ตอนที่5 [นวินดามาบ้านภูวิศ]
ล่องไพรวิจัยรัก
ตอนที่ 5
[ นวินดามาบ้านภูวิศ ]
ณ.หมู่บ้านเนินไพรงาม ที่บ้านภูวิศ
พระอาทิตย์ยามบ่ายเริ่มอ่อนแสงลงเพราะเป็นเวลาบ่ายคล้อยแล้ว กำนันภพใส่ชุดม่อฮ่อมสีน้ำเงิน มีผ้าขาวม้าผ้าไหมลายสีสดสวยงามคาดเอว กำลังเดินดูกล้วยไม้อยู่ในเรือนกล้วยไม้ข้างบ้านที่กำลังออกดอกบานสะพรั่งอย่างมีความสุขตามประสาคนรักดอกไม้ต้นไม้และธรรมชาติ
เสียงรถยนต์แล่นเข้ามาจอดที่ลานหน้าบ้าน ผู้ใหญ่ผันก้าวลงมาจากรถ ชายหนุ่มร่างสูง ผิวขาว หน้าตาคมสัน เปิดประตูรถก้าวลงมาพร้อมกันกับหญิงสาวร่างสูงโปร่งเพรียวบาง ผมยาวสลวย หน้าตาสะสวย ผิวขาวเนียน และเด็กสาววัยรุ่นหน้าตาดีอีกคนก้าวลงจากรถเดินตามกันมา กำนันภพจ้องมองไปยังกลุ่มคนที่กำลังเดินเข้ามา ดูจากหน้าตาและการแต่งตัว ก็รู้ว่าพวกเขาน่าจะไม่ใช่ชาวบ้านในละแวกนี้แน่นอน จะมีก็แต่ผู้ใหญ่ผันคนเดียวเท่านั้นที่กำนันภพรู้จักและจำได้ กำนันภพรีบเดินออกจากเรือนกล้วยไม้ไปหาพวกเขาที่กำลังเดินตรงมายังบ้าน
"สวัสดีกำนัน สบายดีนะครับ?"
ผู้ใหญ่ผันยกมือไหว้ทักทายกำนันภพ
"อ่อ…สวัสดีผู้ใหญ่ นึกว่าใคร ไปยังไงมายังไงถึงมาหาข้าได้ล่ะวันนี้…แล้วนี่พาใครมาด้วยล่ะ ดูท่าทางคงจะไม่ใช่คนบ้านเรา"
กำนันภพเอ่ยถามผู้ใหญ่ผันแต่สายตาจ้องมองไปที่พวกเขาทั้งสามคน
"พวกเขามาจากกรุงเทพฯ ครับกำนัน"
"นี่กำนันภพครับ เป็นกำนันที่นี่"
ผุู้ใหญ่ผันแนะนำให้ธนากรและทุกคนรู้จัก
"สวัสดีครับลุงกำนัน"
"สวัสดีค่ะลุงกำนัน"
"สวัสดีค่ะลุงกำนัน"
ทั้ง 3 คน ยกมือไหว้กำนันภพพร้อม ๆ กัน
"นี่…ผู้หมวดนวินดาเป็นทหาร คุณหนูเป็นลูกสาวท่านผู้พันรวินท์ และนี่ก็คุณธนากรเป็นเพื่อนคุณหนู ส่วนหนูคนนี้เป็นเด็กรับใช้ในบ้านของคุณหนูครับกำนัน"
"อ่อ…สวัสดี…สวัสดีทุกคน"
กำนันภพมองหญิงสาวที่ยืนอยู่ตรงหน้า ที่ผู้ใหญ่ผันบอกว่าเธอเป็นลูกสาวของพันเอกรวินท์ ทำให้กำนันภพนิ่งเงียบไปเพื่อทบทวนความจำ เพราะสงสัยว่าทำไมชื่อผู้พันและชื่อเด็กสาวคนนี้ถึงได้เหมือนกันกับผู้พันที่เขาเคยไปเป็นทหารรับใช้ ตอนที่เป็นทหารเกณฑ์เลย แต่กำนันภพเองก็ยังไม่กล้าที่จะเอ่ยถามอะไรหญิงสาวในตอนนี้
"อ่อ…เป็นผู้หมวดเหรอครับ เป็นทหารเหมือนคุณพ่อด้วย หายากนะครับที่ผู้หญิงจะชอบการเป็นทหาร คุณหนูเก่งมากครับ"
"ป่ะ! ไปนั่งคุยกันในบ้านดีกว่า"
กำนันภพเอ่ยกับทุกคน แล้วเดินนำหน้าไปยังโต๊ะรับแขกที่ทำด้วยไม้สักทอง
"เชิญนั่งกันตามสบายนะครับ…ไม่ต้องเกรงใจ นึกเสียว่าเป็นบ้านของตัวเองก็แล้วกัน เดี๋ยวผมจะไปบอกให้เด็กเอาน้ำมาให้ รอแป๊บนึงนะครับ"
"ขอบคุณครับ"
"ขอบคุณค่ะ"
ทั้ง 4 คนนั่งลง พร้อม ๆ กัน ในขณะที่นั่งรออยู่นั้น หญิงสาวก็อดที่จะกวาดสายตามองดูความสวยงามของบ้านไม่ได้ หญิงสาวมองไปเรื่อย ๆ แล้วก็นึกในใจว่า….บ้านหลังนี้ทำจากไม้สักทองทั้งหลัง การที่จะสร้างบ้านได้แบบนี้เจ้าของบ้านจะต้องเป็นคนที่มีฐานะค่อนข้างดีมากเลยทีเดียว ถึงจะทำบ้านแบบนี้ได้ ขณะที่หญิงสาวกำลังเพลิดเพลินกับการชมความงดงามของบ้านอยู่นั้น ก็เห็นเด็กสาวบ้านป่า นุ่งชุดผ้าไหมสีสวยสด หน้าตารูปไข่ผมยาวสลวย ผิวพรรณขาวสะอาดสะอ้านสวยงาม เดินยิ้มมาแต่ไกลในมือถือถาดน้ำเย็น 4 แก้ว โดยมีกำนันภพ เดินตามมาติด ๆ
"น้ำเย็นค่ะ!"
