้างั้นเราไปกันเดี๋ยวนี้เลย พี่กรเราจะไปหมู่บ้านเนินไพรงาม ลุงผู้ใหญ่จะไปกับเราด้วย"
นวินดาเอ่ยบอกธนากร แล้วทั้งหมดก็รีบเดินไปที่รถ ธนากรรีบขึ้นไปสตาร์ทรถ ทุกคนขึ้นรถกันอย่างรีบเร่ง รถแล่นออกไปแล้ว ผู้ใหญ่ผันนั่งหน้าคู่กับธนากร เพื่อคอยบอกทาง รถแล่นไปตามเส้นทางที่เป็นทางลูกรังที่เป็นหลุมขรุขระจนทำให้ฝุ่นดินสีแดงลอยฟุ้งกระจายเหมือนควันหมอก
"ถนนไม่ค่อยดีนะครับ เป็นทางลูกรัง มีแต่หลุมขับระวัง ๆ หน่อย ทางตามบ้านนอกก็แบบนี้แหละ ลาดยางยังมาไม่ถึงสีกที"
ผู้ใหญ่ผันหันไปบอกธนากรที่กำลังขับรถด้วยความลำบาก เพราะเขาไม่ชินกับการขับรถบนทางลูกรังแบบนี้
"ครับ…ลุงผู้ใหญ่ แต่ถ้าเราขับช้า ๆ มันก็จะมืดก่อนไปถึง ยังไงก็ต้องทนนั่งกระแทกกันหน่อยนะ"
ธนากรบอกทุกคนที่นั่งตัวโยกเยกโอนไปเอนมาตามแรงกระแทกของรถที่ตกหลุม รถแล่นไปเรื่อย ๆ ตามถนนลูกรังที่ขรุขระได้ประมาณ 30 กว่ากิโล ก็เข้าเขตถนนลาดยางผู้ใหญ่ผันหันไปมองธนากรที่ตอนนี้ดูสีหน้าเริ่มดีขึ้นมาแล้ว เพราะขับรถสบายขึ้นกว่าเดิม
"เข้าเส้นทางลาดยางแล้ว อีกประมาณ 10 กว่ากิโลก็จะถึงบ้านเนินไพรงามแล้วครับ"
ผู้ใหญ่ผันบอกทุกคนเพราะรู้ว่าตอนนี้พวกเขาต่างใจจดใจจ่ออยากจะไปให้ถึงหมู่บ้านเนินไพรงามกันแล้ว