เด็กสาวบ้านป่านั่งลงค่อย ๆ วางถาดน้ำเย็นลงบนโต๊ะอย่างนอบน้อม แต่แล้วเด็กสาวก็ต้องอมยิ้มอย่างเขินอายเมื่อมองเห็นสายตาหลายคู่ที่กำลังจับจ้องมองมา เด็กสาวยิ้มบาง ๆ ก่อนจะรีบลุกขึ้นหันหลังเดินจากไป
"มากันเหนื่อย ๆ เชิญดื่มน้ำดื่มท่ากันก่อนครับ"
กำนันภพเอ่ยกับทุกคน แล้วหันไปพินิจพิจารณาใบหน้าของหญิงสาว ด้วยความสงสัยที่ยังค้างคาใจอยู่ จึงอดที่จะเอ่ยถามขึ้นมาไม่ได้
"ขอโทษนะครับ คุณหนูเป็นลูกสาวของ พันเอก รวินท์ เมฆาพิทักษ์ รึเปล่าครับ?"
"ใช่ค่ะ! ทำไมคุณลุงกำนันรู้จักคุณพ่อของดาด้วยเหรอค่ะ"
"อ๋อ…รู้จักดีเลยครับ โลกมันช่างกลมจริง ๆ ท่านผู้พันรวินท์ท่านเป็นผู้บังคับบัญชาผมเอง สมัยตอนที่ผมเป็นทหารเกณฑ์ผมเคยเป็นทหารรับใช้ที่บ้านท่าน ผมจำได้ตอนนั้นคุณหนูอายุประมาณเจ็ดแปดขวบเองครับ"
นวินดาได้ยินกำนันภพพูดอย่างนั้น เธอก็นิ่งเงียบเพื่อนึกทบทวนความจำ
"ดาจำได้แล้วค่ะ คุณลุงกำนันนี่เองที่พาดากับพี่พัฒน์วิ่งเล่นที่สนามหญ้าหน้าบ้านตอนเด็ก ๆ "
หญิงสาวมีอาการตื่นเต้น ฉีกยิ้มกว้างด้วยความดีใจขึ้นมาทันที ธนากรมองเห็นแล้วก็อดที่ดีใจและยิ้มตามเธอไม่ได้
"ดาดีใจมากค่ะ ไม่คิดเลยว่าจะมาเจอคุณลุงที่นี่"
"ผมก็ดีใจครับคุณหนู ที่ได้มาเจอกับลูกสาวท่านผู้พันเจ้านายเก่าของผม ผู้พันท่านเป็นคนดีมีเมตตา ท่านเคยช่วยเหลือครอบครัวผม ตอนนั้นชีวิตผมลำบากมาก ถ้าไม่ได้ท่านคอยช่วยเหลือ คงไม่ประสพความสำเร็จและคงไม่ได้สุขสบายเหมือนทุกวันนี้ ผมไม่เคยลืมบุญคุณของท่านเลย แต่น่าเสียดายที่คนดี ๆ อย่างท่านไม่น่าอายุสั้นเลย แต่ก็ถือว่าท่านได้ทำหน้าที่ของชายชาติทหารอย่างสมบูรณ์แบบแล้วครับ"
"คุณพ่อท่านเป็นคนดีจริง ๆ ดาภูมิใจมากที่ได้เกิดมาเป็นลูกท่าน ที่ผ่านมาถือว่าท่านทำหน้าที่ของท่านได้ดีที่สุดแล้วค่ะ"
"ใช่ครับคุณหนู แล้วคุณหนูมาที่นี่มีธุระอะไรรึเปล่าครับ"
"ดามาตามหาพี่พัฒน์ค่ะ พี่ชายของดาพาคณะเข้าไปสำรวจป่าที่ดงพญาเย็น ตอนนี้หายตัวไปหลายวันแล้ว ดาเป็นห่วงพี่พัฒน์มากเลยต้องมาตามหาค่ะ"
เมื่อกำนันภพได้ฟังที่หญิงสาวบอก ก็ถึงกับนิ่งเงียบเพราะคิดไม่ถึงว่าหญิงสาวตัวเล็ก ๆ อย่างเธอจะมาตามหาพี่ชายในป่าใหญ่ดงพญาเย็นที่มีแต่อันตรายทุกย่างก้าว
"เรื่องที่จะไปตามหาพี่ชายคุณหนูในป่ามันไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ เพราะป่าดงพญาเย็นมันมีแต่อันตรายทุกย่างก้าว ถ้าไม่ชำนาญเส้นทางในป่าอาจหลงทางจนกลับออกมาไม่ได้ มีนายพรานหลายต่อหลายคนที่ต้องเอาชีวิตไปทิ้งไว้ในป่าผืนนี้"
หญิงสาวได้ฟังที่กำนันภพเอ่ยขึ้นมาอย่างนั้น เธอก็มีสีหน้าเคร่งเครียดและวิตกกังวลทำให้บรรยากาศในวงสนทนาเริ่มตึงเครียดขึ้นมาทันที
"ไม่ว่าจะมีอันตรายสักแค่ไหน หรือจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม ดาก็ต้องไปตามหาพี่พัฒน์ให้ได้ เพราะดาเชื่อว่าไม่มีวิธีไหนที่จะดีไปกว่านี้แล้วค่ะ"
กำนันภพได้ฟังหญิงสาวพูดอย่างนั้น ก็คิดว่าเขาคงจะห้ามอะไรเธอไม่ได้อีกแล้ว
"เมื่อคุณหนูยังยืนยันที่จะเข้าไปตามหาพี่ชายให้ได้ ผมก็คงจะห้ามอะไรไม่ได้ แล้วคุณหนูจะทำยังไงต่อ"
"ดาต้องการนายพรานที่เก่ง ๆ และมีความชำนาญในการเดินทาง เพื่อนำทางให้ค่ะ ลุงผู้ใหญ่บอกว่าที่หมู่บ้านนี้มีนายพรานเก่ง ๆ ใช่ไหมคะ?"
หญิงสาวเอ่ยขึ้นมาพร้อมกับหันไปมองผู้ใหญ่ผันที่กำลังทำท่าเหมือนจะเบือนหลบสายตากำนันภพที่กำลังจ้องมองอยู่
"ที่นี่ก็มีผมกับพรานสิงห์นี่แหละที่เคยเป็นพรานตอนสมัยหนุ่ม ๆ และชำนาญการเดินป่าแถวนี้ แต่ตอนนี้ผมก็แก่มากแล้ว จะไปเดินบุกป่าฝ่าดงเหมือนตอนสมัยหนุ่ม ๆ คงไม่ไหวแล้วครับ มันเป็นอดีตไปแล้ว ก็มีแต่พรานสิงห์คงพอไหวอยู่ แต่แกจะนำทางให้รึเปล่าผมเองก็ยังไม่แน่ใจครับ"
นวินดาได้ฟังกำนันภพเอ่ยมาอย่างนั้นก็รู้สึกผิดหวัง เพราะเธอคิดว่าจะไปหานายพรานที่ไหนได้อีก
"นอกจากคุณลุงกำนันกับพรานสิงห์ แล้วยังมีพรานคนอื่นที่เก่ง ๆ อีกไหมคะ?"
กำนันภพนิ่งเงียบและคิดว่าจะหานายพรานที่ไหนได้อีก พลันกำนันภพก็นึกถึงภูวิศลูกชายของเขาขึ้นมาได้
"ก็มีลูกชายของผมอีกคน แต่เขาจะรับงานนำทางให้คุณหนูรึเปล่าผมเองก็ยังไม่แน่ใจเหมือนกันครับ"
"ไม่เป็นไรค่ะ เรื่องนั้นเดี๋ยวดาคุยกับเขาเองค่ะ"
ขณะที่ทุกคนกำลังนั่งคุยกันอย่างเคร่งเครียดอยู่นั้น เสียงรถยนต์หลายคันก็แล่นเข้ามา ทั้งหมดรีบหันมองไปยังรถจิ๊บหน้ากบและรถกระบะสองคันที่แล่นเข้ามาจอดที่ลานหน้าบ้าน
